ค่ำคืนที่มืดมิดไร้ดวงจันทร์ ในห้วงความฝันของลี่จินที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ ปรากฏภาพที่ชาวบ้านหลายคนกำลังรุมประชาทัณฑ์หญิงสาวร่างบางจนโลหิตสีแดงนองพื้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ข้างกายเธอมีเพียงเด็กชายตัวน้อยที่พยายามร้องห้ามทุกคนไม่ให้ทำร้ายมารดาของตน ผู้คนรอบข้างต่างยืนมองด้วยสายตารังเกียจปนโกรธแค้นไม่อยากเข้าใกล้หรือช่วยเหลือ ยังไม่ทันที่ลี่จินจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สติของเธอก็หวนกลับมาจนร่างบางสะดุ้งตื่น
เฮือก!!
" นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงฝันแต่เรื่องเดิม ๆ อยู่ตลอด "
เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามไรผมของลี่จิน ทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิความเย็นในห้องอยู่ที่ 18 องศา เธอกำลังคิดทบทวนถึงความฝันที่เกิดขึ้นซ้ำกันทุกวัน แต่สิ่งที่แปลกคือเธอรู้สึกเหมือนว่าหญิงสาวที่เธอฝันเห็นเป็นเธอเสียเอง
ตั้งแต่ที่เธอได้กำไลหยกมาจากคุณตาคนหนึ่ง เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนไปทำบุญที่วัด ภาพเหตุการณ์นั้นก็มาหลอกหลอนเธอทุกค่ำคืน
ย้อนกลับไปวันนั้นเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน
พอเธอเดินออกมาจากวัดมีคุณตาท่านหนึ่งนั่งขายเครื่องประดับหยกอยู่ที่หน้าวัด เธอเลยเดินเข้าไปดูตามวิสัยของนักออกแบบที่จะต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
" แม่หนูชอบกำไลหยกหรือไม่ " ชายชราเอ่ยถามลี่จินเมื่อเธอเดินเข้าไปดูที่แผงเครื่องประดับ แต่แววตาของชายชราแฝงแววลึกลับบางอย่างที่ลี่จินไม่ทันสังเกตเห็น
" คุณตาขายยังไงหรอคะ เดี๋ยวหนูช่วยซื้อค่ะ คุณตาเลือกให้หนูเลยว่ามีอันไหนที่เหมาะกับหนู "
ลี่จินหันซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นใครอยู่แถวนั้นสักคน เธอเพียงนึกสงสัยว่าคุณตาทำไมถึงมาขายอยู่หน้าวัดเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ชานเมืองแบบนี้
" เช่นนั้นก็เป็นกำไลวงนี้แล้วกันนะ มันรอเจ้าของมานานแล้ว ราคาเพียง 50 บาทเท่านั้นแม่หนู " ใบหน้าของชายชราปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นลี่จินก้มหน้าหยิบเงินในกระเป๋า
" นี่เงิน 500 บาทค่ะคุณตา ที่เหลือหนูให้คุณตาเก็บไว้ซื้อของกินนะคะ "
ลี่จินยื่นเงินให้ชายชราแล้วรับกำไลหยกมาถือไว้ในมือ จริง ๆ แล้วเธอเพียงอยากช่วยชายชราเท่านั้น แต่เธอตระหนักได้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะอยากได้เงินของคนอื่นไปเปล่า ๆ
" ขอบใจแม่หนูมาก เก็บรักษากำไลวงนี้ไว้ให้ดี มันจะนำพาเจ้าไปพบกับคู่ผูกด้ายแดงของเจ้า เมื่อถึงเวลาอันสมควรเราจะได้พบกันอีกครั้ง "
น้ำเสียงเย็นเยียบดูทรงพลัง ทั้งวาจาที่แปลกประหลาดสำหรับยุคสมัยนี้ทำให้ลี่จินหันไปมองชายชราอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถของเธอ
" หมายความว่ายังไงกันนะ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง "
ลี่จินเดินออกไปได้ยังไม่ถึง 10 ก้าว เมื่อเธอหันกลับมามองชายชราอีกครั้งก็พบเพียงความว่างเปล่า
เธอได้แต่เร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงรถเร็วขึ้นกว่าเดิม ในใจของเธอรู้ได้ทันทีว่าตัวเองพึ่งเจอเรื่องลี้ลับที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ เธอจึงได้แต่เก็บเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก
ตั้งแต่คืนแรกที่ได้กำไลมาเธอก็ฝันเห็นหญิงสาวถูกรุมประชาทัณฑ์ และมันก็เกิดขึ้นกับเธอทุกคืนตลอด 1 สัปดาห์
ปัจจุบัน
" คุณตาใช่ไหมคะที่ทำให้หนูฝันแบบนี้ ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหนูก็บอกหนูมาเถอะค่ะ อย่าปล่อยให้หนูต้องสงสัยต่อไปแบบนี้เลย "
ลี่จินสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะหยิบกำไลที่อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาแล้วพูดขึ้นลอย ๆ คนเดียว เธอเชื่อว่าเรื่องลี้ลับมีอยู่จริงในโลกใบนี้ แล้วเหตุการณ์ที่เธอฝันถึงมันเหมือนจริงและเกิดขึ้นทุกวัน มันบ่อยเกินกว่าเธอจะหาเหตุผลมาหักล้างได้
พรึบ
" แม่หนู เจ้าไม่กลัวรึ เหตุใดจึงกล้าเอ่ยถึงเราผู้เฒ่าในยามราตรีที่เงียบสงัดเช่นนี้ "
ลี่จินสะดุ้งโหยง เมื่อสิ่งที่เธอคิดเอาได้เกิดขึ้นจริง อยู่ชายชราคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอ แม้ว่าเธอจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เชื่อเถอะหากใครได้พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็ต้องตกใจกลัวไม่ต่างจากเธอ
" คะ..คุณตา นี่คือเรื่องจริง ระ..หรือหนูฝันไปคะเนี่ย " น้ำเสียงสั่นเทาเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
" ทุกอย่างคือความจริง เรื่องราวในความฝันของเจ้าก็เช่นกัน เจ้าอยากรู้มิใช่รึว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า วันนี้เราผู้เฒ่าจะมาให้ความกระจ่างแก่เจ้าเพราะทุกอย่างกำลังจะถึงเวลาของมันแล้ว "
ลี่จินมองหน้าชายชราด้วยความหวั่นใจ เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง แต่หากทุกอย่างเป็นโชคชะตาเธอก็พร้อมจะน้อมรับมัน
" คุณตาบอกหนูเถอะค่ะ หนูไม่อยากอยู่กับความรู้สึกค้างคาแบบนี้แล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะค่ะ " ร่างบางเอ่ยออกมาเมื่อเริ่มทำใจได้แล้ว
" ดี เจ้ามีสติกว่าที่เราผู้เฒ่าคิดเอาไว้ เช่นนั้นจงตั้งใจฟังให้ดี เวลาของเจ้าในภพนี้กำลังจะหมดในอีก 3 วันข้างหน้า แต่เป็นเพราะเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดเวลาเจ้าจึงต้องกลับไปในที่ของเจ้า คู่ผูกด้ายแดงของเจ้าและบุตรชายของเขา รอเจ้าอยู่อีกกาลเวลาหนึ่ง เจ้าจะต้องไปใช้ชีวิตในร่างของสตรีที่เจ้าฝันเห็น อาจจะต้องลำบากในช่วงแรก แต่บั้นปลายชีวิตเจ้าสามารถลิขิตเองได้ "
คำตอบของชายชราเหนือความคาดหมายของลี่จินจนหญิงสาวอ้าปากค้างเมื่อได้ฟัง
" อะ..เอ่อ คุณตาหมายความว่าหนูกำลังจะตายอย่างนั้นหรือคะ แล้วตายไปแล้วหนูต้องไปอยู่ที่ไหน ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรเอาไว้บ้างก็ไม่รู้ ในความฝันของหนูเหมือนว่าจะไม่มีใครชอบเธอเลยนะคะ "
ลี่จินตั้งสติก่อนจะถามออกไปด้วยความกังวลใจ หากเธอต้องเข้าไปอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนั้นจริง เธอคงต้องคอยหวาดระแวงอยู่ไม่น้อย
" ตัวตนและเรื่องราวของเจ้าจะเลือนหายไปจากภพนี้ในอีก 3 วันข้างหน้า เจ้าต้องกลับไปใช้ชีวิตในยุคปฏิวัติของจีนต้นกำเนิดเดิมของครอบครัวเจ้า เช่นนั้นเจ้าจึงต้องลำบากอยู่มาก แต่เราผู้เฒ่ามิได้ใจร้ายถึงเพียงนั้น กำไลที่เจ้าได้ไปคือประตูมิติที่เจ้าสามารถนำสิ่งของเข้าไปเก็บไว้ได้ ทั้งของสด และของแห้ง ทุกอย่างจะคงสภาพดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เจ้ามีเวลาจัดหาสิ่งของทุกอย่างให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน ก่อนที่ตัวตนของเจ้าจะหายไปจากโลกนี้ "
ลี่จินตาค้างเมื่อรู้ว่าตนเองต้องกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำที่สุด ผู้คนมากมายต้องล้มตายเพราะความหิวโหย
" แล้วกำไลมิติวงนี้ใช้งานยังไงหรือคะ "
" เพียงเจ้าสวมใส่กำไลแล้วใช้มือข้างนั้นแตะสิ่งของก่อนจะพูดว่า เก็บ เพียงเท่านั้นสิ่งของตรงหน้าก็จะเข้าไปอยู่ในมิติแล้ว สิ่งของทุกอย่างที่มีอยู่ในนั้นหากถูกนำออกไปใช้แล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะผุดขึ้นมาใหม่ ในปริมาณเท่าเดิม เจ้าเข้าใจที่เราผู้เฒ่าพูดหรือไม่ "
" เข้าใจค่ะ แล้วถ้าหนูอยากให้บ้านหลังนี้เข้าไปอยู่ในมิติด้วยได้ไหมคะคุณตา สิ่งของสำคัญในการทำงานต่าง ๆ ของหนูอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งหมด ความทรงจำที่เหลืออยู่กับครอบครัวของหนูก็มีเพียงที่นี่เท่านั้น "
ดวงตาลี่จินหม่นลงเมื่อนึกถึงการสูญเสียเมื่อหลายปีก่อน ที่พ่อของเธอพาแม่และย่าไปหาเธอที่มหาวิทลัยในต่างเมืองแต่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งหมด
เธอต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้ ตั้งแต่นั้นมาเธอจึงกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียว และทำงานออกแบบเครื่องประดับส่งให้บริษัทของเพื่อนสนิท
ครอบครัวของเธอเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่มีรุ่นคุณปู่คุณย่ามาตั้งรกรากที่ประเทศไทย ทั้งพ่อแม่ของเธอก็เป็นลูกคนเดียว เธอจึงไม่มีญาติที่ไหนอีก
" ได้ เราผู้เฒ่าจะจัดการให้เจ้าเอง วันพรุ่งนี้เจ้าก็เริ่มเตรียมตัวได้แล้ว อีก 3 วันข้างหน้าเราจะมารับเจ้า "
" ค่ะคุณตา "
พรึบ
ลี่จินตัวสะดุ้งโหยงเมื่อชายชราหายไปต่อหน้าต่อตา เธอหันไปดูนาฬิกาพบว่าเป็นเวลา 04.00 น. ร่างบางล้มตัวลงนอนแต่ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้
เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดค้นหาข้อมูลในช่วงยุคปฏิวัติ เพื่อจะได้รู้ว่าต้องเตรียมสิ่งของอะไรติดตัวไปบ้าง