บทที่ 8 จัดการนาง

2089 คำ
หลินจื่อเว่ยสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกถึงอาการชาที่แก้มทั้งสองข้าง กระนั้นก็ยังมีท่าทางหยิ่งทะนง นางยกมุมปากเล็กน้อยจับจ้องใบหน้าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาด้วยดวงตาแข็งกร้าว ไม่รู้ด้วยเหตุใดหลินอ๋องจึงบังเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด เขาผงะเล็กน้อยคล้ายกับว่านางผู้ร่างกายอ่อนแอนั้นบัดนี้กำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมาสังหารเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ สายตาอำมหิตเช่นนี้แน่นอนว่าเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน "ท่านพ่อ ถึงท่านจะไม่เห็นว่าข้าเป็นลูกแล้ว แต่ท่านก็อย่าลืมว่าข้าคือคู่หมั้นหมายของผู้ใด เรื่องที่ท่านคิดว่าต่ำทรามนี้จะกล้าเอ่ยออกนอกจวนให้เสื่อมเสียหรือ ที่ท่านอยากให้ข้าตายคงเพราะต้องการฝังร่างของข้าเงียบ ๆ แล้วเปลี่ยนตัวเจ้าสาวใช่หรือไม่ น่าเสียดายที่ทำอย่างไรข้าก็ไม่ตายเสียที" "หุบปาก" ไม่รู้ว่าเพราะจู่ ๆ ก็บังเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจจนต้องจัดการนางให้แน่ใจว่านางก็แค่สตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง หรือเพราะว่าเขาทนกับความจริงที่นางเอ่ยไม่ได้กันแน่ หลินอ๋องจึงขยับเข้ามาใกล้แล้วเงื้อมือขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วฟาดลงไปอย่างแรง หลินจื่อเว่ยยังมองคนผู้นั้นโดยไม่สะทกสะท้าน ฝ่ามือใหญ่ที่ตบลงมาครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงกระทบเนื้อดังลั่น น้ำตาของจินเจาไหลแล้วไหลอีกแม้อยากจะปกป้องท่านหญิงแต่นางก็ถูกคนของหลินอ๋องจับตัวเอาไว้ จินเจาจึงได้แต่มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแดงของฝ่ามือใหญ่นั้นด้วยหัวใจที่ปวดร้าว หลินอ๋องตบบุตรสาวตนเองจนรู้สึกเจ็บมือ และแน่ใจว่าร่างเล็กนั้นไม่อาจทนไหวแล้วจึงได้ยอมหยุดมือในที่สุด "จัดการนาง ข้าคอยดูว่านางจะปากเก่งไปได้อีกนานเพียงใด" เพียงคำสั่งนั้นร่างทั้งร่างของหลินจื่อเว่ยก็เปียกโชกไปทั้งตัว อากาศหนาวเย็นเช่นนี้นางยังถูกคนนำน้ำมาราดจนเปียกชุ่ม ความหนาวเย็นเสียดแทงเข้าไปจนถึงกระดูก ร่างบอบบางของหลินจื่อเว่ยสั่นสะท้าน ริมฝีปากซีดกลายเป็นเขียวคล้ำในทันใด โรคมือเท้าเย็นของนางกำลังกำเริบแต่นางกลับไม่ปริปากร้องขออันใด ในใจเพียงแต่จดจำทุกความเจ็บปวดที่นางได้สัมผัสนี้แล้วฝังมันเอาไว้ในกระดูกดำ นางหลับตาช้า ๆ ในใจคิดว่า ดี หากในยามที่นางเอาคืนจะได้ไม่มีสิ่งใดที่ติดค้างอยู่ในใจอีก การแก้แค้นนี้มิได้ทำเพื่อช่วยหลินจื่อเว่ยอีกต่อไป แต่เป็นการแก้แค้นเพื่อตัวนางเอง ผู้ใดทำสิ่งใดไว้นางรู้ดีว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ยิ่งกว่าสิ่งนั้นเป็นเท่าทวี หลินอ๋องยิ่งเห็นว่าบุตรสาวไม่ร้องขอชีวิต ยังคงเย่อหยิ่งจองหองยิ่งทำให้เขารู้สึกชิงชัง อยากดึงดาบมาสังหารนางให้ตายเสีย ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งในใจห้ามเอาไว้ ที่แท้เขาเองในอีกใจหนึ่งก็ยังคงลังเลว่าที่แท้จริงนางใช่บุตรสาวของเขาจริงหรือไม่ เขาจึงหันหลังให้นางแล้วเอ่ยเสียงเย็น "ลากนางไปที่โรงเก็บฟืน ไม่ต้องให้นางดื่มยาอีก" จินเจาคุกเข่าลงโขกศีรษะกับพื้นจนแดงก่ำ "ท่านอ๋องได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ร่างกายท่านหญิงอ่อนแอเกรงว่าจะรับไม่ไหว ท่านอ๋อง ฮือ ฮือ ฮือ" ทว่าหลินอ๋องไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาเดินจากไปด้วยความรู้สึกมากมายที่อยู่ในใจ แววตาคู่นั้นของนางช่างแข็งกร้าวนักทำให้เขาบังเกิดโทสะยังมีฝีปากกล้าที่ไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดออกมาจากปากของนางอีก ภาพที่มารดาของนางอยู่ร่วมเตียงกับชายอื่นผุดขึ้นมาในความคิด เวลานั้นเขาเพิ่งกลับมาจากออกตรวจราชการโดยไม่บอกกล่าวคนที่บ้านเพราะเป็นการกลับมาก่อนกำหนด ทว่ากลับไม่พบเมียรักอยู่ที่เรือน คนของเขาผู้หนึ่งรายงานด้วยท่าทางหวาดกลัว ว่านางลอบคบชู้และยามนั้นยังใช้เรือนร้างหลังจวนเป็นที่นัดพบ บุรุษผู้นั้นเป็นองครักษ์ของนางเอง หลังจากจับได้คาเตียงและเห็นชัดว่าพระชายาของตนกำลังร่วมรักกับองครักษ์ผู้นั้นอย่างถึงพริกถึงขิง กระทั่งหลินอ๋องบุกเข้าไปจัดการนางยังทำตัวราวกับไม่รู้เรื่อง และยังกล้าร่ำไห้ปฏิเสธทั้งน้ำตาอย่างหน้าด้านหน้าทน เขาแยกคนสองคนออกจากกันแล้วทำการสอบสวนอย่างเหี้ยมโหด อดีตพระชายายังปากแข็งแต่องครักษ์ผู้นั้นไม่อาจทนการทรมานไหว จึงได้เล่าความจริง พวกเขาเป็นคู่รักกันตั้งแต่ก่อนนางแต่งเข้ามาและลอบคบชู้กันมาเนิ่นนานแล้ว บุตรสาวของเขาคนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นลูกของผู้ใดกันแน่ ตัวหลินอ๋องมีอนุหลายคน ทั้งยังมีนางข้างห้องเขาเป็นบุรุษเจ้าสำราญมีคนปรนนิบัติมากมาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับพระชายาของตนเองเท่าใด เขาจึงปักใจเชื่อว่าหลินจื่อเว่ยต้องเป็นลูกชู้อย่างแน่นอน เขาตั้งใจจะฆ่าองครักษ์ผู้นั้น แต่บุรุษเจ้าเล่ห์กลับหนีไปได้ ในขณะที่วันต่อมาพระชายาของเขาก็ฆ่าตัวตาย เขารู้สึกว่าเขายังไม่ได้ทรมานนางเลยแม้แต่น้อย ไยนางจึงหนีเอาตัวรอดไปเช่นนั้น ความแค้นของหลินอ๋องจึงตกมาอยู่ที่หลินจื่อเว่ย ยิ่งคิดถึงความหลังก็ยิ่งแค้นเคือง หลินอ๋องไม่อาจทนเห็นหน้าหลินจื่อเว่ยได้อีก ในใจคิดแต่ว่าต้องการทรมานเด็กสาวผู้นี้แทนมารดาของนาง ทำให้วิญญาณของมารดาหลินจื่อเว่ยไม่สงบสุข ให้นางรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะความผิดของนางที่ทำให้ชะตากรรมของหลินจื่อเว่ยต้องเป็นเช่นนี้ หลังจากร่างหลินอ๋องลับตา ทหารนายหนึ่งคิดพาตัวหลินจื่อเว่ยไปที่เรือนเก็บฟืนตามคำสั่งของหลินอ๋อง ทว่าหลินจื่อเว่ยปัดมือของทหารคนผู้นั้นออกไม่ให้สัมผัสร่างของนาง ปากของนางยิ่งเขียวคล้ำ ใบหน้าขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ ดูแล้วคล้ายศพที่ไร้ลมหายใจ งดงามทว่าซีดเซียวยิ่งนัก "อย่ามาแตะต้องข้า ข้าจะเดินไปเอง" ยามนี้นางปวดระบมไปทั้งใบหน้า แม่รองของหลินจื่อเว่ยร้ายกาจกว่าที่คิดเอาไว้มาก เป่าหูสามีที่โง่งมเพื่อให้จัดการบุตรสาวตนเอง แต่หลินจื่อเว่ยคนนี้ย่อมหาทางเอาตัวรอดไว้แล้ว จินเจาปาดน้ำตารีบมาพยุงคุณหนู ร่างกายของหลินจื่อเว่ยยังเปียกโชก ลมแรงพัดเข้ามาภายในเรือนแต่ทหารอยู่ที่นี่ไม่ปล่อยให้หลินจื่อเว่ยได้เปลี่ยนเสื้อผ้า "จินเจา กล่องยาของข้า" เพื่อไม่ให้อาการมือเท้าเย็นกำเริบไปมากกว่านี้ หลินจื่อเว่ยต้องรีบกินยาลูกกลอนที่นางทำเอาไว้ต้านอาการเสียก่อน หาไม่แล้วนางอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้ก็เป็นได้ จินเจารีบถลาไปที่เก็บกล่องยา ยังดีที่ทหารคนนั้นยังพอมีน้ำใจอยู่บ้างเขาไม่เอ่ยคำใด ปล่อยให้จินเจานำยาให้หลินจื่อเว่ยกินจนเสร็จ "พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเปลี่ยนอาภรณ์ให้คุณหนู" ก่อนที่ทหารผู้นั้นจะออกไป ยังมีทหารผู้หนึ่งเข้ามาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันและไม่ไว้หน้า "ท่านอ๋องมิได้อนุญาต ลากนางออกไป" คนผู้นั้นเป็นหัวหน้าทหารองครักษ์ในจวนหลินอ๋อง ทหารชั้นผู้น้อยแม้จะเห็นใจหลินจื่อเว่ยแต่เขาก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ จินเจาพยายามขอร้องพวกเขา แต่นางก็เป็นเพียงบ่าวคนหนึ่ง คำพูดของนางจึงไร้ความหมาย "ไม่เป็นไรจินเจา เจ้าไม่ต้องขอร้องพวกเขาแล้ว ข้าทนได้" ถึงชุดที่นางสวมด้านนอกจะเปียก แต่ชุดด้านในของหลินจื่อเว่ยกลับเป็นชุดหนังชั้นดีที่กันน้ำ ดีที่นางพอมีความรู้เรื่องเครื่องนุ่งห่มอยู่บ้างในตอนที่วิญญาณล่องลอยไปโลกอนาคต ยามนั้นนางจึงได้ความรู้มาไม่น้อย เมื่อจินเจาสงบลงหลินจื่อเว่ยจึงได้เอ่ยว่า "จดหมายร้องเรียนของข้าถูกส่งไปหรือยัง" จินเจาพยักหน้ากระซิบตอบเสียงเบา "เจ้าค่ะ ถูกส่งไปตามที่ท่านหญิงสั่งเอาไว้ทุกประการ" หลินจื่อเว่ยพยักหน้า เก็บสีหน้าพึงพอใจของตนเองเอาไว้ภายใต้หน้ากากเย็นชา ทั้งในใจคิดว่า ข้าจะคอยดูว่าผู้ใดจะจัดการเรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนแรก จินเจาเก็บกล่องยา ในนั้นมียาทาแผลยิ่งเห็นใบหน้างามของหลินจื่อเว่ยทั้งซีดทั้งบวมเป่ง เสื้อผ้าเปียกก็ไม่ได้เปลี่ยนยิ่งรู้สึกสงสารคุณหนูจับใจ "คุณหนู ใบหน้าของท่านบวมเช่นนี้ ให้ข้าทายาให้ก่อนเถิด" ทหารผู้นั้นกลับทนไม่ไหวแล้ว เขายังมีงานอีกหลายอย่างต้องทำ "หากยังชักช้า อย่าหาว่าพวกข้าล่วงเกิน" หลินจื่อเว่ยจับมือของจินเจาแล้วบีบเบา ๆ "เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ยามนี้ข้ามีเพียงเจ้าแล้วจินเจาเจ้ายังไม่อาจถูกกักขังไปพร้อม ๆ กันกับข้าได้ อยู่ที่นี่ทำตัวให้ดีหลินอ๋องคงไม่ยุ่งกับข้าอีกแล้วในช่วงนี้ หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาดคนผู้นั้นคงมารับข้าในไม่ช้า" จินเจาเห็นสายตาของท่านหญิงที่เข้มแข็งและไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยจึงทำให้ตนเองรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมามาก หลังจากฟื้นขึ้นมาท่านหญิงก็กลายเป็นสตรีที่อาจหาญ ทั้งยังเก่งกล้าสามารถฉลาดล้ำเลิศ คงเป็นจริงที่ท่านหญิงเอ่ยว่าตนเองจำได้ว่าเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิดจึงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ท่านหญิงที่เป็นเทพบนสวรรค์มาก่อนย่อมต้องปลอดภัย "เจ้าค่ะ บ่าวจะทำตามที่ท่านหญิงสั่ง" พวกเขาเดินฝ่าหิมะมาที่เรือนเก็บฟืน ที่นี่ไม่มีเตียงอุ่น อากาศหนาวเย็นเสียดแทงกระดูก ปกติหลินจื่อเว่ยมือเท้าเย็นจึงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หนาก็คนทั่วไปหลายชั้น พันร่างของนางราวกับบ๊ะจ่างก้อนใหญ่ แต่จินเจายังไม่วางใจจึงได้คลุมร่างของผู้เป็นนายด้วยผ้าคลุมขนเตียวของหลินหลงที่หลินจื่อเว่ยยึดมาเป็นของตนเอง "ท่านหญิง เข้าไปได้แล้ว" องครักษ์ของหลินอ๋องเอ่ยขึ้น รู้สึกสงสารท่านหญิงผู้อ่อนแอคนนี้ แม้ใบหน้าของนางจะคล้ายอดีตพระชายาทว่าก็มีหลายส่วนที่คล้ายท่านอ๋อง บุตรสาวที่มีใบหน้าคล้ายตนเองถึงห้าส่วนเช่นนี้ท่านอ๋องกลับมองไม่ออกหรือ องครักษ์สูดลมหายใจเข้าลึก แน่ล่ะ หลินอ๋องผู้นี้หากไม่ใช่พระญาติของฝ่าบาทด้วยสติปัญญาที่ไม่ค่อยปราดเปรื่องของเขาจะรั้งตำแหน่งอ๋องได้อย่างไร เพียงแต่คนโง่นี้ไม่รู้ตัวว่าตนเองโง่จึงได้ลงมือกับบุตรสาวของตนเองเช่นนี้ แต่เขาก็เป็นเพียงทหารรักษาจวนชั้นผู้น้อย ยังมีหัวหน้าคอยควบคุมเขาจึงไม่สามารถช่วยเหลืออันใดได้ จินเจาเดินเข้าไปส่งท่านหญิงในโรงเก็บฟืนเพื่อคอยดูแลใกล้ชิด นางนำผ้าห่มผืนใหญ่มาด้วยเพื่อปูรองบนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งไม่ให้หลินจื่อเว่ยต้องลำบากจนเกินไป ยังดีที่องครักษ์ของท่านอ๋องท่านนี้ไม่ทำให้คุณหนูลำบากเพียงใด ทว่าในขณะที่จินเจากำลังจัดแจงที่นอนให้หลินจื่อเว่ย สตรีสองนางก็โผล่เข้ามา ทั้งสองคือบ่าวคนสนิทของพระชายาเลี่ยงลี่อดีตอนุที่ขึ้นมาแทนที่มารดาของหลินจื่อเว่ย คนทั้งสองเป็นหญิงสาวอายุราวสามสิบปลาย ๆ ยังมีฐานะเป็นญาติกันทั้งยังติดตามพระชายาเลี่ยงลี่มาจากบ้านเดิมนามว่าเสี่ยวม่าและเสี่ยวมี่ พวกนางมีรูปร่างราวกับบุรุษ โครงกระดูกร่างกายหนาเป็นสองเท่าของสตรีนับเป็นคนที่เลี่ยงลี่ไว้วางใจที่สุด แน่นอนว่าบัดนี้อำนาจของพวกนางในจวนจึงล้นฟ้า พวกนางเข้ามาทำร้ายจินเจาแล้วดึงผ้าคลุมผืนนั้นออก "ผู้ใดสั่งให้เจ้ามาปรนนิบัตินางกันอยากตายนักใช่หรือไม่"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม