บทที่ 5 ตอนที่ 1

1344 คำ
 "หมูนิ่ม!" เนื้อทองรีบวางขันน้ำที่กำลังตักอาบรดตัวลูกแมวน้อยของหล่อนเมื่อมันกระโดดออกจากกะละมังใบเล็กและวิ่งลิ่วๆ ไปด้านหลังกระท่อม เวลาโพล้เพล้ใกล้มืด หากเจ้าหมูนิ่มมุดพงหญ้ารกสูงซึ่งอยู่ห่างจากกระท่อมเพียงไม่กี่เมตรนั้นแล้วหายไปคงแย่ หล่อนจะหามันเจอได้อย่างไร                 "หมูนิ่มมานี่นะ อย่าเข้าไปในนั้น" หล่อนวิ่งตามมันแต่ด้วยพื้นดินขรุขระ มีหลุมเล็กบ้างใหญ่บ้างตามแบบฉบับเรือกสวนไร่นา ทำให้วิ่งไม่สะดวกเท่ากับแมวทโมนตัวเล็กๆ นั่น อีกทั้งหล่อนยังอยู่ในชุดผ้าถุงกระโจมอกตัวเปียกจากการอาบน้ำด้วยกันอีกด้วย                 "ตายจริงหมูนิ่ม...หายไปแล้ว ออกมานะ เหมี้ยวๆๆ" หมูนิ่มวิ่งแจ้นหลบภัยจากการอาบน้ำที่มันเกลียดนักหนาเข้าไปซุกยังพงหญ้ารกร้าง ซึ่งเป็นที่มาของมัน ด้วยให้ความรู้สึกปลอดภัยตามสัญชาตญาณ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือเภทภัยต่างหากเล่า                 "หมูนิ่ม เจ้าตัวขี้เกียจออกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะเช็ดตัวให้ แกสกปรกอย่างนั้นให้นอนด้วยไมไหวหรอกถ้าไม่อาบน้ำเสียก่อน หมูนิ่ม! หมูนิ่ม!" ไร้เสียงตอบกลับ หมูนิ่มซุกตัวเงียบกริบใช้เท้าหน้าปาดๆ ไปตามใบหูและหน้าตาก่อนจะเลียไปตามตัวที่เปียกชื้นของมัน ไม่สนใจเสียงเรียกหาด้านนอกแม้แต่น้อย                 เนื้อทองนั่งยองๆ รออยู่พักใหญ่ก็ไม่เห็นวี่แววแมวน้อย หล่อนเดินไปรอบๆ ด้วยความห่วงกังวล ไม่อยากสูญเสียเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวไปเลย และตัวหมูนิ่มเองก็คงไม่รอดแน่ๆ หากหลงเข้าไปในพงหญ้าสูงชะลูดกินพื้นที่ไกลสุดลูกหูลูกตานั้น                   "จะมืดแล้ว...ทำยังไงดี..." หล่อนแหงนมองดวงตะวันที่กำลังลับฟ้า ทอแสงสีแสดระบายขอบเขตระหว่างผืนดิน แล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปยังกระท่อมเพื่อเอาไฟฉายมาส่องหาหมูนิ่มแสนซน หล่อนสงสารมันนักและคงไม่ใจดำพอจะปล่อยให้มันกลับไปอดตายได้อีก เพียงแค่นึกถึงแววตาเศร้าไร้เดียงสาสีเทาเข้มนั้น หัวใจก็ไหววูบด้วยความเป็นห่วง                   ไฟฉายในมือถูกใช้งานมาเป็นเดือนถ่านไฟฉายจึงอ่อนกำลังแทบไม่มีแสงเล็ดรอดออกมาเลยเมื่อเปิดสวิตช์ใช้งาน เนื้อทองถอนหายใจทิ้งมันลงบนที่ที่นอนขนาดสามฟุตแล้วรีบหาไฟเช็คมาจุดใต้ซึ่งทำเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แล้วเดินลงจากกระท่อมดุ่มๆ กลับไปทางเดิม ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ ใกล้จะเข้าสู่ค่ำคืนอยู่รำไร                  "หมูนิ่ม! หมูนิ่มมานี่เร็ว!!" หญิงสาวส่องคบเพลิงเข้าใกล้จุดที่เห็นว่ามันหายไปเมื่อครู่ ร้องเรียกอยู่นานก็ไม่เห็นตัว สักพักก็เห็นพงหญ้าเยื้องๆ กับเธอมีบางอย่างเคลื่อนไหวจนได้ยินเสียงของใบไม้สัมผัสเสียดสีกัน                 "อยู่นี่เอง..." หล่อนยิ้มอย่างโล่งใจ ค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้จุดนั้นชูใต้ในมือสูงขึ้นเพื่อเพื่อให้แสงไฟส่องในวงกว้าง และเจ้าแมวจอมซนจะได้ไม่ทันสังเกตด้วย หล่อนเพ่งมองจนแน่ใจว่ามันคือหมูนิ่มจริง จึงตัดสินใจล้วงมือเข้าไปจับดึงตัวออกมา                  "เมี้ยว!!!" หมูนิ่มขู่ฟ่อด้วยความตกใจ แผ่กรงเล็บตามสัญชาตญาณ แต่มันไม่มีทางสู้เพราะถูกจับหิ้วโตงเตงอยู่ในอากาศเสียแล้ว                 "ดื้อดีนักนะหมูนิ่ม เดี๋ยวจะขับขัง..." พอเผลอพูดประโยคนั้นออกไปก็ใจหายวูบ เพราะหล่อนเข้าใจและรู้สึกเป็นอย่างดีว่า การตกเป็นจำเลยโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่มันมันทุกข์และวังเวงอย่างสุดแสน                  "กลับบ้านกันดีกว่ามืดแล้วที่นี่น่ากลัวมากๆ แกรู้ไหม" มันไม่ได้ตอบหรอกแต่หล่อนรู้ว่ามันคงรู้ จากประสบการณ์ก่อนหน้าที่ได้มาเจอกัน หมูนิ่มคงผ่านคืนผ่านวันอันน่าสังเวชใจมาไม่น้อย                  ฟู่!! ฟู่!! เพียงทำท่าหันหลังเดินกลับ เสียงขู่ฟ่อๆ ก็ทำให้เนื้อทองหยุดชะงัก สัญชาตญาณบอกเธอโดยอัตโนมัติว่าที่มาของเสียงคือสิ่งได หล่อนกลืนน้ำลายลงคอเหนียวฝืด ค่อยๆ เอียงหน้าไปหันไปมอง...                  "งู..." อสรพิษร้ายกำลังแผ่แม่เบี้ยแลบลิ้นและจ้องมายังเธออย่างไม่วางตา เนื้อทองหันกลับไปเผชิญหน้ามันทันทีด้วยรู้ว่าหากวิ่งหนีงูเห่าจะต้องเลื้อยตามมาฉกหล่อนเอาง่ายๆ ใต้ในมือจึงเป็นอาวุธเดียวที่พอจะใช้ถ่วงเวลาหรืออาจข่มขู่ให้มันกลับไปในที่ของตัวเอง                 โดยปกติหล่อนจะไม่ออกจากกระท่อมหากฟ้ามืดไปแล้ว เว้นแต่จะเข้าห้องน้ำไปทำธุระเท่านั้น ด้วยความกลัวจะเจอะเจอสิงสาราสัตว์เช่นนี้แหละ                  "ออก...ออกไปนะไม่งั้นฉันเผาแกแน่ๆ" หล่อนขู่ราวกับมันฟังรู้ความ                 ฟู่! ฟู่! งูตัวขนาดเขื่องไม่ได้ล่าถอย แต่มันก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้มากนักเช่นกันด้วยกลัวไฟที่ลุกโชนจากใต้ในมือของเนื้อทอง หล่อนตัดสินใจเดินถอยหลังทีละก้าว...และมันก็เลื้อยตามมาทีละน้อยเช่นกัน                 "หมูนิ่ม...แกทำฉันซวยแล้วเห็นไหม ดีนะที่ไม่โดนกินไปซะก่อน" หมูนิ่มเองก็เห็นอสรพิษร้ายนั่นด้วย มันมองและขู่ฟ่อๆ ไม่ต่างจากงูเพราะความเป็นสัตว์เหมือนๆ กัน เนื้อทองรู้ว่าหล่อนต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่งูจงอางนั้นจะกระโดดฉกหล่อน ใจคอยามนี้มันวูบวาบไปด้วยความกลัว                 หล่อนแกว่งใต้ในมือไปมา หลอกล่อให้มันไม่กล้าเข้ามาใกล้นัก งูใหญ่ดูมีประสบการณ์กับมนุษย์พอสมควรมันไม่นึกกลัวซ้ำแผ่พังพานนิ่งรอจังหวะและโอกาส                  สายตาของเนื้อทองเห็นบางอย่างที่พอจะช่วยให้หล่อนและหมูนิ่มรอดจากเหตุการณ์คับขันครั้งนี้ได้ กองหญ้าที่หล่อนถากถางรวมๆ กันไว้ยามยกร่องสำหรับปลูกผักนั่นเอง มันแห้งได้ที่ ลมยามค่ำนี้ก็โชยดีเหลือเกิน คงพอจะกระพือเชื้อเพลิงให้ลุกโหมไล่งูร้ายไปได้ หล่อนจึงเดินล่อหลอกให้มันเลื้อยมายังกองหญ้าแห้งกองใหญ่นั้น                 เมื่อสบโอกาส ก็แกว่งใต้เข้าหาจนมันขู่ฟ่อและเดินถอยออกมาให้ห่างมากที่สุด ก่อนจะตัดสินใจโยนใต้ลงไปในกองหญ้า ไฟลุกพรึบ! ได้ดั่งใจทันที่ด้วยได้เชื้อเพลิงอย่างดีในการเผาไหม้ อีกครั้งลมก็แรงพอจะช่วยให้พัดให้ยิ่งลุกโหมอย่างรวดเร็ว                 งูเห่าตัวร้ายเห็นเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงก็ถอยหลังเลื้อยหนีกลับเข้าไปในพงหญ้าหนาทึบทันควัน เนื้อทองถอนหายใจอย่างโล่งอก หล่อนรอดแล้ว...                 แต่...                 พรึ่บ!! พรึ่บ!! เปลวเพลิงไม่ได้มอดดับลงเมื่องูหาย มันกลับลุกโชนตามแรงลมจนกองหญ้าแห้งกลายเป็นกองเพลิงในบัดดล แรงลมช่วยพัดกระหน่ำซ้ำอีกแรง จนใบไม้ใบหญ้าที่ติดไฟพัดปลิวไปรอบๆ เข้าไปในพงหญ้ารกครึ้ม...                 "ยะ...แย่แล้ว..." ตะวันลับล่วงขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดในยามค่ำคืนจึงเข้าแทนที่อย่างเสียไม่ได้ เปลวเพลิงส่องสว่างไสว มองเห็นชัดเจน เนื้อทองรู้สึกถึงความผิดมหันต์ที่หล่อนก่อขึ้น เมื่อเห็นแจ้งดีแล้วว่าคงไม่มีทางดับไฟที่กำลังลุกลามอย่างบ้าคลั่งนั้นได้ด้วยตัวคนเดียวเป็นแน่                 กระท่อมไม้ไผ่มุงจาก...ที่อยู่ท่ามกลางพงหญ้าซึ่งกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้มันจะมีโอกาสอยู่รอดปลอดภัยได้สักเท่าไหร่กัน ความร้อนแผ่รังสีจนหล่อนต้องยกมือป้องใบหน้า และหันหลังวิ่งกลับกระท่อมในขณะที่ไฟลามลุกไปยังพงหญ้ามากขึ้น มากขึ้น...ทุกที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม