คำเตือน : ตอนนี้อาจจะมีคำพูดไม่สุภาพ หยาบคาย ภาษาวัยรุ่น ไม่ถูกต้องทั้งคำพูดและการกระทำของตัวละคร เพื่อเป็นอรรถรสของนิยายเท่านั้นนะคะ ไม่ควรลอกเลียนเลียนแบบหรือทำตาม
➷
เฮฟ ตาเฮฟ จะไม่ตื่นขึ้นมาคุยกับแม่หน่อยหรือลูก ฮึก
คุณค่ะ .. เมื่อไหร่ลูกจะฟื้น...
ตาฮิม..แม่ แม่จะทำยังไงดี...ฮื้อ...
ทำไมผมได้ยินเสียงสั่นเครือของแม่ละ ผมก็สบายดีนี่นา ก็แค่ออกไปโรงเรียนเอง แล้วแม่จะร้องไห้ทำไมกัน?
“แม่ครับ เฮฟแค่จะไปโรงเรียนเอง”
ผมได้ยินเสียงของแม่..แต่ทว่าหันกลับไปมองรอบ ๆ ก็ไม่เห็นจะเจอใครเลย..
ติ้งติ่งติ้งติ่ง〜 ติ่งติงติ้งติ่ง...
เสียงของออดดังเตือนขึ้น เมื่อหมดเวลาต้องเปลี่ยนคาบเรียน...
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5
“เห้ย ๆ มึงไอ้เฮฟ เห็นเด็กม. 4 ห้อง 3 ปะวะ...”
“ไม่เห็นนะ”
“ไอ้สัสนี่ กูยังพูดไม่จบเลย”
“เอ้าก็กูอยู่ม.6 ไม่ได้อยู่ม.4 จะเห็นเหี้xไร”
“จ้า ๆ คือกูไม่ได้จะถาม กูจะบอก..ว่ามันมีน้องที่ชื่อแปลก ๆ ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ผมสีอ่อน ๆ แถมยังน่ารักฉิบหายเลย ก็เลยถามมึงเพราะทุกทีพวกแนว ๆ นี้สเปกมึงนี่ครับ ไม่เคยมีใครรอดสายตาเฮียเฮฟไปได้ไม่ใช่หรืองัย”
“ขนาดนั้น?”
“ขนาดนั้น’ ไร.. เรื่องที่น้องน่ารักหรือเรื่องที่มึงม่อใส่แต่คนน่ารักๆ ละ”
“...” เฮฟเลือกที่จะหยิบเอียร์โฟนขึ้นมายัดใส่รูหูและกดเข้าเกมในมือถือแทน พร้อมกับปล่อยเบลอเสียงยั่วยุของเพื่อนซี้ที่ยังพล่ามปากใส่กันแบบไม่หยุดปาก
“ไอ้เฮฟนี่แม่งกวนตีxตลอด ถ้ามึงไม่ใช่น้องชายพี่ฮิมนะ กูเตะโด่งมึงไปนานแล้วสาดดด”
เอิร์ธ ทำท่าโบกมือแกว่งไกวใส่ในอากาศ จินตนาการว่ากำลังโบกใส่หัวของคนที่นั่งกดเกมในมือถือยิก ๆ แต่มันก็ทำเพียงปัดโบกไปกับสายลม และก็อ้าปากบ่นงุบงิบตามสไตล์มัน
หนุ่มหล่อสุดแห่งห้องห้าชอบแกล้งเมินเพื่อนตนเองอยู่บ่อย ๆ เพราะมันดูตลกดี เฮฟจึงทำเป็นไม่ได้ยิน เพื่อให้มันหัวเสียบ่อยครั้ง เวลาโดนเมินและปล่อยให้มันพูดคนเดียว
แต่เอิร์ธมันก็ไม่เคยโกรธกันได้จริง ๆ จัง ๆ หรอก เพราะมันเป็นคนลืมง่ายและก็ชอบพูดมาก เดี๋ยวพอหายหัวเสียก็สรรหาเรื่องมาคุยจ้อให้ฟังได้ทั้งวันเหมือนเดิม จนมันเคยโดนอาจารย์สั่งให้ไปนั่งคุยอยู่กลางสนามคนเดียวมาแล้ว
นิ้วยาวนั่งกดเกมไปเรื่อยระหว่างรออาจารย์เปลี่ยนคาบเข้ามาสอน ทว่าในโสตประสาทก็เอาแต่คิดว่าถ้ามีคนน่ารักแบบที่ไอ้เอิร์ธบอก ก็ดูน่าสนใจดี
4/3 ใช่ไหม? .. หรือว่าจะลองไปสังเกตการณ์ที่โรงอาหารก่อนดีน้า?
มือของคนที่ยังคงกดเกมยุกยิก แต่ทว่าสมองกลับเอาแต่ประมวลในสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดทิ้งไว้ให้ฟัง
12.00 น.
“ได้เวลาแดกข้าวแล้วว๊อยย 'จารย์แม่งกว่าจะปล่อย กระเพาะกูย่อยตัวเองหมดแล้วเนี่ย เห้ยมึงวันนี้แดกไรดี”
“...”
“วุ๊! ถามไอ้ห่านนี่แม่งก็ไม่เคยได้คำตอบ ไอ้โบ้แดกไรดีมึง”
เฮฟปลายหางตาเห็นไอ้เอิร์ธเดินทิ้งตนเองแล้วเดินไปเกาะไหล่กว้างของโบ้แทน
“แดกไรก็ได้ที่คนน้อย ๆ อ่ะ ขี้เกียจรอนาน”
ยามเที่ยงที่โรงอาหารของโรงเรียนมัธยม ที่แม่งเสือกชอบปล่อยเด็กนักเรียนให้มากินข้าวพร้อม ๆ กัน นี่มันทำให้เกิดความวุ่นวายจอแจจนเสียงดังเซ็งแซ่เหมือนกับฝูงผึ้งแตกรัง
“กูนั่งรอเอง พวกมึงไปซื้อก่อนเลย” เฮฟออกปากเอ่ยอาสาที่จะเฝ้าโต๊ะให้
“โฮ้ย..วันนี้พี่เฮฟใจดีเว้ยย หนึ่งปีมีหน ไปโบ้..รีบเลยก่อนที่เฮียเขาจะเปลี่ยนใจ”
“แดกเหมือนกูมั๊ยละ..เดี๋ยวซื้อมาเผื่อเลยจะได้ไม่ต้องเดิน” โบ้ยังหันหลังกลับมาถามคนที่อาสานั่งเฝ้าโต๊ะให้อย่างมีน้ำใจ
“ไม่ต้องมึง ขอบใจ เดี๋ยวกูเดินไปเลือกเองดีกว่า ไม่รู้จะแดก’ ไรดี”
โบ้ผงกหัวรับก่อนจะโดนไอ้เอิร์ธรอจังหวะลากคอให้ออกเดินไปด้วยกัน คนที่อาสาจะเฝ้าโต๊ะให้จึงได้นั่งทอดสายตากวาดมองผู้คนไปเรื่อย ๆ ดวงตาคมสบเห็นพวกเด็กผู้หญิงที่ชอบหันมองมาทางเขาอยู่บ้าง
บางคนที่กล้า ๆ หน่อยก็ส่งยิ้มมาให้ จนคนแบบเฮฟที่เคยชินแล้วจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร ถ้าหากได้เจอคนรู้จักหน่อยใบหน้าหล่อเหลาที่ใครๆ ต่างก็อยากทำความรู้จักด้วยก็จะยิ้มกลับคืนไปให้แต่ถ้าไม่ได้รู้จักกันเฮฟก็ปล่อยเบลอแบบที่ไม่ได้ใส่ใจ
จนเมื่อตาคมกวาดมองไปยังที่ร้านน้ำ ก็ได้เจอเข้ากับคนที่ดูท่าน่าสนใจเป็นพิเศษ ร่างสูงจึงรีบผุดลุกขึ้นออกจากโต๊ะที่นั่งเฝ้า มุ่งออกเดินตรงไปทางร้านน้ำปั่นทันที
“ป้า มะพร้าวปั่นแก้วนึงครับ”
“...” คนตัวขาวข้างหน้าหันขวับมามองคนที่มาทีหลัง แต่กลับตะโกนลั่นเสียงสั่งออเดอร์แซงคิวไปก่อนแล้ว ด้วยแววตาไม่เป็นมิตรทันที
“อ่าวโทษที มองไม่เห็นว่ามีคนอยู่ก่อนหน้า งั้นเชิญสั่งก่อนเลยครับ...น้อง...” ใบหน้าหล่อติดยียวนสังเกตเห็นจำนวนดาว ที่ปักอยู่บนเสื้อก็รู้ทันทีว่า คนน่ารักจิ้มลิ้มคนนี้อยู่ ม.4
แต่ไม่รู้ว่าจะใช่คนเดียวกันกับที่ไอ้เอิร์ธพูดให้ฟังหรือเปล่า แต่คนนี้ก็มีผมสีอ่อน
แถมยังน่ารักจริง ๆ นั่นแหละ..
“หนูเอาน้ำอะไรลูก?” เสียงป้าร้านน้ำดังทักเรียกถามออเดอร์จนคนตัวขาว คนที่หน้าบู้บี้ไม่พอใจจึงต้องยอมหันกลับไปตามเสียงเรียกของป้าร้านน้ำ
“โกโก้ปั่น ไม่หวาน ใส่วิปครีมเยอะ ๆ ครับป้า”
ไม่ชอบหวานแต่กลับชอบวิปครีมเยอะ ๆ ซะด้วย หึ น่าสนใจ
“ขอทางหน่อยครับ”
คนตัวสูงกว่ายืนบังไม่ให้คนตัวเล็กเดินผ่านไปได้อย่างสะดวก พอคนน่ารักขยับซ้ายร่างสูงก็ขยับซ้ายตาม พอใบหน้าหวานเริ่มมุ่นคิ้วขยับขวา ร่างสูงที่กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจก็ขยับขวาตาม
“นี่! คุณครับ” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมามองจ้องใบหน้าหล่อคมคายที่ตัวสูงกว่าโดยไม่วางตา
“ก็เดินสิครับ ใครขวางทางเอ่ย..เชิญเลยค้าบ” ใบหน้าของคนยียวนจอมแกล้ง ยกยิ้มมุมปากขึ้นพร้อมยักคิ้วใส่คนหน้าบูดบึ้งไปที จนเห็นคนตัวเล็กขมุบขมิบปากใส่
โอ๊ย..น่ารักชะมัดเลยแฮะ..
“แหม ไอ้คุณชายเฝ้าโต๊ะก็เหี้xและ กูเดินกลับมาถึงไอ้เพื่อนเวรตัวดีหายหัวไปไหน แล้วเสือกปล่อยกระเป๋าเฝ้าโต๊ะ ดีนะกระเป๋าจาคอปกูไม่หายเนี่ย”
ทันทีที่ร่างสูงเดินกลับมาถึงโต๊ะก็ได้เจอไอ้เอิร์ธบ่นใส่ตามนิสัยคนจู้จี้ขี้บ่น แต่ผมจะสนใจมันไหม ก็ไม่ สายตาคมยังคงจับจ้องมองตามร่างบางที่ไปนั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเขา
“แม่งโบ้ด่ามันดิ กูด่ามันไม่เคยสนใจกูเลย กูก็จ้อยในเป็นนะเว้ย แม่ง”
โสตประสาทของคนหน้าหล่อ ยังคงได้ยินเสียงของไอ้เอิร์ธเพื่อนสนิทยังก่นด่าเจ้าตัวไม่จบ เฮฟคนขี้รำคาญเลยยื่นน้ำมะพร้าวปั่นแก้วเมื่อกี้ส่งให้มันไป จะได้เงียบ ๆ ปากสักที “อ่ะกูให้”
“จริงอ่ะ แต้งกิ้วเว้ย วันนี้เฮียใจดีได้แดกของฟรีด้วย กิ้ว ๆ”
“ไอ้เหี้xนี่เห็นแก่แดกตลอด ไหนบอกมันกลับมาจะด่าให้ลืมทางกลับบ้านไปเลยไง ไหน ห๊ะ ไหน”
“เออ ช่างแม่งเหอะโบ้ กูเหนื่อยกับมันและ แดกข้าวเถอะหิวฉิบหายกว่า ‘จารย์จะปล่อย ไส้กูจะขาด ขอให้ปล่อยก่อนหมดคาบก็ไม่เคยจะให้ ราณีแม่งเขี้ยวฉิบ”
“เอ้าเฮฟไม่แดกข้าวเหรอ” โบ้เห็นร่างสูงที่ยกแก้วน้ำปั่นให้เอิร์ธทิ้งตัวนั่งลงมา แถมไม่ยอมลุกออกไปซื้อข้าวจึงเอ่ยปากถามอีกรอบ
“เออเดี๋ยวไปเดินดูก่อนแล้วกัน”
“รีบเลยมึง เดี๋ยวหมดเวลา วันนี้กูจะได้เล่นเกมนาน ๆ หน่อย ไม่ผ่านด่านสักทีเซ็ง” เสียงเอิร์ธสบถพลางโบกมือไล่ให้เฮฟรีบ ๆ ลุกออกไปซื้อข้าวสักที
เมื่อร่างสูงลุกออกจากโต๊ะที่เพื่อนขับไล่ให้รีบไปซื้อข้าวมากิน จึงทำตีเนียนเดินไปยังโต๊ะคนตัวขาวที่นั่งอยู่กับเพื่อนอีกสามคน กอปรกับเห็นโต๊ะข้างๆ ดันมีเพื่อนห้อง 9 ที่เฮฟรู้จักนั่งอยู่แบบพอเหมาะพอเจาะเลย
ได้ทีจึงเนียนทำท่าจะเดินเข้าไปทัก ระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านตรงที่คนตัวขาวนั่ง คนหล่อก็ทำเป็นสะดุดอะไรสักอย่าง แล้วมือเผลอไปปัดป่ายพาดพัดลงที่หลังคนตัวเล็ก
จนคนที่นั่งกินข้าวอยู่ถึงกับสะดุ้ง จนต้องหันกลับมามองพร้อมส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้กันอีกรอบ
เหมือนตอนเจอกันครั้งแรกที่ร้านน้ำปั่นเลยนะ หึ หึ
“เห้ย โทษที ๆ” คนแสร้งซุ่มซ่ามหันไปเอ่ยขอโทษพร้อมยกมือยอมแพ้ ยิ้มแหย่ส่งให้กับคนตัวขาวทันที
เนียนมั้ย เนียนแหละผมว่า
“เหี้-เฮฟ สะดุดขี้ฝุ่นอ่อมึงไอ้ห่า” เสียงขำของคริสดังมาก่อนคำทักทาย ดีเลยจะได้เนียน ๆ
เนียนจริงครับ ผมหมายถึงหลังของคนตัวเล็กน่ะนะ
คนแกล้งซุ่มซ่ามได้ที จึงเนียนขำกลบเกลื่อนและทิ้งตัวลงนั่งโต๊ะของเพื่อนห้อง 9 และจำต้องแกล้งคุยสัพเพเหระกับคริสไปก่อน เมื่อปลายหางตาคมพอเห็นว่ากลุ่มน้องเตรียมตัวจะลุกออกไปเก็บภาชนะ
ร่างสูงจึงเอ่ยลาคริสห้องเก้าบ้าง และก็ทำเป็นกดรับสายโทรศัพท์คุยกับใครสักคน คุยกับสายลมแสงแดดไปเรื่อย ทว่าสายตาคมก็คอยสอดส่อง และเดินตามคนตัวเล็กแบบห่างออกไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นคนตัวเล็กแวะร้านค้าสหกรณ์ และกลับออกมาพร้อมกับขนมเยลลี่ในมือ ใบหน้าหล่อเหลาก็ลอบยิ้มทันที
ไม่ชอบกินหวานแต่เห็นกินแต่อะไรที่มันออกรสหวานปะวะ คนเราก็แปลกดี ย้อนแย้งนะเราอ่ะ
เฮฟยังคงเนียนเดินตามห่าง ๆ จนเห็นน้องเข้าไปนั่งที่ศาลาริมน้ำ ใกล้แถวห้องปกครองกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่นั่งด้วยกันที่โรงอาหาร
คนที่เดินตามประดุจเป็น สตอร์คเกอร์จึงคิดว่าที่แห่งนี้นี่ น่าจะเป็นที่ประจำของน้อง เมื่อเฮฟกำลังจะก้าวเดินกลับไปยังโรงอาหารก็รู้สึกถึงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นสั่นครืดขึ้นมา
“ไร” มือใหญ่กดรับสายทันทีที่เห็นชื่อปรากฏว่าเป็นตัวป่วนคนกันเองนี่แหละ
.: ไอ้เช่เอิร์ธ :.
“แหม ยังมีหน้ามาถามนะ ไปเดินหาร้านข้าวยันสุโขทัยเหรอมึงน่ะ หายไปเลยนะ กระปงกระเป๋าก็ต้องให้กูแบก ไอ้ควายย!!!” เสียงไอ้เอิร์ธแปดหลอดตะโกนออกมาจนทะลุมือถือ จนต้องรีบดึงออกไปให้ห่างไกลจากรูหูด่วน ๆ
หูกูจะแตก ไอ้เพื่อนเวนขี้บ่น
เออ..จะว่าไปผมก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าผมยังไม่ได้กินข้าว แถมยังทิ้งสัมภาระไว้ที่โต๊ะกินข้าวกับเอิร์ธกับโบ้ด้วย ก็มัวแต่ตามคนตัวเล็กจนลืมทุกอย่างจริง ๆ จนได้ยินเสียงตะโกนเล็ดลอดออกมาจากมือถืออีกครั้ง
“เงียบใส่กูตลอด เจอกันที่ห้องสิทธิกรเลยนะมึง สัส” เอิร์ธสรุปใจความและตัดจบกดตัดสายไปเลย
เอาวะ! อย่างน้อยผมก็ได้รู้หลักแหล่งกบดาน ของคนน้องแล้วว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาว่าง หึ หึ
➷
วันพฤหัสบดีแบบนี้ ยิ่งเป็นคาบสุดท้ายของ ม.6 ห้อง 5 นี่มันช่างว๊างว่าง..
เฮฟเลยว่าจะไปหาอะไรใส่ท้องสักหน่อย เพราะตอนกลางวันเดินตามคนน่าสนใจจนลืมกินข้าวกินน้ำไปสนิทเลย แต่ทว่าเวลานี้โรงอาหารห้ามขายของและสหกรณ์ก็ไม่ยอมขายขนมในเวลาเรียนด้วย
ผมถามจริง ไม่นึกถึงเด็กม.6 ที่มีคาบว่างเยอะ ๆ แบบพวกผมจะหิวบ้างเหรอวะ?
มีร้านค้าร้านอาหารแต่ห้ามขายในเวลาเรียน ก็แบบกฎอะไรวะ ร่างสูงเลยได้แต่เดินไปตะโกนสั่งข้าวร้านตามสั่งป้าข้างรั่วโรงเรียนแทนแม่ง
ก็กูหิวนี่หว่า
พอได้ข้าวมาก็ไปซื้อแป๊ปซี่ที่ซุ้มขายน้ำ ดีนะยังอนุญาตให้ขายน้ำได้ ถ้าแม่งห้ามขายน้ำด้วยกูจะอุดหนุนร้านป้าข้างโรงเรียนให้หมดเลยคอยดู
เมื่อร่างสูงได้ของกินมาอย่างครบครันตามที่ต้องการ ใบหน้าหล่อเหลาก็เกิดประกายความคิดยกยิ้มกริ่มที่มุมปาก เดินไปด้อม ๆ มอง ๆ แถวที่นั่งศาลาริมน้ำใกล้ ๆ ห้องปกครอง
เออว่าแต่นั่งแดกข้าวที่นั่นกูจะโดน’ จารย์ห้องปกครองสอยไปเข้าห้องเย็นก่อนปะวะ
แต่ช่างแม่งเคยได้ยินคนเขาพูดบ่อย ๆ ว่าที่ที่อันตรายที่สุด คือ ที่ที่ปลอดภัยที่สุด
คนหิวโหยจึงไปจับจองที่นั่งกินข้าวอย่างสบายอุรา พอกำลังกินลมชมวิวไปได้ 3 คำ โทรศัพท์เจ้าปัญหาก็สั่นครืดมาอีกรอบ
เอ๊ะ! ไอ้นี้มารคอหอยกูจริงเชียว
“ไรของมึงเนี่ยไอ้เหี้xเอิร์ธ ไม่เห็นหน้ากูจะตายอ่อ”
“มึงอยู่ไหน หายไปไหนของมึงทั้งตอนกลางวัน ทั้งคาบสุดท้ายเลยนะสัด ทิ้งกุไม่เรียกกุด้วยนะแม่ง”
“เอ้ากูเห็นมึงปักหลักเล่นเกมอยู่’ คาร 9 ก็เลยไม่ได้ลากมึงมาด้วย เดี๋ยวหาว่าขัด’ รมณ์เล่นเกมอีก กูมาซื้อข้าวนั่งแดกแถวศาลาริมน้ำห้องปกครองอ่ะ จะมาก็มา ไอ้โบ้อะ ไปเตะบอลกับห้อง 8 แล้วปะ”
“เออ ๆ เดี๋ยวกูเดินไปหา พวกมึงแม่งทิ้งกูกันไปหมด ไม่มีเรียกสักคำ”
“มึงมาเลยกูจะโบกกระบาลมึงแรง ๆ ทั้งกูทั้งโบ้บอกมึงแล้วนะ มึงไม่ยอมหือไม่ยอมอือ ก็คิดว่าจะเล่นเกมที่นั่นไง”
เวลาผ่านไปได้เพียงแค่สักพักใหญ่..
“ไมมึงมานั่งนี่อะ แถวห้องปกครองอีก เหี้xทำเลไม่ค่อยน่าพิสมัยเลย”
“รอคน” คนที่เคี้ยวข้าวเต็มกระพุ้งแก้ม ยักคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้คนที่มาใหม่ มือใหญ่ละความสนใจไปสาละวนนั่งตักข้าวผัดกะเพราแบบสบายอุราตามเดิม
“รอใคร” เอิร์ธเอ่ยปากถามด้วยใบหน้าติดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
“...” เฮฟที่เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ เต็มแก้ม ขี้เกียจจะอ้าปากตอบออกไปจึงไหวไหล่แทนคำตอบ
“เหี้-นี่แม่ง ช่างมึงเถอะกูเล่นเกมต่อละ แต่ถ้าจะกลับเรียกกูด้วยนะเว้ย ถ้าทิ้งกูรอบนี้กูจะตามไปด่ามึงให้พี่ฮิมฟังเลย นิสัย”
จนกระทั่งเกือบจวนจะได้เวลากลับบ้าน ร่างสูงจึงมองเห็นกลุ่มเด็กนักเรียน 4 คน เดินดุ่ม ๆ ตรงมาทางนี้ เขาคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มของคนตัวขาวที่หมายตาเอาไว้แล้วนั่นเอง
นั่น! เป้าหมายผมมาแล้ว ๆ
“อ่าว มีคนนั่งอ่ะพวกแก” เสียงเด็กผู้หญิงในกลุ่มคนหนึ่งดังออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เออ..คือว่านี่เป็นที่นั่งประจำของพวกเราอ่ะค่ะ” เสียงผู้หญิงอีกคนเอ่ยบอกกับคนที่ยังคงนั่งชิลล์อีกครั้ง ใบหน้าหล่อจึงยอมหันหน้าไปมองพวกเด็ก ม.4 ก็ได้สบตาเข้ากับคนตัวเล็ก ๆ ที่เบิกตากว้างมองอยู่
“คุณ!”
“ฟาร์รู้จักเขาเหรอ” เสียงเด็กผู้ชายในกลุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไม่..ไม่ใช่แบบนั้น”
“อ่าว..น้องคนเมื่อกลางวันนี่เอง ต้องขอโทษด้วยนะที่พี่สะดุด แล้วมือไปปัดหลังเราซะแรงเลย ตอนนั้นมัวแต่มองเพื่อน ว่าแต่เจ็บหรือเปล่า พี่ไม่ได้ตั้งใจ โทษทีนะครับ” ร่างสูงรีบพูดสวนพุ่งออกไปทันควัน
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ตรู้ด ๆ ๆ
“เห้ยย ใช่น้องมอสี่ที่ชื่อแปลก ๆ ปะ” ไอ้เอิร์ธเพิ่งจะละมือจากการเล่นเกม คงได้ยินเสียงคุยอะไรกันยืดยาวกับกลุ่มคน จึงเงยหน้าขึ้นมามองดูบ้าง
ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงฮาระเบิดขำพรืดจากกลุ่มเพื่อนของคนตัวเล็กดังสนั่นลั่นโต๊ะ
"ชื่อแปลก ๆ เออแต่ก็แปลกจริง ฮ่ะ ๆ” เสียงเด็กผู้หญิงคนที่จะไล่ที่เฮฟขำพรืดออกมาพร้อมหันไปพูดกับเพื่อนตนเอง
“นี่เป็นพี่กันเหรอคะ ขอโทษทีค่ะ พอดีนึกว่ารุ่นเดียวกัน” เด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้หันมามองหน้าพวกรุ่นพี่ที่ไม่ได้รับเชิญอีกครั้ง
“ถ้างั้นพวกหนูนั่งด้วยนะพี่ พอดีว่าตรงนี้เป็นที่ประจำตั้งแต่แรก เลยไม่กล้าไปนั่งแถวอื่นเพราะกลัวมีเจ้าของจับจองแล้วเหมือนกันนะคะ”
หลังหญิงสาวคนเดิมกล่าวจบ ทุกคนก็พากันเดินเข้ามานั่งร่วมวง แต่เฮฟเห็นว่าคนตัวขาวมองจ้องมองกลับมาสู้ตาแบบไม่กะพริบเชียว
ดีครับ มองนาน ๆ จดผมไว้จำเยอะ ๆ เลย
“อ่อ ตามสบายครับ พี่เห็นที่นั่งมันว่าง ๆ เลยมานั่งกินข้าวน่ะ เห็นว่า..วิวดี”
ร่างสูงพูดตอบออกมาโดยไม่ได้สนใจว่าใครจะฟังหรือไม่ฟัง แต่ทว่าใบหน้าหล่อเหลาใช้สายตาลุ่มลึก จ้องไปยังใบหน้าหวานที่จับจ้องมองมาทางเขาเช่นกัน
“เอ่อพี่..พี่คนที่เล่นเกมอ่ะค่ะ ไอ้นี่มันชื่อฟาร์รังนะพี่ มันไม่ได้ชื่อแปลก ๆ หรอก 555+”
“ฮ่าๆ เออ แต่ก็ชื่อแปลกจริงแหละ”
ไอ้เอิร์ธขำส่ง ๆ พร้อมเบนหน้ามองเพื่อนสนิทอย่างคนมีเลศนัยที่รู้ทันกัน และมันก็นั่งก้มลงไปสนใจกดเกมในมือของมันต่อ
ติ้งติ่งติ้งติ่ง〜 ติ่งติงติ้งติ่ง ...
เสียงออดดังเตือนเมื่อหมดคาบเรียนวิชาสุดท้าย และถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ... กลับบ้านได้
ทว่าร่างสูงยังคงนั่งสบายทำฟอร์มเป็นกดโทรศัพท์บ้าง หันไปคุยเรื่องเกมกับไอ้เอิร์ธบ้าง ทำเหมือนไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่พวกน้อง ๆ เขาคุยกัน
ทั้งที่ผมโคตรจะตั้งใจสอดรู้สอดเห็นเลยแหละครับ
“ฟาร์แกกลับเลยปะ หรือวันวันนี้มีเรียนพิเศษอะ”
“อ่อ..วันนี้ไม่มีเรียนอ่ะน้ำ เรามีเรียนแค่จันทร์ พุธ ศุกร์ แต่เดี๋ยวรอพี่เรามารับอ่ะ”
“ว้า...อดเลย พี่ชายมารับแบบนี้ก็ลากไปกินติมร้านในสวนไม่ได้อ่ะดิ”
“งั้นเราไปก่อนนะ วันนี้ทำงานพาร์ทไทม์วะ ไปละพวกแก พรุ่งนี้เจอกัน”
“เออ ๆ เจอกันพรุ่งนี้ เห้ยแก้ว ๆ มีการบ้านสุนีย์ต้องส่งด้วยนะมึง อย่าลืม”
เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มโบกมือ และหันมายิ้ม ๆ ให้กับรุ่นพี่หนุ่มที่ยังคงนั่งเจ๋อเป็นส่วนเกินในกลุ่มก่อนจะลุกออกไป ส่วนผู้หญิงอีกคนในกลุ่มกำลังทาแป้ง พลางหันไปหาเด็กผู้ชายอีกคน
ที่เหมือนเขาจะมองมาทางผมบ่อย ๆ หรือเปล่าวะ? หรือผมคิดไปเอง?
“ป่ะมึง ไปกันเถอะ กูสวยละ พร้อมเดินทาง”
ผู้หญิงหนึ่งเดียวที่เหลือในกลุ่มเก็บกระจกลงกระเป๋า และเตรียมตัวทำท่าที่ว่าจะลุกออกไป แต่ก็นั่งลงกลับมาใหม่
“เออฟาร์พี่แกมากี่โมงอะ หรือให้กูรอเป็นเพื่อนก่อนไหม”
“ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เราก็คงใกล้จะมาแล้วแหละ น้ำรีบไปกับพีเถอะ เดี๋ยวจะเย็นกว่านี้”
ร่างสูงลอบมองคนตัวขาวที่ตอบเพื่อนพร้อมรอยยิ้ม เฮฟก็ยกยิ้มกริ่มอยู่ในใจเช่นกัน
ใกล้จะปลอดคนแล้วเว้ย
“ไปพี ลุกดิวะ” เด็กผู้หญิงชื่อน้ำดึงแขนเด็กผู้ชายในกลุ่มอีกคนให้ลุกขึ้น
“รอพี่ฟาร์มันมารับก่อนไหม ให้มันอยู่คนเดียวเดี๋ยวมันก็นั่งร้องไห้ ทำไง” เด็กผู้ชายร่างเพรียวบางขืนแขนเพื่อนผู้หญิงไว้พร้อมบอกความในใจ
“เห้ย ไม่เป็นไรเลย พีไปเถอะ เราอยู่คนเดียวได้ นี่พี่เราก็ส่งไลน์มาบอกแล้วว่าใกล้จะถึงแล้วเนี่ย”
“เห็นไหม รีบลุกเลยมึงเดี๋ยวพอยิ่งเย็นคนเยอะ กลับช้าอีก การบ้านสุนีย์กูก็ยังไม่ทำเลย”
“เออ ๆ”
เมื่อเกลี้ยกล่อมทั้งเพื่อนผู้หญิงไม่สำเร็จ แถมเพื่อนตัวเล็กก็ยืนกรานว่ารออยู่คนเดียวได้ เด็กผู้ชายร่างเรียวจึงต้องจำยอมลุกออกไปแต่โดยดี
แต่ทว่าก่อนที่เขาจะลุกออกไป ตอนที่คว้าหยิบกระเป๋าของเขา มือเขามันดันมาโดนแขนของร่างสูงนี่สิ เฮฟจึงหันไปมองหน้าเด็กผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ขอโทษนะครับพี่”
คนเราจะต้องพูดขอโทษด้วยรอยยิ้มกว้าง ตาหวานเชื่อมขนาดนี้มาให้กันด้วยเหรอวะ?
“ไม่เป็นไร” เฮฟเลือกที่จะตอบแค่นั้นแล้วก็ทำเป็นก้มลงไปกดโทรศัพท์แทน
เห้ออ.. หมดก้างขวางคอแล้วสิทีนี้
เฮฟหันไปมองเพื่อนของตัวเอง ไอ้เอิร์ธ มันเข้าโหมดสถิตในเกมไปแล้ว เวลาแบบนี้มันก็จะไม่สนไม่แคร์ใคร และสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น
ดีครับ
มือใหญ่แสร้งไถหน้าจอโทรศัพท์เล่นไปงั้น ๆ แต่ทว่าสายตาคมคอยลอบมองไปยังคนตัวเล็กที่ขยุกขยิก ขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันบ้าง กดโทรศัพท์บ้าง เหมือนว่ารออะไรสักอย่าง
ตาคมมองนาฬิกาที่ข้อมือตนเอง
นี่มันก็ปาไป 4 โมง 45 นาทีแล้วนะ ไหนคนตัวเล็กบอกกับเพื่อน ๆ ว่าพี่ชายใกล้จะมารับแล้วไง?
“ครับพี่เลออน ฟาร์ยังอยู่โรงเรียนอยู่เลยครับ”
“อ่อ..ไม่เป็นไรครับ งั้นเดี๋ยวฟาร์กลับเองก็ได้ครับ”
ดวงตาคมลอบมองคนตัวเล็กที่ท่อแววตาเป็นกังวลออกมาก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ใบหน้านิ่วคิ้วไม่สบายใจทำท่าว่าจะลุกออกไป แต่ก็หันกลับมามองหน้าของคนที่จับจ้องมองอยู่ก่อนอีกรอบ
“มีอะไรหรือเปล่าน้อง...” รุ่นพี่โก่งคิ้วทำหน้าสงสัยรออยู่ ปากหยักจึงลองหยั่งเชิงถามออกไป เพราะเห็นคนน้องเหมือนมีเรื่องจะถามแต่ก็ไม่ คนตัวขาวกลับส่ายหัวส่งกลับมาให้ และก็เลือกที่จะลุกออกจากโต๊ะไป
“เห้ย ไอ้เช่เอิร์ธลุก!” เฮฟหันไปเอื้อมมือตบไหล่ไอ้เพื่อนที่ขิตอยู่ในเกมอย่างเมามัน
“กลับละอ่อ นึกว่าจะเป็นผีสิงศาลาข้างห้องปกครองนี้ซะอีก” ไอ้เอิร์ธมัวแต่มาต่อล้อต่อเถียงกันอยู่นั่น ส่วนคนตัวขาวเดินไปนู่นแล้ว “เร็วเลยมึง เหี้x..งั้นกูไปก่อนนะเว้ย เจอกันพรุ่งนี้”
“เอ้าไอ้เหี้xนี่ ทิ้งกูอีกแล้วนะมึงอ่ะ” เสียงคนโอ้เอ้ไม่ทันคนรีบจึงตะโกนด่าไล่หลังร่างสูงที่โกยแน่บตามคนตัวเล็กออกไปแล้ว แต่เฮฟไม่สนใจแล้ว เพราะไม่งั้นจะพลาดกับคนตัวเล็กซะก่อน
“แล้วแบบนี้ต้องขึ้นรถสายไหนละเนี่ย นั่งแท็กซี่ก็ได้มั้ง แต่ยังจำทางไปบ้านไม่ได้เลยอ่ะ”
คนที่วิ่งตามคนตัวเล็กมาจนทัน ได้ยินเสียงของคนตัวเล็กบนงุ้งงิ้งด้วยใบหน้าเคร่งเครียดอยู่คนเดียว
“น้องบ้านอยู่ไหนละ” ร่างสูงโพล่งถามออกไป คนตัวขาวถึงกับสะดุ้งเฮือกหันกลับมามองด้วยแววตาตระหนก แถมเดินเลี่ยงขยับห่างออกจากร่างสูงไปอีกสองสามก้าว
“เอ้า..คนเราอ่ะถามก็ไม่ตอบ ไอ้เรารึก็อุตส่าห์เป็นห่วง เห็นลูกแมวแถวนี้ท่าจะกลับบ้านไม่ถูก” คนตัวเล็กหันมามองหน้าของคนตัวสูง ที่ขยับตามมาประชิดยืนอยู่ใกล้กันอีกรอบ
“พะ..พี่รู้จักแถวเขต 4 แยก 7 ไหม ต้องไปยังไง ผมไม่เคยใช้รถสาธารณะเลย”
อ่า..ที่แท้ก็ลูกคุณหนูดี ๆ นี่เองสินะ
ไม่รู้ว่าแววตาคมของคนตัวสูงกว่า กำลังเผยแสดงการวิเคราะห์น้องเขาแบบไหน หรือแสดงสีหน้าออกไปอย่างไร คนน้องถึงกับต้องหลุบตามองต่ำลงไป และก็พูดอ้อมแอ้ม ๆ บอกกับรุ่นพี่ที่กำลังคิดปรามาสตนเองอีกครั้ง
“คือ..ผมเพิ่งจะย้ายมาอยู่ในเขตเมืองหลวงนี้ เลยไปไหนเองไม่เป็นน่ะครับ”
อ๋า..ที่แท้ก็เป็นเด็กใหม่แถวนี้นี่เอง..ผมแม่งชอบตัดสินคนไปก่อนแล้วไง เป็นพวกสันดานเสียมาเสมอ
“อ่อ..งั้นกลับรถไฟฟ้าไหม เพราะพี่ก็ไม่ถนัดรถเมล์เท่าไหร่น่ะ แต่ถ้านั่งแท็กซี่จากนี่ไปไกลโขเลย ช่วงนี้รถติดด้วย”
อื้อ
เชี่ย..แย่แล้ว หัวใจผมกระตุกวาบเลย
เฮฟมองว่าน้องเขาน่ะนะ เวลาไม่ยิ้มก็ดูดื้อ ๆ น่าแกล้งอยู่แล้ว แต่พอยิ้มที ก็สามารถทำให้หัวใจจะวายได้เลย
ใครจะยิ้มสดใสตราตรึงใจได้ขนาดนี้ ในชีวิตที่ผ่านชีวิตมา 18 ปีของเฮฟ ก็คงจะเป็นคนนี้คนเดียวที่มิอาจละสายตาจากรอยยิ้มกว้างของคนตัวเล็กนี้ไปได้เลย
#ทุ่มเทเพื่อรัก