ทุ่มเท 13 มัมมี๊งอแง

2169 คำ
3 ปี ผ่านไป.. ตั้งแต่น้องฮาร์ฟได้เดบิวต์ผ่านไป กับเดินแบบครั้งแรกให้แบรนด์เสื้อผ้าเด็ก จวบจนถึงปัจจุบันตอนนี้ น้องฮาร์ฟก็เติบโตจนอายุได้ราว 10 ขวบแล้ว ตอนนี้นายแบบตัวน้อย นับวันยิ่งเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ น้องฮาร์ฟก็ฉายแววความหล่อเหลาออกมาไม่หยุดหย่อน แม้นคนเป็นแม่ อยากจะเถียงสุดใจขาดดิ้นสักเท่าไร แต่ทว่าทั้งรูปร่าง เค้าโครงและหน้าตาของน้องฮาร์ฟ ก็ยิ่งเหมือนพ่อเขาแบบไม่มีผิดเพี้ยน ยกเว้นเพียงแค่สีของดวงตาและสีผมที่ได้จากคนเป็นแม่ไป ถ้าไม่เช่นนั้น น้องฮาร์ฟจะเหมือนดังเช่นคนเป็นพ่อแบบร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน!! โดยพื้นฐานน้องฮาร์ฟเป็นเด็กที่มีจิตใจดี อ่อนโยน แต่มักจะสร้างกำแพงสูงขึ้นมา เพื่อไม่ให้ตนเองเจ็บปวด หรือการทำให้ตัวเองดูโตเพื่อจะปกป้องคนเป็นแม่ แต่เมื่อเวลาอยู่กับมัมมี๊ของตนเอง หรือกับคนเป็นลุงแบบพี่เลออน หรือกับอาหมอกสุดที่รัก น้องฮาร์ฟก็มักจะมีมุมอ่อนโยนออกมาให้เห็นอยู่บ้าง และน้องฮาร์ฟก็จะรู้ด้วยว่า เวลาพบปะเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ ตนเองที่เป็นเด็กน้อยนั้นควรจะต้องวางตัวและทำตัวเอง ให้มีสัมมาคารวะเข้าไว้ขนาดไหน เพราะน้องฮาร์ฟ เด็กคนนี้ไม่อยากให้ใครมาต่อว่ามัมมี๊ฟาร์ของตนเองได้อย่างเด็ดขาด!! หลังจากงานเดินแบบแบรนด์รองเท้าครั้งนั้น ฟาร์รังก็ยังคงได้เจอกับสองสามีภรรยาตระกูลนั้นอีกอยู่ดี อาจจะเพราะตระกูลนั้น เขามีหลานที่ทำงานทางวงการด้านแฟชั่นด้วยกระมัง จึงได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการงานเสื้อผ้าด้วย ไม่ว่าฟาร์รังจะอยากหลีกเลี่ยงคนบ้านนั้นขนาดไหน ก็ไม่อาจจะพ้นอำนาจบารมีของสองสามีภรรยาตระกูลนี้ได้เลย จนกระทั่งวันนี้.. ฟาร์รังก็ได้เผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาคู่นี้อีกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับเดินหน้าบุกเข้ามาเจรจาคุยกับคนตัวเล็กแบบตรง ๆ เข้ามาสอบถามเรื่องของน้องฮาร์ฟ ว่าทำไมนายแบบตัวน้อยคนนี้ถึงได้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึง กับหลานชายคนที่สองของตระกูลซะขนาดนี้ แต่คนเป็นมัมมี๊ของนายแบบเด็กคนดัง กลับเลือกที่จะโป้ปดคำโตออกไปก่อนว่า พวกเขาไม่ได้รู้จักกันกับนายแบบหนุ่มคนดังคนนั้นเลย ขอโทษนะครับ ฟาร์รังเอ่ยขอโทษ 2 สามีภรรยาอยู่ในใจ เจ้าตัวรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องโกหกมันออกไป เพราะมันทำให้แววตาของสองมีภรรยาคู่นั้น หมองหม่นสลดลงไปทันควัน อาจจะคงเพราะว่าไม่ได้คำตอบดั่งใจที่คาดหวังไว้ ก็เพราะฟาร์รังยังไม่พร้อมนี่นา แถมตนก็ไม่รู้จะบอกพวกเขาไปทำไมก็ในเมื่อยังเห็นข่าวลือเรื่องของงานหมั้นระหว่างพี่เฮฟกับ รพีคนนั้น ออกจะเป็นที่ฮือฮาครึกโครมขนาดนั้นอยู่เลย ถึงแม้นว่าจะให้เขาตอบยอมรับว่า ใช่ ออกไป แล้วมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือ? แต่ดูเหมือนว่าคู่สามีภรรยาคู่นี้จะไม่ยอมแพ้ พยายามหาทางดิ้นรนติดต่อเจรจาเรื่องน้องฮาร์ฟ เมื่อเข้าทางคนเป็นแม่ของคนเด็กไม่ได้ ก็ดั้นด้นหาทางติดต่อไปยังพี่เลออน ทว่าพี่เลออนกลับบอกปัด และแจ้งกับสองสามีภรรยาคู่นั้นว่า ให้ติดต่อกับฟาร์รังเองเพราะทางพี่เลออน ก็ไม่สะดวกใจเช่นกัน ยิ่งนับวัน คู่สามีภรรยาคู่นี้ยิ่งมีอิทธิพลต่อวงการทำงานสายนายแบบเด็ก ไม่ว่าน้องฮาร์ฟจะได้ร่วมงานถ่ายแบบกับแบรนด์ใดหรือได้ลงนิตยสารเล่มไหน ยอดจะพุ่งสูงจนกลายเป็นที่ฮือฮา จึงทำให้มีแต่คนอยากได้ตัวนายแบบเด็กหนุ่มอายุเพียง 10 ขวบไปร่วมงานด้วย เพื่อกระตุ้นยอดของบริษัทตนเอง และฟาร์รังก็จะได้รู้หลังจากตกลงเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วทุกครั้งว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้กับบริษัทที่ได้น้องฮาร์ฟมาร่วมงานด้วยก็จะเป็นบุคคล จากตระกูล วรวงค์ดิสษากร เสมอมา ครั้งเมื่อสามปีที่แล้ว ตระกูลนี้แอบสนับสนุนอยู่เบื้องหลังมานานนับ 2 ปี แต่พอเข้าสู่ช่วงปีที่ 3 เฉกเช่นปีนี้ กลับเริ่มเปิดเผยตัวตนออกมา ราวกับจงใจให้คนเป็นแม่ของนายแบบเด็กคนดังได้รับรู้ว่า พวกเขาทั้งคู่นั้นน่าจะรับรู้ และก็แน่ใจแล้วว่าน้องฮาร์ฟนั้น เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลของพวกเขาเอง และในวันนี้ฟาร์รังเริ่มรู้สึกได้ถึงว่า คู่สามีภรรยาคู่นั้นมีเรื่องจะต้องคุยด้วย เพราะสองคนนั้นบอกกับคนตัวเล็กว่าเขามีอะไรจะให้ฟาร์รังดู จึงทำการร้องขอเพื่อนัดเจอกันเป็นการส่วนตัว พวกเขาจะขอคุยด้วยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ หากคนตัวเล็กไปพบพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย และตัดสินใจหลังจากที่ได้พบคุยกันครั้งนี้ เขาทั้งคู่จะยอมรับและล่าถอยออกไปเอง โดยที่จะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายทั้งผมและน้องฮาร์ฟอีกเลย ฟาร์รังจึงตอบตกลงรับคำไปตามนัด เมื่อได้พบกันที่สถานที่นัดพบ คู่สามีภรรยาก็บอกกับคนตัวเล็กทันทีว่า เขาพอจะรู้มาแล้วว่าพี่เฮฟเคยคบกับฟาร์รังตั้งแต่สมัยมัธยม ร่างบางรู้สึกทึ่งมาก เมื่อโดนสองสามีภรรยาคู่นี้เว้าวอนเข้ามาก ๆ คนตัวเล็กก็เริ่มเกิดความใจอ่อนขึ้นมา เพราะเขาบอกว่าแม้ว่าหลานชายเขาจะทำตัวไม่ดี และไม่เคยรับรู้เรื่องของฟาร์รังกับน้องฮาร์ฟมาก่อนเลยก็ตาม แต่เขาทั้งสองคนอยากที่จะคอยช่วยเหลือและขอโทษอย่างจริงใจ ขอเพียงให้โอกาสกับคนแก่สองคนนี้ คนแก่ ๆ ที่อยากจะดูแลเราสองแม่ลูก เพื่อเป็นการไถ่โทษได้รึไม่ แล้วแบบนี้ผมจะไปปฏิเสธอะไรได้ละครับ? แถมสองสามีภรรยาคู่นั้น ยังไขเรื่องที่ทำให้ฟาร์รังเคยเข้าใจพี่เฮฟผิดมาตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านนั้น อธิบายให้คนตัวเล็กได้รับรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในแบบที่ฟาร์รังไม่เคยคาดคิดที่สุด นั่นก็คือเรื่องของผมที่พี่เฮฟลืมเลือนไป..แต่แท้ที่จริงแล้ว..มันไม่ใช่เพราะพี่เฮฟเป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียวหรอกครับ มันเป็นเพราะผมต่างหาก ที่ตอนนั้นไม่มีความกล้าที่จะยืนหยัดเลยสักนิด และถ้าผมไม่ปล่อยมือจากพี่เฮฟเอง..เรื่องของเราทั้งคู่ก็คงไม่เป็นแบบทุกวันนี้หรอกครับ.. พี่เฮฟ ฟาร์ขอโทษ ฮึก ...ฮื้ออ... ⍣ “มัม..มัมมี๊คร๊าบบบ มัมไม่สบายหรือเปล่า ทำไมสีหน้ามัมไม่ดีเลย” คนเด็กคงสังเกตเห็นใบหน้าคนเป็นแม่เหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถึงได้ใช้หลังมือน้อย ๆ อังลงมาแตะกับซอกคอขาวระหงของมัมมี๊ตนเอง “มัมไม่เป็นอะไรครับ ขอโทษทีนะ เมื่อคืนมัมนอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” ฟาร์รังยกยิ้มบางเบาให้กับคนเป็นลูกกลับไป เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องในหัวสมอง ที่มันยังคงทำให้เขาคิดมากจนนอนไม่ค่อยหลับนั่นเอง “จริงหรือครับ” “จริงครับ น้องฮาร์ฟหวงมัมเหรอ ลูกใครเนี่ย น่ารักจังเลยครับ” คนเป็นแม่ย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อจะได้หอมแก้มพ่อนายแบบตัวน้อยคนดัง จนน้องฮาร์ฟต้องย่นคอหนีริมฝีปากบางสีสดคนเป็นแม่ น้องฮาร์ฟแสดงสีหน้ากอปรกับทำท่าเก้อเขินออกมาให้เห็นได้ทันที ตอนนี้น้องฮาร์ฟพุงตัวสูงมาก ๆ แม้นจะอายุเพียง 10 ขวบ แต่ยืดตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงหัวไหล่คนเป็นแม่ไปแล้ว แต่ก็คงไม่แปลกเพราะพ่อเขายังสูงตั้ง 186 เซนติเมตรเลยนี่นา “มัม..ทำอะไรเนี่ย ฮาร์ฟโตแล้วนะครับ” ร่างบางยกยิ้มตอบรับอย่างมีเลศนัย ให้กับเจ้าลูกชายที่มีอาการขัดเขิน แถมยังเดินหนีไปนั่งอยู่ประจำตรงโต๊ะทานข้าวรอแล้ว “โตแล้วมัมมี๊หอมแก้มไม่ได้แล้วเหรอครับ ว้า..เสียใจจังเลยน้า หรือต้องเป็นน้องบลูถึงจะหอมแก้มน้องฮาร์ฟได้ มัมชักจะเริ่มอิจฉาน้องบลูซะแล้วสิ” เมื่อคนเป็นแม่เอ่ยหยอกเย้าคนเป็นลูก พร้อมกับถือจานอาหารเช้ามาวางให้ด้านหน้าของลูกชายที่นั่งรออยู่ ก็เหลือบไปเห็นใบหน้าคนเด็กขึ้นสีเลือดฝาดแต่งแต้มขึ้นมาทันควัน หึ หึ ฟาร์รังคลี่ยิ้มบาง ๆ รู้สึกสนุกเมื่อได้เห็นคนลูกเริ่มมีรีแอคชันแบบนี้ “อ่าว..ลุกไปไหนครับน้องฮาร์ฟ” ฟาร์รังเอ่ยทักทันที ที่เห็นลูกชายของตนลุกขึ้นพรวดพราด ออกจากเก้าอี้โต๊ะทานอาหาร เดินจ้ำอ้าวไปยังตู้เย็น เพื่อแก้อาการขัดเขินที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ให้คนเป็นแม่ได้เอ่ยแซวคนเด็กเล่น ๆ อย่างขบขัน “ฮาร์ฟมายกน้ำไปให้ไงครับ มัมจะรับกาแฟหรือน้ำส้มดีครับ” เนียน กลบเกลื่อนได้เนียนมาก!! ที่คนเป็นแม่เอ่ยแซวไปเพราะฟาร์รังแกล้งแซวไปอย่างนั้นเอง เอ๋..!! หรือที่จริงแล้วมีเรื่องอะไรที่ผมตามไม่ทันระหว่างน้องฮาร์ฟกับน้องบลูหรือเปล่าน้า??? “มัมคร้าบ..มัมมี๊..” น้องฮาร์ฟเห็นคนเป็นแม่เงียบลงไป ไม่ยอมตอบคำถามเลยกระตุ้นโดยการส่งเสียงเรียกถามย้ำ ๆ อีกครั้ง “กาแฟแล้วกันครับ ขอบคุณครับ” น้องฮาร์ฟวางแก้วกาแฟให้คนเป็นแม่ที่ยังคงยกยิ้มกรุ้มกริ่มมองกันอย่างไม่วางตา ส่วนคนเด็กเดินกลับไปนั่งลงยังเก้าอี้ของตน พร้อมวางแก้วนมสดที่ถือติดมือมาด้วย “วันนี้มีถ่ายแบบนิตยสารของเฟิร์สเดย์ใช่ไหมครับ” “ใช่ฮ่ะ เดียววันนี้ฮาร์ฟไปกับพี่นิคเองก็ได้นะครับมัม ฮาร์ฟอยากให้มัมพักผ่อนมากกว่า” ดูสิครับน้องฮาร์ฟน่ารักกับผมเสมอเลย “ไม่เป็นไรครับ มัมไปด้วย อยากไปดูน้องฮาร์ฟสุดหล่อของมัม ในลุคคุณชายเดินชายหาดนี่ครับ” “มัม งอแง” เอ้า!!...นี่ผมโดนเด็ก 10 ขวบว่างอแงใส่เฉยเลยครับ แถมน้องฮาร์ฟหันมาหรี่ตาจับจ้องมองใบหน้าคนเป็นแม่ แถมส่ายหัวใส่อีก นี่เด็ก 10 ขวบหรือเนี่ย??!! ทำตัวเหมือนกับเป็นพ่อผมอีกคนแล้ว.. ในที่สุดฟาร์รังก็เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาต ให้ติดสอยห้อยตามน้องฮาร์ฟมาทำงานจนได้ และใช่ครับ มันฟังดูแล้วทะแม่ง ๆ ไหมครับ แต่มันคือเรื่องจริงครับ เพราะน้องฮาร์ฟอนุญาตให้คนเป็นแม่ไปด้วยได้ แต่ต้องให้คุณนิค ซึ่งเป็นคนที่พี่เลออนหามาเป็นผู้ช่วยดูแลน้องฮาร์ฟ ขับรถมาแทนมัมมี๊ฟาร์ของนายแบบตัวน้อยคนดังนั่นแหละ ถึงได้มาด้วย เห็นไหมครับ ว่าเด็ก 10 ขวบมีอำนาจมากกว่าผมไปแล้ว!! “ก็ฮาร์ฟเคยบอกมัมแล้วไงครับ ว่าฮาร์ฟจะดูแลมัมเองไง จำไม่ได้แล้วเหรอ มัมมี๊ก็ยังไม่แก่สักหน่อย” โอ๊ย..โดนลูกย้อนกลับแบบนี้แล้ว มันจี๊ดขึ้นสมองเลยครับ ผมเลยต้องจำยอม โอเค๊!! นิตยสาร First Day เป็นนิตยสารที่เกี่ยวกับแฟชั่นหลากหลายประเภท วันนี้น้องฮาร์ฟก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในคอนเซ็ปท์ฤดูร้อนที่ชายหาด แต่ทว่าไม่ได้ไปถ่ายทำที่ทะเลจริง ๆ เพียงแค่เซตติ้งฉากขึ้นมาเท่านั้น เพราะต้องการโปรโมตหนังสือนิตยสาร และเพิ่มบทสัมภาษณ์กับพ่อนายแบบอายุน้อย อีกนิดหน่อยถึงต้องเลือกสตูแทนการออกเอ้าท์ดอร์ หลังจบงานวันนี้ก็มีทีมงานเข้ามาสอบถามเรื่องงานครั้งต่อไป ว่านายแบบเด็กคนดังจะยังรับงานถ่ายนิตยสาร หรือรับงานเดินแบบอะไรเพิ่มเติมอีกไหม นายแบบตัวน้อยมือโปร ก็ตอบกลับไปอย่างฉะฉานชัดเจนว่า "ให้พวกพี่ ๆ ทีมงานต้องคอยติดตามกันต่อไปนะครับ" จนเหล่าทีมงานร้องโอดโอย ว่าน้องฮาร์ฟแพรวพราวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อายุเพียง 10 ขวบแต่เหลือร้ายละเกิน จริงครับผมเห็นด้วยกับทีมงาน เพราะนับวันก็ยิ่งทวีความแพรวพราวที่สุดเจ้าลูกคนนี้ และนายแบบตัวน้อยแสนเสน่ห์ ยังส่งคำทิ้งท้ายให้กับเหล่าทีมงานกรีดร้องหนักกว่าครั้งไหน ๆ แบบที่ผ่านมา ก็คือประโยคที่ว่า "ถ้าที่ไหนให้ผมถ่ายแบบคู่กับมัมมี๊ ก็จะรีบลัดคิวรับทำกับที่นั่นในทันทีเลยนะครับ” ...OMG นี่ลูกชายผมจะขายผมกินแล้วครับ... #ทุ่มเทเพื่อรัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม