สิบเจ็ด ชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ ความเงียบภายในศาลาดำเนินไปอย่างยาวนานจนกระทั่งสายลมพัดผ่านต้นไผ่จนเกิดเสียงเสียดสีอีกระลอก สุดท้ายอวิ๋นจิ่นลี่ที่กำลังตัวสั่นเทาก็ทนไม่ไหว หลุดหัวเราะพรืดออกมาจนขณะที่หยดน้ำเล็ดออกมาจากดวงตาเรียว เขายกมือขึ้นมาปิดปากพลางกล่าวเสียงอู้อี้ “ข้า...ขออภัยด้วย” “ข้าเป็นคนใจกว้าง ย่อมไม่ถือสา” เสาอวี่หันกลับไปตอบรับหน้าตาเฉย ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าซ่างกวนฮุ่ยเฉิงมีสีหน้าเป็นเช่นไร ความกระอักกระอ่วนผ่อนคลายลงด้วยบทสนทนาของคนทั้งสอง จาเชียนลั่วหันมองทางนั้นทีทางโน้นที คล้ายอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก “ฮุ่ยเฉิงยังไร้เดียงสา ท่านเจ้าเมืองซูโปรดยั้งมือด้วย” คำพูดของบุตรชายท่านแม่ทัพส่งผลให้ผู้ที่กำลังนั่งหน้าดำหน้าแดงบนรถเข็นถลึงตาดุ ทว่าอวิ๋นจิ่นลี่กลับไม่รู้สึกกลัว...มีแต่จะสนุกมากขึ้นที่ได้กลั่นแกล้งสหาย “ในเมื่อเจ้าขอ ข้าก็จะยอมให้สักครั้ง” เสาอวี่กล่าวอย่าง