ข่าวเรื่องกองทัพแคว้นอู๋เข้าประชิดกำแพงเมืองจื้อโหยวถือเป็นการแจ้งข่าวสารที่กระชั้นชิดนัก บัดนี้เทศกาลอาหารรัญจวนถูกยกเลิก สถานเริงรมย์ทุกหนแห่งปิดตามคำสั่งจากทางการ ถนนสายหลักที่มักมีผู้คนเดินพลุกพล่านกลับถูกทิ้งร้างภายในไม่กี่ชั่วยาม ส่วนนักเดินทางจากนอกเมืองล้วนถูกส่งกลับออกไปจนหมดสิ้น
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีสถานที่หนึ่งในเมืองจื้อโหยวที่ยังคงคึกคัก...
ร่างในชุดสีดำลอบสังเกตการณ์อยู่บนต้นไม้สูงใกล้กับบริเวณหน้าประตูใหญ่ทางเข้าจวนท่านเจ้าเมือง ความบอบช้ำภายในทุเลาลงแต่ยังไม่หายสนิท ตลอดหนึ่งชั่วยามที่ผ่านมามีรถม้าวิ่งเข้าออกศูนย์กลางแห่งเมืองจื้อโหยวไม่เว้นว่างอยู่หลายคันรถ ในเมื่อผู้นำทัพมาครั้งนี้คือฮั่วหลิงหวาง ท่านอ๋องห้าผู้ได้รับสมญานาม ‘พยัคฆ์เงิน’ แห่งสนามรบ ชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยมของเขาเลื่องลือไปทั่วหล้า แม้กระทั่งตัวนางซึ่งเป็นโจรยังเคยได้ยินชื่อ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานการณ์ในเมืองจื้อโหยวจะตึงเครียดมากเพียงใด
การเตรียมการในเพลาอันน้อยนิดผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ธงสีม่วงเข้มประจำเมืองโบกสะบัดไปมา กำลังพลบนกำแพงเมืองเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ อารักขาอย่างแน่นหนา วันพรุ่งนี้แล้วที่กองทัพจากแคว้นอู๋จะเปิดศึกกับเมืองจื้อโหยว
โจรสาวเองก็อยู่ในสภาพเครียดขึงที่ไม่ต่างกันเท่าไร นางอาศัยช่วงที่ฟางฟางออกไปต้มยาหลบหนีออกมา หากลอบเข้าไปในจวนท่านเจ้าเมืองเพื่อสืบหาเรื่องชาติกำเนิด คาดว่าความลับเรื่องปานนกยูงคงจะช่วยให้สามารถสาวเรื่องราวไปยังครอบครัวที่ล่วงลับ...หรืออาจจะยังหลงเหลืออยู่ได้บ้าง
ดวงตาสีน้ำตาลแดงมองเห็นชัดแจ้งในยามราตรี ค่ำคืนนี้ไร้เมฆหมอก แสงดาราและจันทราสาดส่องเผยให้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของบรรดาทหารหาญที่มิอาจผ่อนคลายจิตใจให้สงบลงได้
เมืองแห่งนี้มิได้มีไพร่พลในกำมือมากมายเป็นทุนเดิม ด้วยเหตุนี้ภายในจวนท่านเจ้าเมืองจึงมีการวางเวรยามน้อยลงกว่าปกติ และแน่นอนว่าแม่นกยูงสาวย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสอันดีงามเยี่ยงนี้หลุดมือไป
ตุบ!
ร่างที่เหวี่ยงกระโดดลงมาจากกำแพงทิ้งตัวลงบนผืนหญ้าด้วยความช่ำชอง แต่แล้วเจ้าตัวกลับขนลุกชันอย่างเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ
สังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย...
เสาอวี่เตรียมจะกระชับมีดสั้นประจำตัวที่มักจะพกติดกายอยู่เสมอ ทว่าเมื่อคลำไปแล้วกลับพบเพียงแต่ความว่างเปล่า เมื่อย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็จำได้ว่าตนมอบมีดสั้นให้กับฟางฟางไปหลังจากที่หนีพ้นคนจากกองโจรไร้ตา
...เป็นเพราะเพิ่งฟื้นจากพิษบาดแผลจึงได้เผลอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แต่ถ้าหากจะถอนตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว
ร่างระหงเคลื่อนไหวกลมกลืนไปในความมืด ทักษะการหลบหลีกแม้ยังบาดเจ็บก็ถือว่าพอช่วยให้รอดพ้นจากสายตาของทหารเวรอันบางตา ทว่าโจรสาวถึงกับหยุดนิ่งทันทีเมื่อโสตประสาทสัมผัสถึงเสียงทุ้มห้าวที่นางไม่มีวันลืม
“ศิษย์พี่ ช่วงนี้สีหน้าท่านดูไม่สดใสเอาเสียเลย”
มันเป็นเสียงเดียวกับบุรุษที่ฝากคำเตือนริมน้ำตกในครานั้น...และเขาก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่!
เสาอวี่ขบกรามแน่นก่อนจะตัดสินใจเบี่ยงเส้นทางไปยังสวนหย่อมขนาดใหญ่ทางทิศใต้ บริเวณนี้ต้นไม้ขึ้นรก มีเถาวัลย์ห้อยระย้า ให้ความรู้สึกราวกับเจตนาถูกปลูกไว้เพื่อปกปิดบางสิ่ง โจรสาวสัมผัสกลิ่นอายลึกลับที่แสนอันตรายอย่างเด่นชัด หากความมุ่งมั่นอันแรงกล้ากลับมีมากกว่า
นางปิดกั้นกลิ่นอาย เหยียบย่ำฝ่าม่านพฤกษาเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เสียงพูดคุยตอบโต้แสดงให้เห็นว่าผู้ร่วมวงสนทนามีมากกว่าหนึ่ง
“อยากจะพูดอันใดก็รีบพูด ข้าอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน” อีกเสียงกระซิบแหบ หากจับน้ำเสียงได้ว่ามันเจือความไม่พอใจและหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
คู่สนทนาหัวเราะเสียงขรึม “ดูท่านเจ้าเมืองจะไม่สนใจฟังคำท่านเลยนับตั้งแต่หนุ่มหน้าหยกผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นมา เห็นทีเรื่องที่ท่านโอ้อวดว่า ‘นาง’ อยู่ในกำมือจะเป็นเรื่องโกหก หรือว่า...ท่านอยากให้ข้ายื่นมือเข้าช่วย...เปลี่ยนหุ่นเชิดตัวนี้เป็นอย่างไร”
“เปลี่ยนหุ่นเชิด? ” เงาร่างที่ยืนกอดอกในความมืดคลายมือออกเหมือนสนใจ
“กำจัดตัวเก่า เอาตัวใหม่มาเปลี่ยนแทน ข้ารับรองว่าตัวใหม่มีคุณสมบัติเหมาะสม...”
“เจ้าหมายความว่า? ”
“นางมีปาน...”
แกร๊บ...
เสียงแตกหักของกิ่งไม้แห้งส่งผลให้บทสนทนาหยุดชะงัก เช่นเดียวกับหญิงสาวที่พุ่งกายหนีออกจากจุดนั้นด้วยความเร็วราวกับลมพายุ เรือนผมที่มัดรวบไว้คลายออกปลิวปรายตามร่างที่ต้านแรงลม เสียงอื้ออึงดังโกรกอยู่ข้างหู
สตรีที่มีปานที่เขาพูดถึง...หรือเขาจะหมายถึงนาง!
หุ่นเชิดอันใดกัน ตัวใหม่อันใดกัน!
ข้อสงสัยและคำถามมากมายตีกันยุ่งเหยิง แม้ในใจอยากจะรู้มากเพียงไรแต่นางก็เชื่อใจสัญชาตญาณ หากวันนี้นางถูกจับได้...สิ่งที่แลกมาย่อมหมายถึงชีวิต และนางจะยอมเสียชีวิตเดียวที่มีอยู่ไปไม่ได้เป็นอันขาด!
ใบหน้าคมเผยความวิตกออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรับรู้ว่าผู้ที่นางหนีมากำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้น...ใกล้ขึ้น
“จะไปไหน! ”
แรงกระชากสร้างความรวดร้าวที่ศีรษะจนต้องร้องเสียงคราง เรือนผมของเสาอวี่ถูกจับตรึงไว้ก่อนที่ผู้ลงมือจะทุ่มร่างของนางลงบนพื้นหญ้า แผลเก่าปริแตกไหลซึมออกมาอีกครั้ง การลงมืออย่างไม่ยั้งมือส่งผลให้นางขดตัวงออย่างแสนทรมาน ก่อนจะกัดฟันดีดกายพร้อมกับหมุนตัวเตะอีกฝ่ายออกไปสุดแรง
แปะ แปะ
ของเหลวสีแดงสดหยดลงบนพื้นหญ้า เสาอวี่ยกมือขึ้นกุมท้อง ถ้าวถอยไปด้านหลังขณะที่เริ่มหายใจหอบ
แผลที่จั๋วโฉ่วทิ้งไว้ให้ร้ายกาจจนน่าเจ็บใจ ป่านนี้ถ้าหากอีกฝ่ายยังไม่ตายก็คงคางเหลืองเหมือนกับติงหยาง
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า...”
เบื้องหน้านางคือบุรุษเปลือยกายท่อนบนอวดรอยสักของสัตว์ที่มีเกล็ดยาวเลื้อยพันรอบตัว น้ำเสียงของเขาดูเมามายไร้น้ำหนัก ผิดกับร่างที่แผ่จิตสังหารออกมา
‘ชนเผ่าอสรพิษ? ’
เสาอวี่คาดเดาขึ้นในใจ ย่ำเดินอีกแค่สองเก้าก็มีเสียงบางอย่างฉีกขาดขึ้นกลางอากาศ เส้นเอ็นที่นางขึงรอไว้ถูกทำลายลง กับดักกลไกที่วางไว้อย่างเรียบง่ายก็ทำงาน กว่าร่างหนาจะรู้ตัวอีกคราก็เป็นจังหวะที่ข้อเท้าถูกฉุดขึ้นไปในตะข่ายเหล็ก ห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้เสียแล้ว
แม่โจรสาวเห็นดังนั้นก็เตรียมจะใช้วิชาตัวเบาเร้นกายหนี แต่พิษบาดแผลทำให้ความเร็วช้าลงไปกว่าครึ่ง
ฉึก!
ความเจ็บปวดบนแผ่นหลังพร้อมกับโลหะมันวาวเปื้อนของเหลวหนืดที่ทะลุมาจากกลางลำตัวส่งผลให้เสาอวี่เบิกตาโพลง บาดแผลที่ถูกซ้ำเติมลงทำเอาร่างระหงถึงกับเข่าทรุด อ้าปากพะงาบๆ เสมือนปลาขาดน้ำ
เขามาหยุดยืนอยู่ข้างหลังโดยที่นางไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย!
นางกัดฟันแน่นก่อนจะกลั้นใจเดินลมปราณเพื่อซัดฝ่ามือออกไป แต่ผลที่ได้คือโลหิตที่พ่นออกมาจากปาก ร่างของนางกระตุกอย่างแรง ร่วงหล่นราวกับใบไม้แห้งร่วงหล่นลงบนพื้น
ดาบอาบยาพิษ!
ดวงตาสีน้ำตาลแดงก้มมองแผ่นเหล็กผืนบางที่แทงทะลุหน้าท้องของตน พบว่ามันมีอักษร ‘เสอ[1]’ อยู่บนนั้น
นางประมาทเกินไป ไม่คาดฝันว่าจะถูกสังหารทันทีโดยไม่มีการไต่สวนก่อน
“เจ้าไม่ควรมาที่นี่เลยจริงๆ” เสียงของผู้ที่ถูกกักขังอยู่ในตะข่ายเหล็กดังขึ้น นับว่าน่าเสียดายเหลือเกินที่แม่นกน้อยไม่ยอมฟังคำเตือนของเขา...
หยาดโลหิตที่กลายเป็นสีแดงเข้มด้วยพิษร้ายหลั่งรินลงบนพื้นหญ้า หญิงสาวรับรู้ถึงกล้ามเนื้อทั่วกายที่เกร็งกระตุกถี่ ลมหายใจขาดหายเป็นช่วงๆ เช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่ดังแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ดวงตาสองข้างเริ่มมืดบอดมองไม่เห็น อาการชาไปทั่วร่างไม่รับรู้ร้อนหนาว แม้มิอาจมองเห็นผู้ที่ยืนค้ำร่างแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังรอดูวาระสุดท้ายของนาง
สุดท้ายก็หนีความตายไม่พ้น...
ความเจ็บปวดราวกับถูกเข็มร้อยเล่มทิ่มแทงเข้าที่หัวใจ เจ็บปวดรวดร้าว ทรมานอย่างแสนสาหัส เปลือกตาของหญิงสาวปิดลงอย่างเชื่องช้า ก่อนที่ลมหายใจจะหยุดลงอย่างสมบูรณ์
[1] เสอ (*) หมายถึง งู, อสรพิษ