ไอ้ขี้ข้า

1065 คำ
              “ ผมมิอาจเอื้อมไปโกรธเสี่ยหรอกครับ ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกแม่ของผม ”           “ อั๊วก็ไม่ชอบเหมือนกัน เพราะรู้ดีว่าเรียมเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกสำหรับอั๊ว ” ท้ายประโยคเขาหันไปส่งยิ้มให้นางเรียมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ที่ก็ส่งยิ้มกลับมาเช่นกัน ก่อนที่เขาจะหันกลับไปที่ราชย์อีกครั้ง           “ พรุ่งนี้อั๊วต้องบินไปเมืองจีน ไปร่วมงานแต่งของหลาน จะไปกับนิพนธ์และธวัช ” เสี่ยพธินหมายถึงลูกน้องคนสนิทอีกสองคน           “ อ้าว เสี่ยไม่ให้ผมไปด้วยเหรอครับ ” เสี่ยพธินส่ายศีรษะ           “ การไปครั้งนี้ไม่มีใครรู้ นอกเสียจากราชย์และเรียมกับไอ้สองคนที่มันจะไปกับอั๊ว แต่อั๊วบอกทุกคนที่นี่ว่าจะไปมาเก๊า โอเคนะ ”           “ ครับ ” ราชย์รับคำทั้งที่ในแววตามีแต่ความกังขา แต่เขารู้ดีว่าที่เสี่ยทำไปย่อมมีเหตุผล แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดีที่เสี่ยไม่ยอมให้เขาติดตามไป เหมือนเสี่ยพธินจะล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดจึงชิงพูดออกมาก่อน           “ แล้วก็ไม่ต้องน้อยอกน้อยใจที่อั๊วไม่ให้ลื้อไปด้วยในครั้งนี้ เพราะมีงานใหญ่ที่ต้องไหว้วานให้ลื้อต้องดูแลจัดการ ” ราชย์พยักหน้ารับ           “ ได้ครับ สำหรับเสี่ยแล้ว บุกน้ำลุยไฟแค่ไหน ไอ้ราชย์คนนี้ก็พร้อมทำให้เสมอ ”           “ มันไม่ต้องไปบุกน้ำลุยไฟอะไรหรอก ไม่ได้หนักหนาสาหัสสากรรจ์ขนาดนั้น แต่อาจจะจุกจิกหัวใจให้ได้รำคาญบ้าง ” คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ก่อนเอ่ยถาม           “ งานอะไรเหรอครับเสี่ย ” เสี่ยพธินยิ้มก่อนจะเอ่ยคำตอบที่ทำให้ราชย์อยากจะวิ่งให้รถสิบล้อชนตายเดี๋ยวนั้น           “ ดูแลคุณหนูพราวด์ ชนิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ห้ามให้คลาดสายตา ! ”         *********************           ร่างอวบอัดในชุดนอนผ้าซาตินสายเดี่ยวสีขาวบางเบาแนบเนื้อพลิกกายหงายพร้อมกับค่อย ๆ ปรือตาขึ้น เธอยังไม่อยากตื่น แต่ความต้องการทางกายภาพที่อยากจะปลดปล่อยของเสียในร่างกายมันบังคับให้ต้องตื่น           พราวพธูตลบผ้าห่มที่คลุมอยู่ให้พ้นตัว แล้วค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจซ้ายขวา ขยับลงจากเตียงเพื่อจะเดินไปยังห้องน้ำ พลันเธอก็กรีดร้องออกมาจนสุดเสียง           เพราะด้านซ้ายของเตียงนอนที่เป็นโซฟาเบดไว้นั่งเล่นดูโทรทัศน์จากจอแอลซีดีขนาดใหญ่นั้น มีร่างสูงใหญ่ใบหน้าดุดันนั่งอยู่ มันจ้องเขม็งมายังเธอไม่วางตา           “ กรี๊ด ! แก แกเข้ามาได้ยังไงไอ้ราชย์  แกมาทำอะไร จะมาทำมิดีมิร้ายฉันใช่ไหม ฉันจะฟ้องป๊า ให้ป๊ากุดหัวแกกับแม่เอาเลือดมาล้างเท้าฉัน ” คนโดนด่าทำหน้าระอาอย่างเต็มทน ก่อนจะจงใจระบายลมหายใจออกมาเสียเฮือกใหญ่ให้อีกฝ่าย ได้ยิน           “ คุณหนูคิดว่าตัวเองน่าพิศวาสขนาดนั้นเหรอ ถึงขนาดว่าจะทำให้มีใครสักคนบุกเข้ามาปลุกปล้ำถึงในห้อง เอาล่ะ ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะพอไปวัดไปวาได้ แต่คำพูดคำจากับนิสัยนี่ต่อให้ให้ฟรี แถมข้าวสารอีกสองกระสอบผมยังคิดเลยข้าวสารน่ะอยากได้ มันมีประโยชน์ แต่คุณนี่สิ... ” เขาเว้นวรรคไว้ไม่พูดต่อพร้อมส่ายศีรษะแสดงท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์เหลือเกิน นั่นยิ่งทำให้พราวพธูเดือดปุด ๆ เธอลุกพรวดขึ้นยืน สาวเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะหันไปคว้าโคมไฟเอามาไว้เป็นอาวุธในมือ           “ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ออก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ! ” หากเขายังคงนั่งนิ่ง เอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ           “ ผมก็อยากออกไปใจจะขาด แต่ผมได้รับคำสั่งจากเสี่ยที่ไปทำธุระเร่งด่วนที่มาเก๊า ให้ดูแลคุณหนูพราวพธูไม่ให้คลาดสายตาชนิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ” เธอกรีดร้องออกมาอย่างขัดใจ           “ ฉันไม่เอา ฉันไม่อยากให้ใครมาดูแลอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้สวะอย่างแก ! ”           “ แล้วคุณคิดว่าผมอยากมาดูแลคุณหนูปากหมา สมองเท่าหอยมดอย่างคุณนักเหรอ คุณคิดว่างานนี้มันน่าอภิรมย์ จนผมอยากทำจนตัวสั่นอย่างนั้นหรือไง ” คำตอบนั้นทำให้เธอตาลุกโพลงอย่างโมโหสุดขีด ก่อนจะขว้างโคมไฟมายังราชย์ หมายเป้าไปยังศีรษะ หากปฏิกิริยาของเขาโคตรว่องไว ชายหนุ่มลุกขึ้นหลบได้ทัน ก่อนจะพุ่งตัวมายังร่างอวบอัด แล้วคว้าคอของเธอเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเอื้อมไปรวบข้อมือทั้งสองของเธอไพล่หลังไว้ เสียงโคมไฟกระแทกพื้นแตกดังเพล้ง หากพราวพธูคิดว่ามันคงยังดังไม่เท่ากับหัวใจของเธอที่เต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอกตอนนี้           หวาดกลัวอาจจะเป็นเสี้ยวหนึ่ง แต่ที่มากกว่านั้นสำหรับผู้หญิงถือดีจองหองอย่างเธอมันคือความโกรธ โกรธที่มันบังอาจทำกับเจ้านายอย่างเธอขนาดนี้เชียวหรือ !           “ ปล่อยฉัน ไอ้ขี้ข้า ! ”          แม้จะโดนพันธนาการขนาดนั้น หากยังอุตส่าห์ส่งเสียงลอดริมฝีปากมาด่า ใบหน้ารกครึ้มด้วยไรเครานั้นอยู่ห่างแค่คืบ ดวงตาสีนิลที่ประสานกับสายตาเธอนั้นมันมีประกายดุดันคุโชนราวกับไฟบัลลัยกัลป์ มือแข็งแรงราวกับปลอกเหล็กนั้นบีบข้อมือทั้งคู่ไว้แน่นหนึบ อีกข้างที่ลำคอนั้นแม้จะไม่ลงน้ำหนักมากแต่เธอมั่นใจว่าหากเขาอยากจะหักคอหรือบีบมันให้เธอ  ขาดอากาศหายใจตายก็สามารถทำมันได้ง่าย ๆ หากเธอก็ยังไม่หลบสายตา ยังคงท้าทายมันด้วยประกายตาแห่งเพลิงโทสะไม่แพ้กัน           ราชย์เผยอปากเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม           “ จำเอาไว้ เราต่างคนต่างก็มีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน เสี่ยเป็นนาย ผมเป็นลูกจ้าง เสี่ยจ่ายเงิน ผมทำงานแลกเงิน มันคือการแลกเปลี่ยน มันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นนายแล้วหมายถึงจะเป็นเจ้าชีวิตคนที่เป็นลูกจ้างด้วย ”           “ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งมาสอนฉัน ไอ้ขี้ข้า ! ”  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม