“มาด้วยกันทุกวันเลยนะยายไหม เห็นหงิมๆ คาบชิ้นปลามันไปกิน เลิกกับนายณุไม่ทันไรก็มีใหม่ไฉไลกว่าเดิม” เพื่อนๆ เอ่ยแซวกันใหญ่ ใยไหมหน้าแดงก่อนรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“บ้านอาจารย์เดชอยู่ใกล้บ้านเรา แล้วรถเสียก็เลยติดรถอาจารย์มาแค่นั้นเอง”
“จริงอะ” เพื่อนสาวในห้องกระแทกไหล่ท่าทีไม่เชื่อ ติรกาญจน์ที่ยืนอยู่อีกด้านได้ยินก็รู้สึกหมั่นไส้ใยไหมอย่างที่สุด เห็นท่าทีมีความสุขของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกทนไม่ได้
ติรกาญจน์รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุด เธอได้ผู้ชายที่คิดว่าแสนดีน่ารักมาแต่เมื่อเทียบกับดนุเดชซึ่งเป็นอาจารย์ที่มีทั้งฐานะ รูปร่างหน้าตาและนิสัยแล้ว วิษณุเทียบอีกฝ่ายไม่ติดเลย แล้วความรักของเธอกับวิษณุตอนนี้ก็ระหองระแหง
หลังจากหมดคาบเรียนอรสาก็ใยไหมไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่เสียงข้อความที่ดังขึ้นทำให้เธอเปิดอ่าน ใยไหมตาโตเธอลืมข้าวกล่องของดนุเดชไปเสียสนิท
“อรซื้อข้าวรับประทานไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวเรามา”
“จะไปไหนไหม”
“เราลืมข้างกล่องไว้ที่อาจารย์เดชน่ะ” เธอรีบบอกก่อนจะรีบผลุนผลันออกไป ใยไหมวิ่งมาที่ห้องพักอาจารย์ เปิดประตูเข้าไปก็พอดีกับที่ดนุเดชเปิดประตูออกมา เธอชนเข้ากับร่างสูงของเขาอย่างจัง
“โอ๊ย!”
“เป็นยังไงบ้าง” ดนุเดชเองก็ตกใจเขารีบประคองร่างเล็กไปทรุดนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน เธอนั่งมึนงง ยกมือขึ้นกุมหน้าผากตัวเองเอาไว้
“เจ็บค่ะ”
“รีบวิ่งไปไหน”
“ก็อาเดชไลน์ไปบอกให้มาเอาข้าวกล่อง”
“อยากกินขนาดนั้นเชียว” เขาแหย่ เธอค้อนให้หนึ่งครั้ง
“ไม่ใช่เสียหน่อย”
“น่าน้อยใจจัง” เขาเดินไปหยิบข้าวกล่องมาส่งให้เธอ
“แต่ก็ขอบคุณนะคะ” เธอรับมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า เขาขยับเข้ามาใกล้ ชะโงกหน้าลงมาหาทำให้เธอถอยหนี
“อาเดชจะทำอะไรคะ” เขาไม่ตอบแต่หยิบยาหลอดหนึ่งจากลิ้นชักขึ้นมาก่อนจะทาเบาๆ ให้เด็กสาวแล้วเป่า เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาขัดเขินกับความใส่ใจนั้น
“ทายาเดี๋ยวก็หาย คราวหลังก็ระวังให้ดีล่ะ อย่าวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาแบบนี้อีก”
“ค่ะ ไหมไปก่อนนะคะ”
“ไหนรางวัลครับ”
“รางวัลอะไรคะ” คนเอ่ยถามทำหน้างง
เขาไม่ตอบแต่จิ้มแก้มตัวเอง ใยไหมตาโต เขาก็มองเธออย่างรอคอย
“หอมแก้มแฟนเป็นเรื่องธรรมดานะครับ” เขายังยิ้ม จิ้มแก้มตัวเอง เธอรีบหอมแก้มเขาเร็วๆ ก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องทำงานของเขา
“โหย... กับข้าวของยายไหมน่ากินจังเลย ดูสิๆ พวกเรา” อรสาเอ่ยแซว มองข้าวกล่องน่ารักแล้วอมยิ้ม บนข้าวผัดขมิ้นสมุนไพรมีผักที่หั่นเป็นรูปหัวใจ มีตา มีจมูก มีปากที่กำลังอมยิ้ม ตามด้วยไข่ กับข้าวเป็นเนื้ออย่างโรยงา มีผลไม้และน้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ อรสาอดใจไม่ไหวเลยแอบตักไปชิม
“โหย... อร่อย ยายไหมแกบอกพวกเรามาเลย” อรสาชี้หน้าเพื่อนอย่างคาดคั้น
“บะ... บอกอะไร” คนเอ่ยถามหน้าตาเหลอหลา กลัวโดนรู้ว่าข้าวกล่องกล่องนี้ไม่ใช่ของที่เธอทำเอง แต่เป็นของดนุเดชตั้งใจทำให้เธอต่างหากเล่า เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะทำอะไรได้น่ารักขนาดนี้
คนบ้า!!! ว่าเขาก็จริงแต่แอบยิ้มตาลอย...
“แกกำลังมีความรักใช่ไหม”
“หือ...” คนฟังครางเบาๆ
“แกต้องมีความรักอยู่แน่ๆ เลยทำข้าวกล่องได้หวานแหววแบบนี้ หัดทำไปให้แฟนเหรอ”
“เอ่อ... ก็อืม” ใยไหมรับคำ ให้เพื่อนเข้าใจไปแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน
“นั่นสิ ข้าวกล่องอะไรน่ากิน หวานแหวว น่ารักขนาดนี้ ถ้าแกทำไปให้แฟนนะรับรองแฟนรักแฟนหลงแน่ๆ”
“ไม่บอกไปล่ะว่าอาจารย์เดชจริงๆ เป็นแฟนกับเธอ” ติรกาญจน์ที่เดินมาได้ยินโพล่งขึ้นมา ใยไหมสะดุ้งสุดตัว เธอไม่อยากให้ใครรู้ แต่ลืมไปว่าเธอดันไปแนะนำดนุเดชในฐานะแฟนให้ติรกาญจน์และวิษณุได้รู้เมื่อหลายวันก่อน
“จริงเหรอไหม”
“ไม่จริง” เธอไม่อยากให้ใครมองไม่ดี ไม่อยากให้ดนุเดชกระทบกับหน้าที่การงานของตัวเองด้วยเลยตอบปฏิเสธออกไป
“อะไรกันไหม วันก่อนเธอยังบอกเลยว่าอาจารย์เดชเป็นแฟน คบหาดูใจกันอยู่ บ้านอยู่ใกล้กัน วิษณุก็เป็นพยานให้เราได้” อีกฝ่ายหันไปถามวิษณุเพื่อขอตัวร่วม
“เราไปกันเถอะกาญจน์”
“เอ๊ะ! ณุนี่ยังไง ก็วันก่อนไหมบอกเราเองว่าเป็นแฟนกับอาจารย์เดช” ติรกาญจน์พูดเสียงดังขึ้นแต่วิษณุรีบปิดปากแฟนสาวเอาไว้เมื่อเห็นท่าทีอึดอัดหน้าซีดเผือดของแฟนเก่า
“เป็นห่วงมันหรือไง” ติรกาญจน์ดิ้นรนหนีจากมือหนา เอ่ยถามเสียงแข็ง
นี่ใช่ไหมคือนิสัยของติรกาญจน์จากที่เคยเรียบร้อยอ่อนหวานผิดไปเป็นคนละคน
“พอสักทีเถอะกาญจน์ อย่าไปยุ่งกับไหมอีกเลย”
“ไม่ให้กาญจน์ไปยุ่งแต่ณุยุ่งได้ใช่ไหม” เธอกระชากเสียงถาม
“ถ้าเราคุยกันไม่รู้เรื่องก็เลิกคุยกันไปเลย”
“อ้อ... พอได้กาญจน์แล้วจะเขี่ยทิ้งเหรอ”
“ณุว่ากาญจน์ไม่ใช่ได้กับณุคนแรกนะ” ประโยคของชายหนุ่มทำให้ติรกาญจน์อ้าปากค้างก่อนจะตรงเข้าทุบตีวิษณุด้วยความโมโหในทันที
“ทำไมถึงพูดแบบนี้ คนบ้า ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย คนสารเลว”
“นี่หยุดนะกาญจน์ เราเจ็บนะ” วิษณุกระชากมือของ ติรกาญจน์ออกห่างแต่เธอก็ยังทุบตีเขาไม่หยุด เขาเลยตัดสินใจผลักร่างเธอจนเซ
“คนบ้า คนเฮงซวย นี่เจ็บนะ” เธอร้องเสียงหลงแต่วิษณุเดินหนี ติรกาญจน์โวยวายอยู่แบบนั้น ก่อนที่เสียงของใครบางคนจะเอ่ยขึ้น
“เป็นยังไงบ้าง”
“อาจารย์เดช เจ็บข้อเท้าค่ะ” ติรกาญจน์รีบบอก ดนุเดชช่วยประคองอีกฝ่ายให้ลุก เธอเซไปประทะกับอกของเขา ทำให้ดนุเดชต้องกดให้เธอนั่งที่ม้าหินอ่อนใกล้สวนหย่อม
ติรกาญจน์รับรู้ได้ถึงท่าทีปฏิเสธนั้น อาจเพราะอยู่ในมหาวิทยาลัยก็เป็นได้ เธอจึงเอ่ยประโยคเด็ดกับเขา ส่งสายตาออดอ้อนอย่างเต็มที่และเคยทำสำเร็จมาแล้วกับผู้ชายหลายคน
“อาจารย์ไปส่งหนูที่หอหน่อยสิคะ หนูปวดข้อเท้าไม่รู้จะกลับยังไง”
“เดี๋ยวผมจะเรียกแท็กซี่หน้ามหาวิทยาลัยให้คุณนะครับ พอดีผมมีธุระคงไม่สามารถไปส่งคุณได้” ดนุเดชตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“แต่กาญจน์ปวดข้อเท้านะคะ”
“คุณไม่มีเพื่อนเลยเหรอ”
“ไม่มีค่ะ”
“ยายกาญจน์มานั่งอยู่ตรงนี้เอง พวกเราตามหาเสียแทบแย่” ตรีนุชและเพื่อนอีกสองคนรีบปรี่เข้ามาหา ติรกาญจน์อยากจะจับเพื่อนสามสาวมาตบนัก เธอหันไปมองทำหน้าไม่พอใจใส่ ทำให้ทั้งสามหน้าเหวอไปตามๆ กัน
“งั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ” ดนุเดชเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ ในขณะที่ติรกาญจน์ได้แต่เจ็บใจ เธอยกมือขึ้นทำท่าจะเรียกเขา แต่ร่างสูงสง่าเดินไปไกลเสียแล้ว
“โอ๊ย! เสนอหน้ามาทำไมตอนนี้” พออาจารย์หนุ่มเดินจากไปแล้วติรกาญจน์ก็หันมาหงุดหงิดใส่เพื่อนทั้งสาม
“อ้าว... จะไปรู้เหรอว่าเธอกำลังอ่อยอาจารย์เดชอยู่” ตรีนุชจีบปากจีบคอพูดขึ้นมาในทันที
“ซื่อบื้อ”
“อะไรกันยายกาญจน์มาหาว่าพวกเราซื่อบื้อ”
“ฉันไม่ได้ว่าเธอ” สายตาของติรกาญจน์หันไปมองอาจารย์หนุ่มที่เดินลับหายไปอย่างหงุดหงิด ยั่วขนาดนี้ยังไม่สนอีก
“อ้อ... ยายกาญจน์ยั่วแต่อาจารย์เดชไม่เล่นด้วยรึ ได้ยินนะว่าแกอยากให้เขาไปส่ง”
“สู่รู้”
“งั้นพวกเราไปล่ะ”
“มาช่วยฉันก่อนสิ ฉันเจ็บข้อเท้า”
“อ้าว... ก็เห็นทำท่าทำทางเหมือนไล่” ตรีนุชกับเพื่อนบ่นอุบแต่ก็เข้าไปช่วย
“เป็นอะไรของแกถึงได้เท้าแพลง”
“ไอ้ณุน่ะสิผลักฉัน”
“เขาเบื่อเธอแล้วรึ”
“อย่าพูดแบบนั้นเด็ดขาด คนที่จะเป็นฝ่ายเบื่อคือฉันไม่ใช่ไอ้หมอนั่น” ติรกาญจน์ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ คนอย่างเธอไม่มีทางโดนผู้ชายทิ้งเด็ดขาด เธอต้องเป็นฝ่ายทิ้งเท่านั้นไม่ใช่ถูกทิ้ง!
ดนุเดชไม่เห็นสาวน้อยข้างบ้านที่เขาไปรับไปส่งทุกวัน โทรหาเธอก็ไม่รับสาย ไลน์ไปก็ไม่ตอบแถมไม่อ่านอีก อาจารย์หนุ่มเลยรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก