ตอนที่ 12
เมื่อทั้งสองได้พากันออกไปทานอาหารเย็นแถวในละแวกหมู่บ้าน ชาวบ้านที่มานั่งทานอาหารต่างคุยกันเป็นเสียงเดียวว่า 'มีเสือออกอาละวาด' ระหว่างที่ทั้งสองทานอาหารอยู่ก็มีเสียงผู้ชายสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน ชญานนท์และจิราภรจึงแอบฟังทั้งคู่คุยกัน
“เมื่อเช้าฉันไปหาของป่า วิ่งหนีมันแทบไม่ทัน มันเป็นเสือโคร่ง น้ำหนักน่าจะเกือบสองร้อยโลกว่า” หนึ่งในชาวบ้านเอ่ยขึ้นขณะนั่งทานข้าวกับเพื่อน ชญานนท์และจิราภรที่ได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งทันที
“เอ็งเห็นมันเหรอวะ” เพื่อนของเขารีบถามขี้นทันที
“หึ!..ไม่หรอก เห็นแค่รอยเท้าว่ะ..ฮ่า ๆ ๆ” ชายคนที่ทำให้ชญานนท์และแม่เลี้ยงสาวหูผึ่งคุยเป็นเรื่องปกติด้วยความขบขัน และหยอกล้อกับเพื่อน
“ปัดโธ่ แล้วทำเป็นมาคุย”
ใกล้ ๆ กันกับโต๊ะของทั้งสอง ยังมีอีกโต๊ะหนึ่ง ที่มีสองยายหลานมาสั่งอาหาร และระหว่างรอทั้งคู่ก็นั่งคุยกัน ผู้เป็นยายเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองยังไม่เลิกหายเศร้า
“อีรื่น เอ็งตัดใจเสียเถอะวะ นึกเสียว่าทำบุญด้วยกันมาแค่นี้” ผู้เป็นยายเอ่ยขึ้นกับหลานสาวคนสวย
“จะไม่ให้ฉันเศร้าได้ยังไงละ..ยาย ผัวฉันตายไปทั้งคนนะ ” หญิงสาวคนนั้นดูมีสีหน้าเศร้าผิดปกติจริง ๆ ทั้งคู่จึงแอบฟังสองยายหลานคุยกันต่อไป
"ตอนที่เจ้าหน้าที่ไปเจอศพผัวเอ็ง ไม่มีใครโทรบอกเอ็งเลยหรือยังไง" ยายถามเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะหลานสาวไปต่างจังหวัดพอกลับมาก็พบว่าเจ้าหน้าทีอุทยานจัดงานศพให้สามีเธอแล้ว
"โทรมาบอกที่ไหนละ เขาโทรไปบอกลูกสาวคุณจิราวัฒน์ที่กรุงเทพฯโน่น " จิราพรได้ยินที่รื่นฤดีบอกยาย ก็ทำให้เธอนึกถึงเรื่องวันรู้ข่าวสามีตายเจ้าหน้าที่โทรหาเธอและบอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว แต่เธอดันเป็นลมไปเสียก่อน
"ก็เขาไม่รู้นี่หว่า ว่าเอ็งเป็นเมียคุณจิราวัฒน์ คุณจิราวัฒน์นี่ก็แปลกคบกับเอ็ง แต่ไม่บอกใครว่าเอ็งเป็นเมีย" จิราภรได้ยินพร้อมกับชญานนท์ก็ต้องหูผึ่งอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้น่าสนใจกว่าเรื่องเสืออาละวาดอีก จิราภรพลางนั่งคิดในขณะที่แอบฟังทั้งคู่ไปเรื่อย ๆ 'นี่สามีเธอแอบมีบ้านเล็กด้วยเหรอ'
"ฮื่อ ๆ" หลานสาวคุณยายนั่งร้องไห้อีกครั้งเมื่อผู้เป็นยายเธอพูดจบ
“เอ็งร้องไห้ให้ตาย คุณจิราวัฒน์เขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอกโว้ย!”
“ก็ฉันเสียใจนี่..ยาย! ”
เมื่อจิราภรและชญานนท์ทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ชญานนท์จึงบอกให้แม่เลี้ยงสาวไปคอยที่รถ ส่วนเขาจะไปสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับเสืออาละวาดกับชาวบ้าน
“น้าไปด้วยสิเบส น้าก็อยากรู้เรื่องเหมือนกัน” ชญานนท์รู้ว่าเรื่องที่จิราภรอยากรู้คงไม่ใช่เรื่องของเสือออกอาละวาดเป็นแน่ จึงเอ่ยถามแม่เลี้ยงสาวตรง ๆ
“คุณน้าอยากรู้เรื่องเสือ หรือว่าเรื่องของคุณพ่อครับ”
“น้าอยากรู้เรื่องของคุณพ่อเบส ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นเมียน้อยของพ่อเบส..น้าอยากไปคุยกับเธอ”
“ถ้าเป็นเรื่องจริง มันจะทำให้น้าฝ้ายเศร้าเปล่า ๆ นะครับ ไหน ๆ พ่อผมก็ตายไปแล้ว น้าฝ้ายปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปเถอะครับ ดูแล้วเธอก็เสียใจเหมือนกัน และเธอคงไม่รู้ว่าคุณพ่อมีเมียอยู่ที่กรุงเทพฯหรอกครับ”
“เบส แต่น้า” เธอเกาะแขนเด็กหนุ่มอย่างอ้อนวอน
“เอาเถอะครับ..น้าฝ้าย ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต” แม่เลี้ยงสาวส่งสายตาอ้อนวอนและรีบเอ่ยขึ้น
“น้าไม่ได้จะไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นนะเบส..น้าแค่อยากไปถามเธอเฉย ๆ” ชญานนท์ถอนหายใจ แล้วจึงปล่อยให้จิราภรเดินไปคุยกับหญิงสาวคนนั้น และก่อนที่ทั้งคู่จะกลับออกไป ก็เห็นผู้ใหญ่บ้านพาลูกน้องมาเลี้ยงอาหารเย็น ระหว่างรอทั้งสามคนก็เริ่มคุยกัน ชญานนท์และจิราภรจึงยังไม่รีบกลับ จิราพรแยกตัวไปคุยกับหลานของคุณยาย ส่วนชญานนท์ก็นั่งฟังผู้ใหญ่บ้านคุยกับลูกน้อง
“จริง ๆ นะครับพ่อผู้ใหญ่ มันออกอาละวาด ไล่กัดกินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านตายไปหลายตัวแล้ว พวกเราต้องล่ามันนะครับ”
“ใจเย็น ๆ ก่อน ตอนนี้ทางอุทยานแจ้งว่าไม่ให้พวกเราเข้าไปในพื้นที่ ข้าว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอุทยานจัดการดีกว่านะ” ผู้ใหญ่รีบบอกกับลูกน้อง
“แต่มันมากินไก่ฉันจนจะหมดเล้าแล้วนะพ่อผู้ใหญ่” ชาวบ้านที่อยู่โต๊ะติดกับชญานนท์และจิราภรรีบไปบอกผู้ใหญ่เมื่อได้ยินที่ผู้ใหญ่คุยกับลูกน้องเรื่องเสืออาละวาด
“ใจเย็น ๆ ก่อน ทิดนัยเดี๋ยวข้าจะเข้าไปหารือเรื่องนี้กับรองหัวหน้าอุทยานอีกที ถ้าหากเสือยังอยู่จะต้องช่วยกันจับให้ได้อยู่แล้ว” ผู้ใหญ่บ้านรีบบอกกับลูกบ้านทันที
“แล้วไก่ เป็ด หมู ที่ฉันเลี้ยงไว้ไม่ตายไปหมดก่อนเหรอผู้ใหญ่” ยังไม่ทันที่ผู้ใหญ่บ้านจะได้ตอบทิดนัย ชญานนท์ก็รีบลุกไปทักทายผู้ใหญ่บ้านทันที
“สวัสดีครับผู้ใหญ่” ผู้ใหญ่บ้านที่คุ้นหน้าชญานนท์ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ชญานนท์จึงรีบแนะนำตัวทันที
“ผมชญานนท์ครับเป็นลูกชายของคุณจิราวัฒน์ ผมอยากรู้เรื่องของคุณพ่อ ผู้ใหญ่ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากรู้ว่าเสือมันเข้ามาในอุทยานได้จริง ๆ อย่างที่ชาวบ้านเล่ากันหรือเปล่า”
“อ๋อ ลูกชายท่านจิราวัฒน์นี่เอง ในงานศพผมก็ไปแค่แป๊บเดียวเลยไม่ได้ทักทายคุณเลย และนี่มากับใครละ..แฟนเหรอ” ผู้ใหญ่เอ่ยถามพร้อมกับมองมาที่จิราภร
“ผมมากับ..”
“สวัสดีค่ะผู้ใหญ่ ดิฉันเป็นภรรยาของชญานนท์ค่ะ” ชญานนท์รีบมองหน้าแม่เลี้ยงสาวทันที จิราภรรีบส่งสัญญาณด้วยการกะพริบตาและบีบแขนเด็กหนุ่ม จนชญานนท์จึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ เมื่อสักครู่ระหว่างที่จิราพรไปคุยกับรื่นฤดีที่โต๊ะข้าง ๆ เธอแอบเห็นชญานนท์ลุกไปคุยกับผู้ใหญ่จึงรีบขอตัวจากยายหลานทั้งสองแล้วเดินมาหาเขาทันที
“อ๋อ คุณนั่นเอง ผมเห็นคุณในงานศพเหมือนกันครับคิดว่าต้องเป็นลูกสาวหรือไม่ก็ลูกสะใภ้ของท่านจิราวัฒน์ ถ้ายังไงขอแสดงความเสียใจกับคุณทั้งสองด้วยนะครับ” ผู้ใหญ่บ้านพูดกับทั้งสอง
“ขอบคุณครับ/ค่ะ” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน
เมื่อทั้งสองกลับออกมาที่รถ ชญานนท์จึงเอ่ยถามแม่เลี้ยงสาว เกี่ยวกับเรื่องที่เธอโกหกผู้ใหญ่บ้าน
“เบส น้าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นเธอเสียใจอีก และอีกอย่างเธอก็ยังอยู่ตรงนั้น” ยิ่งถ้าเธอรู้ว่าจิราภรเป็นภรรยาของคุณจิราวัฒน์ที่อยู่กรุงเทพฯ เธอก็ต้องเสียใจหนักเข้าไปอีก จิราภรเห็นว่าไหน ๆ สามีก็ตายไปแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ จบ ๆ ไปดีกว่า
“เมื่อสักครู่ น้าฝ้ายไปคุยอะไรกับเธอเหรอครับ” ชญานนท์เอ่ยถามขึ้น เพราะตอนแรกเขาคิดว่าจิราภรจะไปอ้างสิทธิ์การเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงเขากับผู้หญิงคนนั้น
“น้าก็แค่ไปถามว่าเธอคบกับพ่อเบสมานานหรือยัง ”
“แล้วยังไงครับ”
“เธอคบกับพ่อเบสมาตั้งสองปีแล้วนะ”
“แล้วน้าฝ้ายบอกว่าเป็นอะไรกับคุณพ่อเหรอครับ เธอถึงยอมเล่าเรื่องให้ฟัง”
“น้าก็บอกว่าน้าเป็นแฟนเบสไงล่ะ น้าบอกว่ามากับสามี แค่นั้นแหละเธอก็ยอมเล่าให้น้าฟังหมดเลย” ชญานนท์แอบสำรวจรูปร่างของแม่เลี้ยงสาวแล้วยิ้มกว้างให้เธอ ใช่สิ! แม่เลี้ยงของเขายังดูสาวและสวย และอายุเธอก็ห่างจากพ่อเลี้ยงของเขาตั้ง 17 ปี
“ทำไมผมไม่รู้มาก่อนเลย ว่าพ่อมีเมียอยู่ที่นี่อีกคน”
“ช่างเถอะ เรื่องนั้นน้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว แต่เรื่องของเสือที่เข้ามาในพื้นที่อุทยานเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย ผู้ใหญ่ได้บอกอะไรกับเบสอีกหรือเปล่า”
“ผู้ใหญ่ไม่กล้าบอกอะไรมากครับ เกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านตื่นกลัว แต่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า เสือตัวนี้มันกินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านตายไปหลายตัวแล้วครับ”