6
คิมหันต์คลายอ้อมกอดที่รัดร่างนิ่มออก ก่อนจะดันร่างบางให้นอนราบบนที่นอน จัดผ้าห่มคลุมกายให้เรียบร้อย จดจ้องมองดวงหน้าที่หลับพริ้ม เขาเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าปิ่นปักเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง เขาไล่สายตาตั้งแต่หน้าผากกลมนูน ดวงตายาวกลมรีที่ปิดสนิท จมูกเล็กโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับบางเฉียบสีชมพู ริมฝีปากของเธอน่าจุมพิตมาก จังหวะที่เธอขยับกลีบปากและแย้มยิ้มนิดๆ ราวกับว่าตอนนี้เจ้าของกำลังฝัน ซึ่งอาจจะเป็นฝันที่ดี
มนตร์สะกด คิมหันต์คิดอย่างนั้น ตอนนี้เขาเหมือนคนที่ถูกมนตร์สะกด ลืมความเกลียดชังที่มีอยู่ล้นใจ ลืมไปว่าเธอคือตัวซวยของเขา ใบหน้าคมเข้มโน้มต่ำลงมาเรื่อยๆ โดยที่คิมหันต์ไม่รู้ตัว ไม่อาจยับยั้งชั่งใจอันใดได้ นุ่ม นิ่ม นั่นคือความรู้สึกของเขาในวินาทีแรกที่เรียวปากของเขาแตะสัมผัสกับกลีบปากบางที่เผยอยิ้มน้อยๆ
ชายหนุ่มออกแรงบดเบียดริมฝีปากมากยิ่งขึ้น อ้อมแขนที่คลายออกรัดร่างของปิ่นปักอีกครั้ง หญิงสาวส่ายหน้าไปมา เมื่อตัวเองรู้สึกหายใจไม่ออก ความร้อนอุ่นบางอย่างกำลังระรานลิ้นที่นอนสงบอยู่ ตวัดพันจนร่างกายสาวมีอุณหภูมิความร้อนมากยิ่งขึ้น เธอพยายามลืมตาตื่น หากแต่มันหนักอึ้งไปหมด
พ่อเลี้ยงหนุ่มพัวพันลิ้นหนากับลิ้นนุ่มอย่างเพลิดเพลิน ความหวานหอมจากโพรงปากอิ่ม เพิ่มพลังในตัวเขาได้เป็นอย่างดี หอมเหลือเกิน หวานไม่มีใครเทียบเทียม รสนุ่มเหมือนกาแฟรสเลิศ เสียงอืออาในลำคอของปิ่นปัก ทำให้ปากหนาผละออกจากปากบางทันที เขาลุกขึ้นยืนข้างเตียง มองดวงหน้าใส กลีบปากสีสดที่เขาเพิ่งปล้นจูบมา คิมหันต์ยอมรับว่าตอนนี้ร่างกายของเขาร้อนไปทั้งตัว
ไม่ได้ เขาอยู่ในห้องนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าอยู่มีหวังเขาต้องลักหลับปิ่นปักเป็นแน่ อีกอย่างเธอเป็นคนที่เขาจงเกลียดจงชังไม่ใช่หรือ เกลียดสิ เขาต้องเกลียด เพราะการที่หญิงสาวคนนี้ก้าวเข้ามาในชีวิต เป็นวันที่อุไรคนที่เขารักและนับถือที่สุดรองลงมาจากมารดา ได้จบชีวิตลง คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มหมุนตัวไปยังประตูห้องนอน ก้าวเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองร่างงามอีกเลย
ปิ่นปักขยับตัวอย่างเชื่องช้า อาการมึนศีรษะทุเลาลงมาก หญิงสาวลุกขึ้นนั่งลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พอเขาพาเธอกลับมาที่ไร่เทียมฟ้า เธอก้าวลงจากรถเดินไปไม่กี่ก้าว รู้สึกมึนศีรษะอย่างแรง จากนั้นสติของเธอก็ดับวูบ มารู้สึกตัวก็ตอนเช้า
หญิงสาวหมายจะก้าวลงจากเตียง ทว่าเสื้อผ้าที่หลวมโครก กับกางเกงที่หลวมจนแทบจะหลุดบั้นท้าย ทำให้ความสงสัยตีวนเข้ามาในสมอง ใครเป็นคนพาเธอมาที่ห้องนี้ ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเธอ หญิงสาวอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อคิดว่าเขาเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเอง อีกใจกลับแย้งเขาเกลียดเธอเข้าไส้คงไม่ผลัดเปลี่ยนชุดใหม่ให้เป็นแน่ ถ้าปล่อยให้ปอดบวมตายล่ะไม่แน่
เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อคืนกองอยู่ที่พื้น หญิงสาวหยิบมันขึ้นมา เดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้ง ตั้งใจจะไปขอบคุณเจ้าของไร่และคนงานที่มีเมตตาไปช่วยเธอ จากพวกผู้ชายบ้ากามที่ไม่รู้จัก หากแต่เหตุการณ์ที่อยู่ในป่า ก่อกำแพงความน้อยใจขึ้นมาอีกครั้ง ที่ปิ่นปักวิ่งไปสวมกอดเขานั้นเป็นเพราะความรักที่มีให้เขาตั้งแต่แรกเห็น ความดีใจที่เขามาช่วย คิมหันต์ไม่คิดเช่นนั้นกลับคิดว่าที่เธอสวมกอดเขาเป็นการตอบแทนบุญคุณ จึงให้เธอกอดคนงานอีกสามคน ปิ่นปักกอดไปแค่หนึ่ง เหลืออีกสองคนที่หญิงสาวต้องกอด
เอื้องน้องสาวของอิ้งกำลังทำงานบ้านอยู่ในห้องโถง เงยหน้ามองสตรีร่างเล็กที่เดินลงมาจากชั้นบนด้วยรอยยิ้ม ในไร่นี้คงมีแต่เอื้องและป้าผิวเท่านั้นที่ดีกับเธอ นอกนั้นเห็นเธอเป็นตัวน่ารังเกียจหมด โดยเฉพาะเจ้าของไร่
“ตื่นแล้วเหรอปิ่น พ่อเลี้ยงสั่งว่าถ้าปิ่นตื่นให้ไปหาพ่อเลี้ยงที่ห้องทำงานในไร่” เอื้องรีบบอกอีกฝ่ายให้รับรู้ทันที
“ขอบใจมากนะ” ปิ่นปักพูดเสียงหวาน ก่อนจะเดินออกไปนอกบ้านหลังใหญ่ ตรงไปที่ห้องทำงานในไร่ที่อยู่ห่างไปประมาณสองร้อยเมตร ระหว่างทางที่เธอเดินไปหาคิมหันต์นั้น สายตาของคนงานที่มองมาที่เธอแปลกๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ บางคนมองเขม็ง บางคนมองแล้วหลบสายตา
“พี่ชาติคะ” ชาติชายหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียก หันมามองต้นเสียงที่วิ่งมาหาเขา ชาติชายหันไปมองที่บ้านพักหลังเล็กซึ่งเป็นห้องทำงานของพ่อเลี้ยงเลือดเย็น พอรู้ว่ามันปิดสนิททั้งหน้าต่างประตู แม้แต่ผ้าม่านสีฟ้า ทำให้เขาเบาใจหยุดรอปิ่นปัก
“ว่าไง หายดีแล้วเหรอ” ชาติชายถามเหมือนรู้ว่าเมื่อคืนเธอไม่สบาย
“พี่ชาติรู้ได้ยังไงคะว่าปิ่นไม่สบาย แล้วใครเป็นคนพาปิ่นขึ้นไปบนบ้านของคุณคิมคะ” จะมีใครกล้าอุ้มขึ้นไป ถ้าไม่ใช่เจ้าของบ้าน ลองคนอื่นอุ้มสิมีหวังบ้านแตกแน่ มีเหตุผลอยู่สองข้อที่บ้านจะแตกและพังลงมา
เหตุผลข้อที่หนึ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าของไร่นี้เกลียดหญิงสาวตรงหน้ามากมายนัก แต่ยังให้เจ้าหล่อนเข้าไปในบ้าน แถมยังให้ไปนอนที่ห้องรับรองอีกต่างหาก แค่คิดข้อนี้ก็ไม่มีใครกล้าอุ้มเข้าไปแล้ว
เหตุผลข้อที่สอง เจ้าของไร่เกิดอาการหวงขึ้นมากะทันหัน ดูจากสายตาของคิมหันต์ที่มองชาติชาย ตอนที่ปิ่นปักกอดเขานั้น คล้ายกับดวงไฟลุกโชติช่วงขึ้นมา ชาติชายเกิดอาการเสียวสันหลังวาบๆ แค่คิดก็ขนลุกเกรียว