ตอนนี้คุณหนูเหอยังไม่หย่าขาดจากสามีเขาจึงไม่อยากสร้าง
ความลำบากให้กับครอบครัวเพื่อนรัก เพียงแค่เรื่องที่เขาออกหน้าในวันนี้
ผู้พันเมิ่งยังคิดว่าเขาจะมาแย่งภรรยา ถ้าเกิดวันนี้เขาค้างที่นี่แล้วเรื่องรู้ไปถึงหูสามีของคุณหนูเหอ เรื่องหย่าคงต้องยุ่งยากขึ้น ต่อให้ฝ่ายคุณหนูเหอจะมีหลักฐานแน่นหนาขนาดไหนก็ตาม
“อืม ลุงไม่รั้งแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ก็แวะมาทานข้าวที่นี่ก็แล้วกัน ลุงเองก็คิดน้อยไป เพราะความที่ตระกูลเหอและตระกูลหวงสนิทสนมกันพอตัว”
นายท่านเหอพยักหน้ายอมรับและยังชวนให้มาที่บ้านในวันพรุ่งนี้ เรื่องความสนิทสนมของทั้งสองตระกูลหลัง ๆ มาใครหลายคนต่างก็รู้ดี
เหอว่านเซียงมองเพื่อนพี่ชายเดินจากไปขึ้นรถด้วยสายตาที่ขอบคุณเพราะถ้าคุณหวงคนนี้รับคำเชิญของพ่อ เธอไม่รู้ว่าเรื่องยุ่งยากอะไรจะตามมาอีก
เมื่อหวงเหยียนหลงไปแล้ว เหอว่านเซียงจึงคล้องแขนพ่อและพี่ชายเดินเข้าบ้าน ทำให้ภาพที่เห็นเต็มไปด้วยความอบอุ่น พ่อบ้านมองด้วยความดีใจจนน้ำตาซึมออกมา
หลังจากที่นำของเข้าไปเก็บในห้องและแวะดูลูกสาวตัวน้อย เมื่อเห็นว่าหลับไปพร้อมกับกอดแขนยายแน่น เธอจึงเดินเข้าห้องครัวเพื่อจะทำอาหารให้ทุกคนทานมื้อเย็น
“คุณหนูจะทำอาหารเองเหรอคะ”
ป้าถงแม่บ้านใหญ่ของตระกูลเหอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม มื้อกลางวันเธอและคนงานต่างก็ได้ลองชิมอาหารที่คุณหนูทำ ต่างลงความเห็นกันว่าอร่อยกว่าในร้านอาหารหรือภัตตาคารใหญ่ที่ขายเสียอีก แม้แต่พ่อครัวที่ภัตตาคารซุ่นซิงยังไม่อร่อยเท่านี้
“ใช่แล้วค่ะ แต่ไม่รู้ว่ามีวัตถุดิบอะไรเหลือบ้าง เมื่อกลางวันฉันทำเกือบจะหมดแล้ว”
เหอว่านเซียงคิดว่าตนเองคงโดนสวรรค์ลงโทษที่ไม่มีมิติหรือของวิเศษเหมือนนางเอกนิยายที่เธอเคยอ่านผ่าน ๆ แต่เธอกลับได้สิ่งที่มีค่าที่สุดซึ่งแม้แต่คนที่ตายมาแล้วเช่นเธอไม่เคยมี นั่นคือครอบครัวและลูกน้อย
ต่อให้ไม่มีอะไร แต่เธอเชื่อว่าความสามารถและความทรงจำที่
ติดตัวเธอมาจะทำให้เธอทำธุรกิจและช่วยสานต่องานของครอบครัวได้
“คุณหนูต้องการอะไรเพิ่มไหม ป้าจะไปตลาดให้ วันนี้ซอยข้างคฤหาสน์มีตลาดนัดพอดี คุณหนูจดรายการให้ป้าเลยคะ ป้าจะให้ไปซื้อให้”
ป้าถงบอกอย่างกระตือรือร้น วันนี้ซอยข้าง ๆ มีตลาดนัดพอดี หากคุณหนูต้องการวัตถุดิบจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดหามาให้คุณหนูของเธอ
“ซอยข้างบ้านเรามีตลาดนัดด้วยเหรอคะป้า เท่าที่จำได้ เป็นบ้านของชาวบ้านแทบทั้งหมดแล้วนี่คะ นอกเสียจากมีของพ่อ” เท่าที่มีความทรงจำ
ซอยด้านข้างแทบจะเป็นหมู่บ้านไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงที่ดินเปล่าต้นซอย
ที่ยังเป็นของครอบครัวเธอ และเป็นที่ดินใหญ่น่าดู
“ใช่แล้ว ที่ของครอบครัวเราเอง ตรงนั้นเมื่อสองปีก่อนมีนายหน้ามาขอเช่าเพื่อทำตลาดนัด พ่อกับพี่เลยให้เช่า ดีกว่าปล่อยให้ที่รกร้าง สัญญาตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่เดือนแล้ว” เหอโจวเว่ยเดินเข้ามาในครัวจึงได้ยิน
บทสนทนาเข้าพอดี เลยเป็นคนตอบคำถามน้องสาวเสียเอง
ความคิดบางอย่างจึงผุดขึ้นมาในหัว เหอว่านเซียงจึงหันไปบอกกับพี่ชายว่าเธออยากจะไปตลาดนัด “พี่ใหญ่ พาน้องไปตลาดนัดได้ไหม น้องจะไปดูอะไรบางอย่างและไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารด้วย”
เหอโจวเว่ยหรี่ตามองเล็กน้อยและกำลังปฏิเสธ ทว่าพอเห็นรอยยิ้มอันสดใสและแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอยากไป ทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง
“ไปเตรียมตัวพี่ไปรอที่รถ ให้ป้าถงกับป้าหม่าไปด้วย”
เหอโจวเว่ยบอกกับน้องสาวและย้ำให้แม่บ้านตามไปด้วย จะได้ช่วยกันซื้อของ เมื่อได้รับคำตอบพี่ชาย เหอว่านเซียงจึงรีบเดินออกมาจากห้องครัวขึ้นห้องนอนเพื่อเตรียมตัวไปตลาดนัด เหอโจวเว่ยมองน้องสาวแสดงอาการดีใจไม่ต่างจากเด็ก เขาก็ยิ้มกว้าง เพราะเขากังวลว่าน้องสาว
คนนี้จะคิดมากเรื่องหย่ากับสามี จนทำให้ความสดใสที่เคยมีหายไป
ส่วนป้าถังเดินกลับไปที่ห้องบัญชีเพื่อเบิกค่าใช้จ่ายในการไปซื้อวัตถุดิบเข้าบ้าน เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว เหอโจวเว่ยจึงทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาทุกคนไปที่ตลาดนัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไร
ทันทีที่มาถึงตลาด เหอว่านเซียงมองทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น และมองอย่างละเอียด เพราะสิ่งที่อยู่ในหัวเธอตอนนี้คือการสร้างตลาดถาวร ตอนนี้ปลายปีหนึ่งเก้าแปดเก้าแล้ว ทุกอย่างจึงพัฒนาไปในทางที่ดี เธอจึงมองว่าการสร้างตลาดถาวรนั้น สามารถทำให้ชาวบ้านที่ทำการค้าในด้านนี้มีสถานที่ขายของทุกวัน และผู้บริโภคเองก็สามารถจับจ่ายซื้อของเข้าบ้านได้ง่ายขึ้น
“พี่ใหญ่ ทำไมที่ดินด้านข้างจึงโล่งล่ะ ไม่มีแม่ค้าหรือพ่อค้ามาขายของเลย”
เหอว่านเซียงชี้ไปทางที่ดินยังโล่ง แม้จะไม่มีหญ้าขึ้น แต่เธอมองว่าปล่อยว่างมันจะเสียประโยชน์ และที่สำคัญพื้นที่ว่างกลับติดถนนด้วยนี่สิ
“อ๋อ ตรงนั้นทางนายหน้าไม่ได้เช่า เพราะราคาที่ดินติดถนนมันแพง ทางพี่กับพ่อยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่ก็ให้คนงานมาถางหญ้าไว้เสมอ ยังคิดอยู่เลยว่าเมื่อไหร่ที่หมดสัญญากับนายหน้าจะเอาพื้นที่ทั้งหมดใช้
ทำอะไร”
“พี่ใหญ่ เรามาสร้างตลาดกันไหม น้องว่ามันน่าจะดีมากเลยนะ สร้างตรงพื้นที่ติดถนน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอยู่ตอนนี้จะได้ยังมีพื้นที่ขายของได้ พอเราสร้างเสร็จ ตรงนั้นก็แบ่งไว้เป็นที่จอดรถ และเปิดเป็นห้องให้เช่า เผื่อว่าจะมีใครสนใจจับจองพื้นที่ขายสินค้าชนิดอื่น น้องว่าธุรกิจนี้ท่าทางจะไปได้สวยเลยล่ะ”
เหอว่านเซียงยังคงอธิบายเรื่องการสร้างตลาดให้พี่ชายฟังอย่างออกรส เหอโจวเว่ยมองน้องสาวอย่างไม่เชื่อหูว่าเธอจะคิดสร้างตลาด แต่พอคิดว่าน้องสาวโตแล้ว เขาจึงยิ้มอย่างภูมิใจ และเชื่อว่าต้องมีพ่อค้าแม่ค้ามาจับจองเช่าพื้นที่มากมายแน่ ตลาดนัดแห่งนี้เปิดเพียงสัปดาห์ละสี่วันเท่านั้น
“เอาสิ พี่เห็นด้วย แล้วเซียงเซียงอยากให้สร้างแบบไหน พี่จะลองดูผู้รับเหมาให้เผื่อว่าเขามีแบบก่อสร้างที่น้องต้องการ”
“ไม่ต้องค่ะพี่ใหญ่ แบบตลาดน้องจะวาดและออกแบบเอง แต่คงต้องรบกวนพี่ช่วยหาผู้รับเหมาให้น้องหน่อย และอีกเรื่องพ่อจะยอมให้สร้างตลาดแบบถาวรหรือเปล่า อ๊ะนั่นปลาเก๋า ไปตรงนั้นกัน”
เหอว่านเซียงตั้งใจว่าจะวาดแบบและเขียนแปลนออกมาเอง เธอจะยึดแบบเดียวกับตลาดที่เธอเคยเห็น ส่วนการเขียนแบบเธอพอจะมีความสามารถอยู่บ้างจึงไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนช่างรับเหมาพี่ชายเธอคงจะมีบริษัทที่ไว้ใจ
แต่ปัญหาคือพ่อจะยอมให้สร้างหรือเปล่า ไม่รู้ว่าท่านต้องการนำที่ดินผืนนี้ไปทำอะไรหลังจากหมดสัญญาเช่ากับนายหน้า แต่พอเห็นว่ามีคนนำปลาชนิดต่าง ๆ มาขายเธอจึงรีบจูงแขนพี่ชายไปซื้อทันที
“ป้าคะ ปลาเก๋าขายยังไงคะ”
“กิโลกรัมละสิบหยวน ต้องการตัวไหนเลือกได้เลยค่ะคุณหนู สวัสดีค่ะคุณเหอ”
แม่ค้าคนนี้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินจึงเอ่ยทักทายเหอโจวเว่ยอย่างเป็นกันเอง เพราะคุณชายเหอไม่เคยดูถูกคนจนทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าของที่ดิน
แต่ต่างจากคนที่เช่าที่ดินผืนนี้ มองพวกแม่ค้าไม่ต่างอะไรจากมดหรือปลวก ยิ่งเห็นมีหญิงสาวมาด้วยเธอจึงคิดว่าเป็นคนรักของคุณเหอ
“เซียงเซียง น้องอยากได้เท่าไรก็แจ้งป้าแม่ค้าเลย มือจะได้ไม่เลอะ” เหอโจวเว่ยยิ้มรับก่อนจะบอกน้องสาวให้บอกกับแม่ค้าว่าต้องการตัวไหน
“พี่ใหญ่ทำเหมือนไม่เคยมาซื้อของเอง ซื้อปลาก็ต้องเลือกเองสิคะ จะได้รู้ว่าตัวไหนสดหรือไม่สด จริงไหมคะป้า”
เหอว่านเซียงตอบและหันมาคุยกับป้าคนขายอย่างสนิทสนม
ต่อให้ตัวเธอจะเป็นคนที่เย็นชาแค่ไหน เธอไม่ใช่คนที่ไม่มีมารยาทที่จะไม่มีสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่ดีด้วย
“โอ๊ะ! เป็นคุณหนูเหอหรอกเหรอ ป้านึกว่าเป็นคนรักของคุณเหอเสียอีก”
ป้าคนขายปลาตกใจไม่คิดว่าหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยและอัธยาศัยดี
จะเป็นลูกสาวตระกูลเหอ คนที่ได้ข่าวว่าแต่งงานไปกับผู้พันเมิ่ง แต่ทำไมภาพที่เธอเห็นช่างแตกต่างจากข่าวลือนัก
เหอว่านเซียงไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร เธอยังก้มหน้าก้มตาเลือกปลาชนิดต่าง ๆ เพื่อนำกลับไปทำอาหาร ดีที่ตอนนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วเลยไม่กังวลว่าจะเก็บอาหารสดอย่างไร ถ้าเธอทะลุมิติมาในยุคที่
ข้าวยากหมากแพง ทุกอย่างยังไม่พัฒนา แล้วมาแบบไม่มีอะไรเช่นนี้เธอคงลำบากไม่น้อย