“เก่งมากเลยค่ะคุณหนู คุณนายเมิ่งเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน”
มู่ตานแทบอยากจะกระโดดปรบมือถ้าไม่ติดกับอุ้มคุณหนูตัวน้อยอยู่เธอคงทำไปแล้ว แม้จะแปลกใจที่คุณหนูนิสัยเปลี่ยนไปแต่เธอก็ชอบที่คุณหนูสู้คนแบบนี้ รวมถึงหม่าซือที่ชอบใจกับคุณหนูที่เปลี่ยนแปลงตนเอง
“คุณหนูหลิงหลิง เราไปแต่งตัวสวยกันดีกว่านะคะ วันนี้คุณแม่ของคุณหนูจะพาไปหาคุณตาคุณยายและลุงใหญ่ ดีใจไหม”
มู่ตานอุ้มหลิงหลิงเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้เดินทางไปตระกูลเหอเสียที
“เราเองก็ไปเตรียมตัวดีกว่านะคะ รถคันที่พี่ใหญ่ส่งมาให้ฉันยังไม่เคยใช้ส่วนตัวเลย วันนี้คงได้ใช้แล้ว” ทุกครั้งรถคันนี้มีแต่น้องสาวของผู้พันเมิ่งมาขอยืมใช้ ร่างเดิมเป็นคนไม่มีปากเสียงอยู่แล้ว จึงปล่อยเลย
ตามเลย
พื้นฐานของตระกูลเมิ่งไม่ใช่คนไม่มีแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยที่สามารถซื้อรถมาขับเล่นหลายคัน ซึ่งต่างจากครอบครัวของเธอ ตระกูลเหอร่ำรวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พอมาถึงรุ่นพ่อ ท่านก็ทำทุกอย่างถูกต้องเพื่อให้การค้าและกิจการที่มีเดินต่อได้
ยิ่งพอประเทศเปิดอีกครั้งและการค้าเสรีมากกว่าเก่า พี่ใหญ่ที่เดินทางไปทำธุรกิจต่างประเทศก็กลับมาช่วยบริหาร ทำให้ความร่ำรวยของตระกูลเธอติดอันดับ
แต่เพราะร่างนี้หลงผิด คิดว่าสามีจะเป็นคนดีและรักเดียวใจเดียวอย่างที่เคยให้สัญญา ทันทีที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เหอว่านเซียงจึงตัดสินใจแต่งงานทันที โดยไม่สนใจเสียงห้ามปรามของพี่ชายและพ่อ
‘ว่านเซียง ในเมื่อเธอเลือกทางผิดมานานแล้ว ฉันที่เข้ามาอยู่ในร่างของเธอ ฉันสัญญาว่าจะเลือกทางเดินใหม่เอง และจะดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ต่างจากเลือดในอกของฉัน รวมถึงพ่อ แม่ และพี่ชายเธอด้วย แม้แต่หลิงหลิงและป้าหม่ากับเสี่ยวตาน ฉันยินดีที่จะดูแลทุกคนต่อจากเธอเอง เธอหลับให้สบายเถอะ อย่ามีห่วงอีกเลย’
เธอพูดในใจแต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าอยู่ ๆ เธอรู้สึกเย็บวาบขึ้นมาครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ แต่ไม่ว่าเหอว่านเซียงคนก่อนจะรับรู้หรือไม่ เหอว่านเซียงคนนี้พร้อมที่จะดูแลทุกคนแทนเอง
เมื่อทุกคนเปลี่ยนชุดและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว จึงรีบเดินไปที่รถ เมื่อมาถึงกลับเจอน้องสาวของสามียืนหน้าบึ้งรออยู่
“พี่สะใภ้ รถคันนี้ฉันจำเป็นต้องใช้ จะกลับบ้านทำไมไม่โทรให้ที่บ้านมารับล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนนะน้องสามี เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า รถคันนี้พี่ใหญ่แห่งตระกูลเหอส่งมาให้น้องสาวอย่างฉันใช้ เธอเป็นคนตระกูลเมิ่งมีสิทธิ์อะไรมายึดคันนี้เป็นของส่วนตัว ฉันให้เธอยืมใช้มาตลอดถือว่าใจดีมากพอแล้วนะ ถ้าอยากจะอวดเหล่าเพื่อนคุณหนูด้วยกัน ช่วยกรุณาเก็บเงินซื้อเอง หรือไม่ก็ขอพี่ชายเธอสิ”
เหอว่านเซียงเตรียมจะเดินขึ้นรถ แต่เหมือนนึกอะไรได้จึงหันกลับมาและกระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้ง
“จริงสิ หรือไม่ก็ไปขอเมียน้อยของพี่ชายเธอ เท่าที่ฉันรู้มา เป็นเพื่อนของเธอไม่ใช่เหรอ อย่าลืมนะตอนนี้มีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกทั้งพี่ชายเธอเป็นถึงผู้พัน เมื่อไหร่ที่มีคนร้องเรียนเธอจะโดนหางเลขไปด้วย”
พูดจบก็หัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับขึ้นรถเพราะทุกคนเข้าไปรอแล้ว จากนั้นจึงขับรถออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเมิ่งเพื่อกลับไปบ้านของตนเอง
“พ่อกับแม่อยู่ไหม”
ทันทีที่มาถึง พ่อบ้านของตระกูลเหอรีบวิ่งมาที่รถและยืนรอต้อนรับคุณหนูที่ไม่ยอมกลับบ้านมาอีกเลยตั้งแต่แต่งงาน ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้ว
“อยู่ครับ คุณชายใหญ่ก็อยู่ นี่คุณหนูตัวน้อยใช่ไหมครับ น่ารักน่าชังมาก” พ่อบ้านเผลอซับน้ำตา เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคุณหนูตัวน้อยด้วย และยังยิ้มหวานให้เขาอีก
“ใช่แล้วค่ะ เจ้าก้อนซาลาเปานี้ชื่อหลิงหลิง อายุจะขวบครึ่งแล้ว ฉันว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่านะ”
เหอว่านเซียงรีบชักชวนกันเข้าบ้าน เพราะดูท่าแล้วหากช้ากว่านี้ลูกสาวตัวน้อยคงฉี่ออกมาแน่ ยุคนี้ยังไม่มีกางเกงผ้าอ้อมที่ซึมซับเหมือนกับยุคของเธอ หากเป็นไปได้เธอคงต้องทดลองเสียหน่อยแล้ว ไม่แน่ว่าธุรกิจนี้อาจจะรุ่งขึ้นมา
“พ่อคะ แม่คะ ฉันกลับมาแล้ว” เหอว่านเซียงอุ้มลูกน้อยเดินเข้ามาในห้องรับแขก ก่อนจะส่งเสียงแรกพ่อกับแม่ด้วยรอยยิ้มอันสดใส
“เซียงเซียง! ลูกกลับมาแล้ว” คุณนายเหอ หรือผิงหรง ร้องเรียกลูกสาวทั้งน้ำตา ไม่คิดว่าในที่สุดก็มีวันพบหน้าลูกและหลาน
“ฉันกลับมาแล้วค่ะแม่ พ่อกับแม่สบายดีนะคะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะคะ ขอพาตัวแสบไปเข้าห้องน้ำก่อน ดีนะฉันใส่ผ้าอ้อมมาหลายชั้นไม่อย่างนั้นต้องเปื้อนชุดด้วย” เหอว่านเซียงบอกพ่อกับแม่และขอตัวพา
ลูกน้อยไปเข้าห้องน้ำก่อน จนคุณนายเหอต้องรีบอุ้มหลานสาวไว้กับตัว
“ไม่ต้องหรอกลูก แม่พาหลานไปเอง ลูกคุยกับพ่อดีกว่า แม่จะพาหลานไปกินนมด้วย นั่งรถมาตั้งนานคงจะหิวแล้ว”
หลิงหลิงไม่กลัวคน อาจจะเพราะสัมผัสได้ถึงความรักของยายที่มีให้เธอ เด็กน้อยจึงยิ้มหวานจนตาหยี และกอดคอยายไม่ปล่อย
พอภรรยาพาหลานตัวน้อยไปแล้ว นายท่านเหอจึงหันมายิ้มให้กับลูกสาวที่เขาสุดจะคิดถึง ก่อนจะให้พ่อบ้านไปตามลูกชายคนโตลงมา
“ในเมื่อไม่ไหว ก็กลับมาบ้านเราเถอะลูก ใครไม่รักลูก แต่พ่อ แม่รักลูกเสมอนะ เจ้าใหญ่เกือบจะพาเพื่อนสนิทไปถล่มผู้พันเมิ่งหลายครั้งแล้ว แต่พ่อกับแม่ห้ามไว้ พ่อเชื่อว่าลูกพ่อฉลาดวันหนึ่งจะต้องคิดได้”
เหอว่านเซียงน้ำตาไหล เธอโถมตัวเข้ากอดพ่อและร้องไห้ตัวโยน ไม่รู้ว่าเพราะจิตสำนึกของร่างนี้ที่โหยหาและคิดถึงครอบครัวหรือเปล่า
“ฉันกลับมาได้ใช่ไหมคะพ่อ เซียงเซียงยังกลับมาได้ใช่ไหม”
“กลับมาได้สิ ในเมื่อลูกเป็นคนตระกูลเหอ ทุกคนที่นี่คือครอบครัวของลูกนะเซียงเซียง”
“จริงของพ่อนะเซียงเซียง ไม่ว่าน้องต้องการอะไร พี่และทุกคนยินดีที่จะช่วยเหลือน้อง ถ้าหากน้องตัดสินใจได้แล้ว พี่พร้อมที่จะสนับสนุนทุกอย่าง”
“ขอบคุณมากนะพี่ใหญ่ ฉันรักพี่ที่สุดเลย” พูดจบก็โผเข้ากอดพี่ชายด้วยอีกคน ทำให้ภาพที่เห็นช่างอบอุ่นนัก
“ฉันตัดสินใจที่จะหย่าและกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันต้องได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูหลิงหลิงเพียงคนเดียวเท่านั้น เซียงเซียงมีเรื่องให้พี่ใหญ่ช่วย”
เหอว่านเซียงตัดสินใจบอกเรื่องหย่า เธอคิดว่าถ้าสามีของร่างนี้ไม่ยินยอมที่จะหย่าคงต้องเล่นด้วยกฎหมาย ตอนนี้เธอไม่มีหลักฐานเรื่องการคบชู้จึงต้องมาขอความช่วยเหลือพ่อและพี่ชาย
“เรื่องหลักฐานพี่จัดการเอง เพื่อนพี่พอจะมีลูกน้องเก่งด้านนี้อยู่ เขาเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยอยู่ด้วย พี่คิดว่าพี่ควรจะนัดดื่มเพื่อคุยกันสักครั้ง”
เพื่อนรักของเขาเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยน่าจะรู้จัก หรือมีเส้นสายกับบริษัทนักสืบบ้าง แต่เจ้านี่ไม่ค่อยอยู่ติดที่นี่แหละ แต่ปัญหาเลยคือเขาจะไปตามตัวมันได้ที่ไหน
“ขอบคุณมากค่ะพี่ใหญ่ เรื่องหาหลักฐานนั้นฉันอยากให้เรื่องเงียบที่สุด วันนี้คุณนายเมิ่งรู้แล้วว่าฉันต้องการหย่า ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอส่งข่าวบอกลูกชายหรือยัง”
เธอเลือกที่จะไม่เรียกว่าแม่สามี ส่วนหนึ่งเพราะไม่ยอมรับและเธอเองก็ไม่ใช่เหอว่านเซียงคนเก่า จะให้มาเรียกคุณนายเมิ่งว่าแม่สามีนั้นก็ไม่ใช่เรื่อง
“เรื่องนั้นปล่อยไปก่อน ไม่ว่าผู้พันมิ่งจะรู้หรือไม่ว่าน้องต้องการหย่า พี่อยากให้เซียงเซียงเฉยไว้ รอให้พี่ได้หลักฐานก่อนแล้วค่อยฟ้องหย่าทันที ใช้ทั้งเรื่องของกฎหมายและร้องเรียนไปยังต้นสังกัด แต่น้องทำใจได้ใช่ไหม หากว่าผู้พันเมิ่งต้องหลุดออกจากตำแหน่ง”
ชายหนุ่มมองน้องสาวที่คลานตามกันมาด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความรักและคิดถึง
เมื่อน้องเขาโดนทำร้ายด้านจิตใจ เขาพร้อมที่จะเล่นงานคนคนนั้นกลับหลายเท่า ในเมื่อครั้งนี้เซียงเซียงไม่ทน พี่ชายเช่นเขาพร้อมที่จะยืนเคียงข้างและจัดการให้อย่างไม่รีรอ