ตอนที่ 2

1514 คำ
“เราจะพูดเรื่องนี้กันอีกทีที่บ้านของเรา ตอนนี้อาจะต้องพาเธอกลับบ้านให้เร็วที่สุดซะก่อน” เขาตัดบทเอาดื้อ ๆ สาวน้อยมองเขาอย่างแค้นเคือง เขาไม่ต้องการหล่อน แต่ดูเหมือนเขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนใกล้ชิดผู้ชายคนไหนด้วย จะขังหล่อนไว้ทำไมกัน รถคันหรูทะยานสู่ท้องถนนที่ทอดยาวสุดสายตา ต้นไม้ริมข้างทางช่วยทำให้จิตใจของเด็กสาวบรรเทาเบาบางจากความเศร้าใจลงได้บ้าง แต่มันไม่มีทางหมดไปอย่างแน่นอน... และไม่นานบ้านที่หล่อนจากไป 6 ปีเต็มก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า หล่อนคิดถึงที่นี่มาก... พวงชมพูนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต วันที่หล่อนมาถึงไร่ดวงตะวันครั้งแรก ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาปรากฏกายขึ้นตรงหน้า รอยยิ้มของเขาช่างอ่อนโยน อ้อมแขนของเขาช่างอบอุ่น และคำพูดปลอบประโลมของเขาก็ทำให้หัวใจดวงน้อยของหล่อนโบยบินไปกองอยู่แทบเท้าของเขาทันที ตอนนั้นหล่อนรู้ตัวเองดีว่า หล่อนยังคงเด็กนักสำหรับการเป็นเจ้าสาวของเขา เพราะถึงอย่างไรอาหนุ่มของหล่อนก็ไม่มีทางมองหล่อนแบบคนรักอย่างแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่า รอจนกระทั่งตัวเองเป็นสาวเต็มตัว รอที่จะตอบแทนบุญคุณของเขาด้วยชีวิตทั้งหมดของหล่อน แต่เขากลับไม่ต้องการ! พวงชมพูตื่นจากความฝันในทันที เมื่อนึกถึงความใจดำของเขาที่ทำไว้กับหล่อน ในปีแรกที่หล่อนถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ อาต้นของหล่อนจะหมั่นแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนหล่อนไม่เคยขาด ปิดเทอมก็จะรับหล่อนกลับมาเที่ยวเล่นที่บ้าน แต่ก็แค่สองปีแรกเท่านั้นที่ผู้ปกครองของหล่อนคอยเอาใจใส่หล่อน เพราะหลังจากนั้นมาแม้แต่เงาของเขา หล่อนก็แทบจะไม่ได้เห็น วันปิดภาคเรียนเขาก็ไม่มารับกลับไปเที่ยวบ้านไร่อย่างเคย เขาให้เหตุผลว่า เขางานยุ่ง ไม่มีเวลา และเพราะอย่างนี้ไง หล่อนถึงได้ก่อเรื่องอยู่เสมอ ก็เพราะหล่อนต้องการพบหน้าเขา ต้องการให้เขามาหาหล่อนบ้าง ไม่ใช่ทอดทิ้งไม่ดูดำดูดีหล่อนอย่างนี้ “เข้าบ้านกันเถอะ อามีของขวัญจะให้ ในโอกาสที่ชมพูเรียนจบ ม.6” เมธาพัฒน์เอื้อมมือหนาแข็งแรงมาแตะที่ต้นแขนของพวงชมพูเบา ๆ และก็สุภาพยิ่งนัก สุภาพจนหล่อนอยากจะให้เขาไปบวชเป็นพระซะเลย “ชมพูไม่ต้องการ อย่ามาทำเป็นใจดีไปหน่อยเลย อาต้นเป็นผู้ชายใจดำที่สุดเท่าที่ชมพูเคยพบเคยเห็นมาเลย... รู้เอาไว้ด้วย!” พูดออกมาเสียงเครือก่อนจะวิ่งหายขึ้นไปชั้นบน ถึงแม้จะจากไปนาน แต่หล่อนก็ยังจำได้ดีว่าห้องนอนของตนเองอยู่ตรงไหน สาวน้อยปิดประตูเสียงดังสนั่น ก่อนจะไปล้มตัวนอนร้องไห้บนเตียงอย่างเสียใจ เมธาพัฒน์มองตามร่างบอบบางในชุดนักเรียนของพวงชมพูไปด้วยสายตาเป็นกังวล ลมหายใจหนักหน่วงพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักสวยแรงๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาจะทำยังไงดีนะ... ถึงจะทำให้พวงชมพูยอมรับความหวังดีของเขาสักที... เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องนอนทำให้พวงชมพูเงยหน้าขึ้นจากหมอน หญิงสาวผลินหน้าไปมองที่ประตูห้องอย่างแง่งอน เพราะหล่อนรู้ดีว่าใครอยู่ตรงนั้น “พวงชมพู อาขอเข้าไปหน่อยนะครับ...” คำพูดของเขาช่างสุภาพเหลือเกิน แต่ทำไมนะ หล่อนกับเกลียดความสุภาพของเขาเหลือกำลัง หญิงสาวดันตัวลุกขึ้นนั่ง มือน้อย ๆ ของหล่อนยกขึ้นป้ายน้ำตาจนแห้ง “ชมพูไม่อยากคุยกับอาต้น ไปให้พ้นหน้าชมพูเลย ไหน ๆ อาต้นก็ไม่ได้เต็มใจอยากจะเห็นหน้าชมพูอยู่แล้วนี่” คำตัดพ้อของเด็กสาวทำให้เมธาพัฒน์ตัดสินใจถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนของหล่อนเข้าไปเสียเองแม้จะรู้ว่ามันไม่ควรก็ตาม “เราคุยกันได้ไหม” คนตัวโตถามขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้ว หญิงสาวเกือบจะใจอ่อนกับคำพูดอ่อนโยนนั้นอยู่แล้วเชียว แต่พอเห็นเขาเปิดประตูห้องทิ้งไว้เท่านั้นแหละ องศาความร้อนของหล่อนก็พุ่งปรี๊ดจนระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นี่เขากลัวหล่อนจะปล้ำเขาหรือไง ถึงได้เปิดประตูอ้าซ่าไว้อย่างนั้นน่ะ... “ไม่จำเป็น และถ้ากลัวจะเสียชื่อเสียงเพราะเข้ามาในห้องนอนของชมพูล่ะก็ อาต้นออกไปซะดีกว่าค่ะ” พวงชมพูพูดจบก็หันไปหยิบหนังสือแฟชั่นที่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่าน เด็กสาวทำท่าทางสบายอารมณ์จนคนยืนมองอดหมั่นไส้ไม่ได้ “พวงชมพู วางหนังสือพวกนั้นแล้วเงยหน้ามาพูดกับอาก่อนได้ไหมครับ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา มือบางทิ้งหนังสือเล่มที่อยู่ในมือลงบนพื้นห้องเสียงดังโครม ก่อนจะขยับตัวขึ้นพิงหมอนที่หล่อนหยิบซ้อนกันไว้ที่หัวเตียงด้วยท่าทางสุขกายสบายใจเหลือคณานับ เมธาพัฒน์มองอย่างเข่นเขี้ยว สาบานได้เลยว่า ถ้าหล่อนเป็นเด็ก ๆ เขาจะจับหล่อนตีก้นซะให้เข็ด แต่... หล่อนเป็นสาวแล้ว และก็สวยซะด้วย เขารู้มานานแล้ว ว่าหล่อนต้องเจริญเติบโตขึ้นเป็นสาวสวยแบบนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบหน้าหล่อน เด็กสาววัย 13 ปีที่กำลังโศกเศร้าเพราะความสูญเสียที่มาเร็วเกินไป พ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ และด้วยคำฝากฝังก่อนตายจากเพื่อนรุ่นพี่ที่อายุห่างจากเขาเกือบ 20 ปีนี่เอง ที่ทำให้เขาต้องรับภาระอันหนักอึ้งกับการอุปการะหล่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจำได้ว่าตัวเองส่งพวงชมพูเข้าไปอยู่ที่โรงเรียนประจำตั้งแต่เดือนแรก ๆ ที่รับหล่อนมาอยู่ในบ้าน และตอนนี้เวลาก็ผ่านไปร่วม 6 ปีแล้ว จากเด็กหญิงตัวน้อยก็กลับกลายเป็นสาวแรกรุ่นวัย 19 ปีเต็มที่สวยสดงดงาม และน่าหลงใหลยิ่งนัก ใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนตา จมูกโด่งเชิดน่ารักน่ามอง ริมฝีปากอิ่มสีสวย ดวงตากลมโตอยู่ภายใต้ขนตางอนงาม คิ้วโก่งดั่งคันศร เส้นผมสีดำขลับเหยียดตรงที่มักจะถูกมัดเป็นเปีย 2 ข้างอยู่ด้านหลัง กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าของเขาแล้ว... เขารู้ดีว่าพวงชมพูเทิดทูนเขาแค่ไหน แต่... ทำไมนะเขาถึงทำใจให้อยู่ใกล้ ๆ หล่อนไม่ได้สักที ราวกับว่าหล่อนคือสิ่งต้องห้ามอย่างนั้น และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับหล่อน แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่พยายามเข้าใจความปรารถนาดีของเขาเลยสักนิด เพราะหล่อนจะต้องแง่งอนให้เขาง้อแบบนี้อยู่เป็นประจำ และที่สำคัญ... เขาก็ทำใจแข็งกับหล่อนไม่ได้นานซะด้วย “เรื่องเมื่อเย็นนี้” เมธาพัฒน์กำลังจะอธิบาย แต่หล่อนขัดขึ้นเสียงขุ่น “ลืมมันไปได้เลยค่ะ อาต้น” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาท้าทาย “เห็นไหม ชมพูสบายดี ไม่ได้ทุกข์ใจอะไรสักหน่อย” หล่อนยิ้มให้เขา ทำเป็นร่าเริง แม้ภายในจะเจ็บหนักแค่ไหนก็ตาม “นั่นคือสิ่งที่ชมพูต้องการอย่างนั้นหรือ” เขาถามเสียงเครียด แต่ไม่ได้เคร่งเครียดแค่น้ำเสียงเท่านั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างร้ายกาจของเขาก็เครียดขรึมลงไปด้วย “ค่ะ อาต้นไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับชมพูมากนักหรอก อาต้นก็เป็นแค่ผู้ปกครอง ชมพูแค่อยากแกล้งอาต้นเล่น ๆ ให้อาต้นทุกข์ ชมพูเห็นแล้วสนุกดี เลยขยันทำบ่อย ๆ ก็แค่นั้น” หล่อนพูดแล้วเชิดหน้า มองเขาก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “แค่นั้นเองหรือ? ที่เธอต้องการจากอา...” น้ำเสียงของเขาเสียงเย็นชาน่ากลัว แถมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนมุมปากหยักสวยของเขายังเลือดเย็นอีกต่างหาก “แล้วจะให้ชมพูต้องการอะไรอีกล่ะคะ อาต้นให้อะไรชมพูได้อีก...” “ไม่มี...” เมธาพัฒน์เค้นเสียงเดือดดาลตอบออกมา จากนั้นร่างสูงใหญ่แสนสมบูรณ์แบบของเขาก็เดินดุ่ม ๆ ออกไปจากห้องนอนของหญิงสาวทันที และเมื่อสิ้นเสียงปิดประตูลง รอยยิ้มที่พยายามปั้นไว้ก็จางหายไป น้ำตาที่กักเก็บไว้ก็ทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก “อาต้นไม่เคยรักชมพูเลย...” ใบหน้างดงามอาบไปด้วยคราบของน้ำตาอีกครั้ง เสียงสะอื้นที่แสนเจ็บปวดถูกกักเก็บไว้มิดชิดภายใต้ฝ่ามือเล็กที่ยกขึ้นปิดเรียวปากของตัวเองไว้แน่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม