บทที่ 13 ความห่างเหิน ทำให้ต้องหาทางมัดใจสามีเอาไว้

2532 คำ
หลังจากแม่ของอชิระวัตรรักษาตัวจนอาการดีขึ้นมากแล้ว อชิระวัตรก็ได้ส่งแม่กลับบ้านเพราะแม่อยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัดมากกว่า การอยู่ต่างจังหวัดอากาศดีกว่า ไม่แออัด มีญาติคนรู้จักให้ได้พูดคุยไม่เงียบเหงาอยู่คนเดียวเมื่อลูกออกไปทำงานเหมือนอยู่กรุงเทพ หลังจากเจ็บป่วยคราวนี้ แม่ของอชิระวัตรก็เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น อยู่ที่บ้านก็พยายามหางานอดิเรกทำเพื่อเป็นอาชีพเสริม แม่ของอชิระวัตรให้พ่อทำเล้าเป็ดเล้าไก่ เลี้ยงไก่สาว เป็ดสาวไว้ให้ออกไข่เก็บไข่ไว้ขาย ปลูกกล้วยน้ำว้าเพื่อเอาต้นกล้วยมาเป็นวัตถุดิบอาหารต้นทุนต่ำ เพาะถั่วงอกและเพาะลูกเหรียงส่งขายแม่ค้าแผงผักในตลาด เลิกทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง พอมีรายได้เลี้ยงปากท้องไม่ลำบากอะไร พอถึงวันพระแม่ของอชิระวัตรก็ได้นำอาหารไปถวายเพลทำบุญให้ลูกชายคนเล็กมิได้ขาด สภาพจิตใจก็ดีขึ้นตามลำดับส่งผลให้สุขภาพกายดีขึ้นตามไปด้วย สิ่งดีๆเหล่านี้แพรวพรรณเป็นคนสอนเป็นคนบอกให้แม่อชิระวัตรทำ พักหลังมานี้ตั้งแต่แม่ป่วยและพาแม่มาดูแลแพรวพรรณก็คุยกับแม่ของอชิระวัตรทุกวัน ดูแลแนะนำพูดคุยเป็นเพื่อนราวกับเป็นแม่ของตัวเอง แพรวพรรณคิดว่า "เอาวะถือว่าทำบุญ บุญกุศลอาจจะทำให้เราได้มีลูกกับเขาสักคน" ในส่วนของอชิระวัตรเองตอนนี้ก็ทำงานหนัก กลับบ้านดึกทุกวันทำให้ความสัมพันธ์กับแพรวพรรณเริ่มห่างเหินจืดจางลงไป หลายต่อหลายครั้งที่แพรวพรรณต้องโทรตามให้อชิระวัตรกลับบ้านและขอร้องไม่ให้อชิระวัตรทำโอทีหรือเข้าไปทำงานวันเสาร์อาทิตย์เพราะอยากหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง "พี่บาส ออกมาจากที่ทำงานแล้วยังคะ วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยได้มั้ย แพรวกลับบ้านมาทำกับข้าวรอพี่มากินข้าวด้วยกัน" แพรวพรรณโทรตามสามีเพราะหลายวันแล้วที่ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน มาถึงบ้านอชิระวัตรก็อาบน้ำเข้านอนเผลอๆ บางวันอชิระวัตรกลับมาถึงแพรวพรรณก็หลับไปแล้วตื่นเช้ามาต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน "วันนี้พี่มีงานต่อนะแพรว กลับดึกหน่อยนะ แพรวกินข้าวไปก่อนเลย" "พี่บาส แต่ว่าเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาหลายอาทิตย์มากแล้วนะ" "แพรว พี่ต้องทำงานแพรวก็รู้ว่าหนี้พี่เยอะ แพรวกินข้าวไปก่อนเลย แค่นี้ก่อนนะเจอกันดึกๆ นะครับ ง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ" อชิระวัตรพูดบอกเมียน้ำเสียงเหนื่อยใจปนรำคาญเมีย หยิบยกเอาเหตุผลเรื่องหนี้สินของเขามาเป็นเหตุผลที่ต้องทำงานกลับบ้านดึกอย่างที่เคยพูดเสมอก่อนที่จะวางสายไป แพรวพรรณเองก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่อดทนรอค่อยให้อชิระวัตรปลดล็อกตัวเองได้ ทำงานเก็บเงินใช้หนี้ให้หมดเสียที สรุปแล้วเย็นวันนั้นแพรวพรรณก็ต้องทานข้าวเย็นคนเดียว อยู่บ้านเหงาๆ คนเดียวมาหลายวันแพรวพรรณก็เริ่มจิตตก คิดมากไปต่างๆ นานา อยากมีลูกสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนกันก็มีไม่ได้ ตอนนี้อายุก็ปาเข้าไป28ปีแล้ว หลังจากกินข้าวเสร็จแพรวพรรณก็ได้คุยกับเพื่อนๆ ในไลน์กลุ่มพูดคุยอัปเดตข่าวคราวถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาเพื่อน  ตอนนี้พิมพ์ขวัญที่เพิ่งแต่งงานไปได้ไม่นานก็มีเรื่องให้ต้องทะเลาะกับสามีเรื่องที่สามีไม่ยอมไปหางานทำ หลังจากที่ลาออกจากที่ทำงานเก่ามาหลายเดือนแล้ว ปานชีวาก็เริ่มมีปัญหากับสามีที่คอยกักเกณฑ์บังคับปานชีวาในทุกเรื่อง พอได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับแม่สามีที่เป็นคนจีนก็เหมือนโดนปิดคั่นอิสรภาพ ปานชีวาไม่มีสิทธิ์มีเสียง โดนบังคับให้ทำงานตามที่บ้านสามีสั่งทุกอย่างเหมือนทาสในเรือน ทำให้ปานชีวาเบื่อมากอยากเลิกกับสามีแล้วกลับมามีชีวิตแบบเดิมของตัวเอง บางครั้งการที่เราแต่งงานกับคนรวย หวังว่าเขารวยอยู่แล้วเราจะได้รวยได้สบายด้วยแต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย ยิ่งเขารวยมากเท่าไหร่การที่เราเป็นคนไม่มีอะไรเข้าไปอยู่กับเขาด้วยแล้วยิ่งยากในการเข้าไปอยู่มากตามไปด้วยเท่านั้น พรวลัยแต่งงานกับพงศกรท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของพ่อแม่พงศกรเลยแม้แต่น้อย แต่งงานแล้วพงศกรก็ไม่มีเวลาให้พรวลัยเลย ทำงานวิชาการบ้าง ไปสัมมนาวิชาการต่างจังหวัดบ้าง พรวลัยจึงหันไปสานสัมพันธ์สนิทสนมกับกวินที่ตอนนี้ได้ย้ายมาเป็นนักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพรวลัย ตัวของกวินเองก็กำลังทะเลาะระหองระแหงกับภรรยาที่บ้านเหมือนกัน เมื่อคนมีปัญหาครอบครัวทั้งสองคนมาเจอกันเรื่องหวาดเสียวน่ากลัวในเรื่องของศีลธรรมจึงเกิดขึ้น สิริกัลยาเองตอนนี้ก็เลิกรากับหนุ่มรุ่นน้องที่มาฝึกงานเมื่อหลายปีก่อนไป สาเหตุที่ได้เลิกราเพราะฝ่ายชายหายเงียบเข้าป่าไปติดต่อไม่ได้ มารู้อีกทีลงรูปแต่งงานเพราะทำผู้หญิงท้องไปเรียบร้อย สิริกัลยาจึงเลิกรากับไวน์เป็นการถาวรและได้ตัดสินใจไปลงเรียนต่อปริญญาโท "เหงาว่ะพวกแก อยู่บ้านคนเดียวทุกวัน กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว พี่บาสเขากลับบ้านดึกทุกวัน" แพรวพรรณพิมพ์ข้อความลงไปในไลน์กลุ่มเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง "เหงาเพราะผัวไปทำงานหาเงินมาให้ใช้ พี่บาสมันขยันทำงานก็ดีแล้วมั้ยวะนังแพรวหรือแกจะเอาอย่างฉัน มีผัวต้องเลี้ยงผัว วันๆ ไม่ทำมาหาแดก ให้ทำอันนี้ก็ไม่เอา อันนี้ก็ไม่ได้ งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ นี่มันโดนฟ้องล้มละลายนะเพราะมันไม่มีปัญญาจ่ายค่าบัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดที่มันกู้มา ยังโชคดีที่ฉันไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมันนะ ฉันจะไม่ไหวกับมันอยู่แล้ว" พิมพ์ขวัญบ่นผัวตัวเองให้ฟัง พาลมาเปรียบเทียบกับสามีของแพรวพรรณที่ขยันทำงานโดยหารู้ไม่ "หาเลี้ยงฉันที่ไหนกันล่ะ ทำงานจ่ายหนี้ตัวเองแถมยังเป็นหนี้ฉันอีก แกแค่ฝอยออกมาหมดนังพิมพ์ ฉันนี่แค่ไม่ได้พูด" แพรวพรรณได้แต่คิดในใจ "ฉันยิ่งกว่าพวกแกอีกนะเว้ย แม่งอยู่บ้านยังกับอยู่ในขุมนรก ทั้งผัวทั้งแม่ผัวกะเกณฑ์ชีวิตฉันไปเสียหมดทุกอย่างเลย บังคับให้ฉันกินยาจีนเหม็นๆ ต้องให้ฉันท้องลูกชายให้ได้ ต้องกินไข่ขาวต้มทุกวัน ออกไปไหนก็ไม่ได้ นี่ฉันเป็นคนนะไม่ใช่แม่พันธุ์ ฉันเบื่อ อยากได้ชีวิตดี ๆของฉันคืนว่ะพวกแก" ปานชีวาเล่าบ้างน้ำเสียงฟังดูเอือมระอากับครอบครัวสามีเอามากๆ "ใจเย็นๆ เถอะนังป่าน ผัวรักดูแลเอาใจใส่ก็ดีแล้วนะ แม่ผัวก็ดูแลหายูกหายาบำรุงมาให้กิน มาลองเป็นฉันมั้ยเดือนหนึ่งได้เจอกันแค่ครั้งเดียว กลับมาถึงบ้านก็บอกรักเมียนะแต่กอดกูเฉยๆ งี้แล้วบอกกูว่านอนนะพี่เพลีย แม่งทำกูค้างตลอด ตั้งแต่แต่งงานกันมาเชื่อมั้ยฉันได้เอากับผัวแค่สามครั้ง แต่งมาจะเป็นปีแล้วนะ อย่าพูดว่าเหงามันเลยจุดนั้นมาแล้ว ยิ่งกับบ้านแม่ผัว เขาแทบจะมองไม่เห็นหัวฉันเลยด้วยซ้ำ เอาจริงๆ นะ ฉันไม่น่าแต่งงานกับพี่พงศ์เลย" พรวลัยพิมพ์เล่าเรื่องความคับแค้นใจของตัวเองออกมาให้เพื่อนๆฟัง "น่าเห็นใจคนมีคู่แบบพวกแกทั้งสี่คนนะ ฉันนี่สิโสดและนกมาตลอด โดนทิ้งตลอดเลยเว้ย แม่งร้องไห้อยู่สองวันสองคืน มาคิดได้ร้องทำไมวะ ไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่กูตายเสียหน่อย ก็รู้อยู่แล้วตั้งแต่ต้นว่าคบเด็กขนาดนั้นอายุห่างกันเจ็ดแปดปี มันต้องไปจากเราอยู่แล้วถ้ามันเจอผู้หญิงที่ใช่และเด็กกว่าเรา เลิกก็เลิกเว้ยไม่เห็นจะตาย จะโสดสวยและรวยมากก็แล้วกัน" สิริกัลยาพิมพ์เล่าเรื่องของตัวเองออกมาบ้าง "เออว่ะ ทุกคนต่างก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นนะ แต่ฉันรู้สึกว่าฉันกับพี่บาสเริ่มห่างเหินกันไปมากจริงๆ นะ คือฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ทำยังไงถึงจะให้พี่บาสเขากลับมาสนใจฉันเหมือนเดิมดีวะพวกแก" แพรวพรรณพิมพ์ขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆ "แกก็ไปทำลูกอีกครั้งสิ ถ้ามีลูกได้อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้น พี่บาสอาจจะกลับบ้านเร็วขึ้นเพราะห่วงลูก แกเองก็จะได้ไม่เหงามีลูกมาอยู่เป็นเพื่อน" สิริกัลยาแนะนำเพื่อน "จะมีลูกได้ยังไง พี่บาสเขาทำงานกลับมาถึงบ้านดึกทุกวัน มาถึงก็หมดแรงไม่ได้ทำการบ้านเลย จะไปหาหมอทำลูกเก็บน้ำเชื้อใหม่เขาก็พักผ่อนน้อย ดูเขาเครียดๆ ตลอดเลยว่ะพวกแก" แพรวพรรณเล่าเพื่อนๆ "เอางี้ เริ่มต้นที่ตัวของแกก่อนเลยแกต้องทำตัวให้สวย แกมาหาฉันที่คลินิก เดี๋ยวฉันจะทำหน้าขัดผิวขัดตัวให้ขาวเนียน เสร็จแล้วทำผมใหม่ ซื้อชุดนอนแบบยั่วๆ ชุดนอนแบบไม่ได้นอนน่ะมาใส่ยั่วผัวแกหน่อยเป็นไง" พิมพ์ขวัญพูดแนะนำ "เดี๋ยวๆ คือทำหน้า ทำผมเข้าใจนะ แต่ไอ้ชุดไม่ได้นอนนี่ฉันไม่รู้จักต้องซื้อที่ไหนวะ" แพรวพรรณถามพิมพ์ขวัญ "นังแพรวนี่แกอย่าบอกนะว่าแกไม่เคยใส่ชุดนอนไม่ได้นอนยั่วผัวของแกเลยน่ะ" พรวลัยถามขึ้นมาบ้าง "อึ ไม่เคยนะ ปกติก็ไม่เห็นว่าจะต้องยั่ว แล้วทำไมตอนนี้ต้องยั่ววะ" แพรวพรรณถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ "โธ่ นังแพรวแกจะบ้าเหรอ แกโดนผัวเอามาหลายปีแล้วแต่งงานมาสี่ห้าปีแล้ว แกต้องปรับเปลี่ยนลุคให้มันเร้าใจน่าค้นหาบ้าง ทำให้มันแบบว่าเปลี่ยนรูปเปลี่ยนกลิ่นให้ผัวแกเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง" ปานชีวาพูดแนะนำ "แกทำเหรอวะนังป่าน มิน่าล่ะผัวแกถึงได้รักถึงได้หลง ห่วงแกนักห่วงแกหนา" พรวลัยถาม "เออสิ มันก็ต้องมีบ้างฉันไม่ใช่ผู้หญิงพับเพียบเรียบร้อยอย่างนังแพรวมันนะ" ปานชีวายอมรับออกไป "เออแพรวฉันก็เห็นด้วยกับคนอื่นๆ นะ ถึงฉันจะยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแต่ฉันก็พอจะเข้าใจนะ เราต้องเพิ่มสีสัน รสชาติให้มันจัดจ้านบ้าง ให้ผัวเรารู้สึกว่าเราแซบบ้างจะได้ไม่มีตาไปมองใคร" สิริกัลยาพูดสนับสนุน "อือ แล้วฉันจะทำตามที่พวกแกแนะนำ เริ่มจากไปหานังพิมพ์ให้มันช่วยขัดสีฉวีวรรณให้ผิวฉันผ่อง ไปทำผมเปลี่ยนทรงผมเสียใหม่ ตัดสั้นดีมั้ยหน้าจะได้เด็กลง เดี๋ยวนะไอ้ชุดนอนไม่ได้นอนฉันสั่งออนไลน์เอาก็ได้ใช่มั้ยวะ" แพรวพรรณขอคำแนะนำเพื่อนเรื่องทรงผมและเรื่องชุดนอนไม่ได้นอน "สั่งได้เลยแก ฉันว่าตัดสั้นก็น่าจะสวยนะเว้ยแก หน้าแกสวยคมออก" พิมพ์ขวัญพูดสนับสนุน หลังจากวันนั้นแพรวพรรณก็ได้ทำตามคำแนะนำของเพื่อนทุกอย่าง แต่ท่าทีของอชิระวัตรก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ยังคงทำงานกลับดึก กลับมาถึงก็หลับ แม้ว่าแพรวพรรณพยายามยั่วยวนเสนอตัวให้สามีมากแค่ไหนแล้วก็ตามก็ไม่เป็นผล เมื่ออชิระวัตรทำท่าทางปฏิเสธใส่โดยอ้างว่าเหนื่อยบ้าง เพลียบ้าง ต้องทำงานต่อบ้าง แพรวพรรณจึงคร้านที่จะตอแยด้วย ความสัมพันธ์จึงยิ่งห่างเหินกันมากขึ้นเข้าไปอีก "พี่บาสนอนได้แล้วนะคะดึกแล้ว แพรวอยากเข้านอนพร้อมพี่บาสบ้าง" แพรวพรรณในชุดนอนวาบหวิวตัดผมสั้นบ๊อบแสนจะเซ็กซี่ เปลี่ยนลุคจากสาวหวานผมยาวกลายเป็นสาวเปรี้ยวแสนจะเซ็กซี่เพื่อต้องการเอาใจสามี แพรวพรรณเข้ามากอดคลอเคลียอชิระวัตรที่นั่งทำงานอยู่ "แพรวไปนอนก่อนเถอะเดี๋ยวพี่ตามไป พี่ขอนั่งอ่านกราฟหน่อยพรุ่งนี้ตลาดหุ้นเปิดพี่จะได้มีข้อมูลตัดสินใจ" อชิระวัตรบอกกับแพรวพรรณไม่ได้สนใจหรือสังเกตด้วยซ้ำว่าเมียตั้งใจแต่งตัวมายั่วผัว "พี่บาส แต่ว่าเราไม่ได้เข้านอนพร้อมกัน ไม่ได้มีอะไรกันมาเป็นเดือน ๆแล้วนะคะ" แพรวพรรณพูดขึ้นน้ำเสียงน้อยใจสามี "แพรว ก็พี่ทำงานเหนื่อย เครียดมากด้วย นี่ก็กำลังนั่งอ่านบทวิเคราะห์หุ้นอยู่ จะได้เล่นเชิงเทคนิคเป็นชนะหุ้นกับเขาบ้าง หนี้พี่ก็เยอะแพรวเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ" อชิระวัตรพูดบอกภรรยาน้ำเสียงดูหงุดหงิดที่แพรวพรรณชวนไปนอน "ค่ะ แพรวรู้ว่าหนี้พี่เยอะ แต่ถ้าเก็บเงินไปเล่นหุ้นได้พี่บาสแบ่งไปจ่ายหนี้ธนาคารหรือจ่ายหนี้คืนแพรวบ้างก็ดีนะคะ" แพรวพรรณพูดเสียงสะบัดใส่อชิระวัตรด้วยความไม่พอใจ "นี่แพรวทวงเงินพี่เหรอ" "ใช่ค่ะ ก็ที่เป็นหนี้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะหุ้นไม่ใช่เหรอ ได้เงินมาแทนที่จะคืนแพรวในส่วนที่ยืมแพรวไปบ้าง กลับเอาไปเล่นหุ้นต่อแบบนี้มันใช้ได้เหรอวะพี่บาส" "ก็พี่อยากชนะมันไง อยากได้ที่เสียคืนมา เลยมานั่งอ่านเทคนิคนี่ไง ทำไมแพรวไม่เข้าใจพี่วะ" "ค่ะ แพรวไม่เข้าใจ ทำงานจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่เงินไม่เหลือถอยหลังลงคลองเรื่อย ๆ แพรวว่า Logic พี่บาสเริ่มเพี้ยนหนักแล้วนะ" "เออ พอเถอะไม่ต้องพูดแล้ว พี่มันเพี้ยน แพรวไปนอนเถอะไม่ต้องมายุ่งเรื่องของพี่" "เออ ไม่ยุ่งแล้ว แต่อย่ามาขอให้ช่วย อย่ามาทำแพรวเดือดร้อนอีกก็แล้วกัน" แพรวพรรณพูดด้วยแรงอารมณ์โกรธอชิระวัตรมากเช่นกัน พูดเสร็จก็เดินลงส้นออกไปจากห้องทำงานด้วยท่าทางโกรธและไม่พอใจในคำพูดของอชิระวัตรเป็นอย่างมาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม