บทที่ 20 กลัวความหวั่นไหว VS. อีกคนก็ยังโกหกซ้ำๆ

3059 คำ
หลังจากที่จับได้เรื่องไปดูไฟคริสต์มาสในวันนั้น แพรวพรรณก็ใช้ชีวิตอยู่กับอชิระวัตรด้วยความหวาดระแวง พออชิระวัตรออกไปทำงานต่างออกกันไปทำงานมันก็ทำให้แพรวพรรณเป็นทุกข์ใจแล้ว อชิระวัตรบอกว่าออกไปแตะบอลหรือทำงานผิดเวลาก็ทำให้แพรวพรรณระแวง จิตใจอยู่ไม่เป็นสุขเลย ช่วงระยะเวลาเพียงสองเดือนที่แพรวพรรณทราบเรื่องที่โดนนอกใจทำให้แพรวพรรณกินไม่ได้นอนหลับไม่สนิท จนทำให้น้ำหนักลดลงหายไปเกือบเจ็ดกิโล เจ้านายและลูกน้องที่ทำงานต่างพากันถามว่าแพรวพรรณไม่สบายหรือเปล่า งานหนักไปหรือเปล่า  "น้องแพรว พี่ใช้งานน้องแพรวหนักเกินไปหรือเปล่า ช่วงนี้น้องแพรวดูซูบผอมไปมากนะครับ หรือว่าไม่สบายมั้ย พี่เป็นห่วงน้องแพรวมากนะครับ" คุณเคเจ้านายที่แผนกถามแพรวพรรณด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใยแพรวพรรณมาก "ไม่มีอะไรหนักไปค่ะพี่เค แพรวทำได้ค่ะ ช่วงนี้มีงานเข้ามาให้ทำหลาย Project แพรวแค่ทำงานเพลินจนบางวันลืมกินข้าวบ้าง แต่งานไม่ได้หนักนะคะพี่เค แพรวอยากทำงานเยอะๆ พี่เคอย่าลดงานแพรวลงนะ หรือถ้ามีงานส่วนไหนแพรวทำไม่ถูกใจแพรวจะปรับแก้ให้นะคะ" แพรวพรรณบอกกับเจ้านายน้ำเสียงหนักแน่น อยากกอดงานไว้ให้ดีๆ เพราะงานเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้แพรวพรรณดูมีคุณค่าอยู่ในตอนนี้ แพรวพรรณเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องส่วนตัวที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้เจ้านายที่สนิท รักและเอ็นดูแพรวพรรณเหมือนน้องสาวฟังเลย คุณเคเจ้านายของแพรวพรรณยังเคยเอ่ยปากชมแพรวพรรณว่า แพรวพรรณสวยและเก่งมาก ถ้าแพรวพรรณยังไม่แต่งงานคุณเคจะจีบ นับได้ว่าแพรวพรรณและคุณเคสนิทสนมกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่รีรอที่จะเล่าเรื่องความทุกข์ของตนเองให้เจ้านายที่แอบหวังแอบชอบตัวเองอยู่ฟัง แต่คนคนนั้นไม่ใช่คนอย่างแพรวพรรณแน่นอน "พี่เคดีเกินไปสำหรับแพรวค่ะ เรารักและนับถือกันให้ฐานะพี่น้อง เป็นเจ้านายและลูกน้องที่ดีต่อกันจะเป็นการดีที่สุดค่ะพี่เค อย่าชมแพรวบ่อยๆ เลยค่ะ แพรวแต่งงานแล้วเดี๋ยวเกิดใจอ่อนเก็บเสื้อผ้าหนีตามพี่เคขึ้นมาจะยุ่งนะคะ" แพรวพรรณเคยพูดทีเล่นทีจริงกับเจ้านายของตนเองเอาไว้แบบนี้ตอนที่คุณเคเอยปากชมและแสดงออกชัดเจนว่าชอบแพรวพรรณมา "ถ้าแพรวยืนยันว่าแพรวไหว พี่จะกล้าเอางานของแพรวซึ่งเป็นมือขวาที่เก่งที่สุดของพี่ไปให้คนอื่นทำได้ยังไง แต่ทำงานก็ต้องรักษาสุขภาพด้วยรู้มั้ย กลับบ้านมืดค่ำทุกวันแต่งงานแล้วนะเราน่ะ ควรกลับบ้านไปดูแลสามีบ้าง" คุณเคพูดเตือนแพรวพรรณด้วยความเป็นห่วง ทำให้แพรวพรรณซึ้งใจจนน้ำตาซึมและรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาที่หน้าอกคิดในใจว่า "ถ้าเขาอยู่บ้านให้แพรวได้ดูแลก็คงจะดี" "แพรวไหวค่ะ จริงๆแพรวก็ไม่ได้กลับดึกทุกวันหรอกค่ะ เอาเป็นว่าวันนี้จะเอาใจพี่เค สี่โมงครึ่งแพรวกลับบ้านเลยนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะได้รีบตื่นมาแต่งหน้ากรีดตาสวยๆ ตามพี่เคออกไปหาลูกค้าข้างนอกดีมั้ยคะ" แพรวพรรณพูดกลบเกลื่อนความเศร้าที่แฝงไว้ในม่านดวงตา พยายามทำตัวให้สดใสให้ดูเหมือนมีความสุขปกติดีอยู่ "ครับ ตามนั้นเลย พี่อนุญาตให้กลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้นะ แพรวจะได้รีบไปกรีดตารอเลยดีมั้ย แต่จริงๆ พี่จะบอกว่าไม่ต้องแต่งหน้าคมๆ แรงๆ แพรวก็สวยอยู่แล้ว แต่ถ้าแพรวกำลังทุกข์ใจแพรวอย่าลืมนึกถึงพี่นะ อย่ามองแค่ว่าพี่เป็นเจ้านายของแพรวให้มองว่าพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่งก็ได้นะ" คุณเคเจ้านายของแพรวพรรณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร ห่วงใยในตัวลูกน้องสาว ลึกๆ คุณเคเองก็มองดูรู้ว่าแววตาของแพรวพรรณนั้นดูเศร้าไม่สดใส แต่จะให้ถามคาดคั้นไปตรงๆ ตนเองก็เป็นเพียงเจ้านาย คาดคั้นมากไปก็จะเป็นการดูไม่ดีเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่ตัวคุณเคเองก็อดที่จะเป็นห่วงแพรวพรรณไม่ได้ "ขอบคุณที่ชมแพรวค่ะ นี่ถ้าพี่เคปากหวานแบบนี้กับสาวๆ หน่อยจะดีมากเลยนะคะ เจ้านายแพรวจะได้ขายออกเสียที แพรวโอเคไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ พี่เคไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเคลียร์งานต่ออีกหน่อยเสร็จแล้วจะรีบกลับ ผมยาวแล้วจะไปตัดผมหน่อยค่ะพี่เค" แพรวพรรณพูดล้อเลียนเจ้านายและบอกให้เจ้านายมั่นใจไม่ต้องเป็นห่วงตนเอง "นี่พี่ก็ขายของอยู่นะ ว่าแต่แพรวเถอะทำไมไม่ไว้ผมยาวแบบเดิม ผมยาวก็ดูดีนะ" คุณเคยังหยอดอีก "......" แพรวพรรณนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากโดนหยอดไปอีกหนึ่งดอก หลังจากนั้นก็ยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วพูดขึ้นว่า "แพรวว่าผมสั้นก็ดีค่ะ ไม่เปลืองยาสระผม ตอนเช้าก็ไม่ต้องเสียเวลาเป่าผมนาน ว่าแต่พี่เคมีอะไรจะสั่งงานแพรวเพิ่มมั้ยคะ" แพรวพรรณพูดตอบเหตุผลแล้วถามถึงงานตามมารยาทเพราะอยากขอตัวออกจากห้องทำงานของเจ้านายกลับไปที่โต๊ะของตัวเองเต็มทีแล้ว "เรื่องงานไม่มีอะไรแล้วครับ" คุณเคตอบแพรวพรรณแล้วส่งยิ้มให้ "งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว แพรวขอตัวไปทำงานนะคะพี่เค" แพรวพรรณเอยขอตัวไปทำงาน ในใจก็คิดเรื่องเจ้านายไปด้วย "หยอดฉันจริงๆ ไม่รู้หรือไงใจมันหวั่นไหวนะเว้ย มาทำดีด้วย มาหยอดแบบนี้ถึงจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แต่ใจมันสั่นนะเว้ยพี่เค ยิ่งช่วงนี้มีปัญหากับผัวอยู่ด้วย" แพรวพรรณได้แต่คิดในใจและเดินไปจากห้องของเจ้านายไปนั่งทำงานต่อ แพรวพรรณเคลียร์งานเสร็จตั้งแต่ตอนบ่าย ทำงานเสร็จแล้วจึงกลับบ้านไปตัดผม ตัดผมเสร็จก็แวะซื้อกับข้าวเข้าบ้าน ทำกับข้าวเสร็จก็ส่งข้อความทางไลน์ไปตามให้อชิระวัตรรีบกลับบ้านมากินข้าวด้วยกัน "พี่บาส วันนี้กลับบ้านไวหน่อยได้มั้ย จะได้กลับมาทานข้าวเย็นด้วยกันแพรวทำแกงไตปลา ไข่เจียว เห็ดฟางผัดไข่เอาไว้ มีแต่อาหารที่พี่บาสชอบทั้งนั้นเลยนะคะ" แพรวพรรณพิมพ์ไลน์ไปตามสามี จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงอชิระวัตรจึงพิมพ์ไลน์ตอบกลับมา "ขอเป็นหนึ่งทุ่มนะแพรว พี่ขอไปแตะบอลก่อนนะ แพรวรอพี่กินข้าวด้วยนะครับคนดี แต่ถ้าแพรวหิวก็กินรองท้องไปก่อนก็ได้นะครับ" อชิระวัตรพิมพ์ตอบกลับมา "ค่ะ..." แพรวพรรณพิมพ์ตอบกลับไปสั้นๆ เมื่อคุยกันเสร็จแพรวพรรณก็เปิดทีวีนั่งดูรอให้อชิระวัตรกลับมา จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสองทุ่มแล้ว แต่อชิระวัตรก็ยังกลับมาไม่ถึงบ้านแพรวพรรณจึงไปหานมและขนมมาทานรองท้อง กว่าอชิระวัตรจะกลับมาถึงบ้านก็สามทุ่มครึ่ง มาถึงบ้านกินข้าวก็กินได้ไม่เยอะอ้างว่ากินเบียร์กินกับแกล้มมากับเพื่อนที่สนามบอลแล้ว "ทำไมกินข้าวน้อยจังเลยคะ กับข้าวไม่ถูกปากเหรอ" แพรวพรรณถามออกไปและรอฟังคำตอบของสามีเหมือนนิ่งรอจับพิรุธว่าอชิระวัตรจะพูดว่าอย่างไรต่อ "แตะบอลเสร็จ นั่งจิบเบียร์แล้วก็กินกับแกล้มเข้าไปเยอะน่ะแพรวเลยแน่นๆ ท้อง" อชิระวัตรตอบแล้วลุกขึ้นเก็บจานหลังจากกินอิ่มแล้วไปใส่ไว้ในอ่างล้างจานแล้วบอกกับแพรวพรรณว่า "พี่อิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นข้างบนไปอาบน้ำก่อนนะแพรว วันนี้ปวดขาเพลียๆ ด้วย"  "ค่ะ...." แพรวพรรณรับคำสั้นๆ แล้วเดินมาเก็บกับข้าวเอาไปฟีสเก็บไว้ในตู้เย็นรอเอามาอุ่นกินมื้อถัดไปเพราะมันยังเหลือเยอะมากทำให้แพรวพรรณรู้สึกเสียดาย เก็บกับข้าวเสร็จแพรวพรรณก็ล้างจาน เสร็จแล้วจึงตามไปดูอชิระวัตรบนห้องนอนก็พบว่าอชิระวัตรนั้นอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังนอนให้ทีวีดูตัวเองอยู่ ส่วนตนเองก็กำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟาตัวยาวให้ห้องนอนเช่นเดิม "อาบน้ำแล้วเหรอคะ" แพรวพรรณถามขึ้น "ครับ รู้สึกเพลียๆ ง่วงๆ จะนอนแล้วแหละ แพรวล่ะอาบน้ำแล้วยังครับ ไปอาบน้ำเถอะจะได้รีบเข้านอนกัน" "แพรวอาบตั้งแต่ตอนหัวค่ำหลังทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ แต่เดี๋ยวจะไปแปรงฟันก่อนถ้าพี่ง่วงก็นอนก่อนเลยนะคะ" แพรวพรรณบอกอชิระวัตรและดูเหมือนอชิระวัตรก็ไม่ได้ตั้งใจจะฟังเท่าไหร่ แพรวพรรณจึงเดินเลี่ยงไปแปรงฟัน หลายวันต่อมาอชิระวัตรก็บอกแพรวพรรณว่าวันเสาร์นี้เขาจะขับรถไปดูไซน์งานก่อสร้างที่จังหวัดกาญจนบุรี "แพรวพรุ่งนี้พี่ต้องไปดูความคืบหน้าของไซน์งานที่กาญจนบุรีนะครับ" อชิระวัตรบอกแพรวพรรณตอนกลับมาจากที่ทำงานตอนเย็นของวันศุกร์ "ค่ะ แล้วพี่ไปกับใครคะ ไปกับที่ออฟฟิศเหรอ" แพรวพรรณถามขึ้น "ครับ แต่ไปตอนเช้ากลับตอนเย็น ไม่ได้ค้างคืนหรอกนะ วันนี้มีแข่งบอลตอนสามทุ่มแพรวว่างมั้ยไปเชียร์พี่หน่อยสิ" อชิระวัตรบอกเรื่องไปทำงานแล้วชวนแพรวพรรณไปดูเขาแตะบอลด้วยกัน "ไปแข่งบอลแล้วพรุ่งนี้ต้องไปทำงานจะไหวเหรอ" แพรวพรรณถามขึ้น "พอดีคนขาด ไม่มีประตูพี่รับปากเขาไว้แล้ว เล่นไม่นานหรอกสักชั่วโมง แพรวไปกับพี่นะ จะได้สบายใจด้วยไงว่าพี่ไม่ได้ไปไหน" อชิระวัตรพูดขึ้น ลึกๆ ใจเขาก็รู้ดีว่า ที่หายไปข้างนอกวันเสาร์ อาทิตย์ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แพรวพรรณก็นึกสงสัยว่าเขาหายไปทำงานไปแตะบอลจริงๆ หรือเปล่า วันนี้เลยอยากชวนให้แพรวพรรณไปเห็นกับตาว่าเขาไปแตะบอลจริงๆ  "ค่ะ แพรวไม่สบายใจเวลาพี่หายไปช่วงวันหยุดหรือตอนบอกว่าออกไปแตะบอลจริงๆ แต่วันนี้พี่ชวนแพรวไปด้วย ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ยังอุตส่าห์นึกถึงความรู้สึกของแพรวอยู่" แพรวพรรณพูดออกไป ในใจก็คิดว่า "วันนี้นะใช่ พี่ไปจริงแล้ววันอื่นๆ ล่ะจะจริงหรือเปล่า แต่ก็เอาวะกล้าชวน ฉันก็กล้าไป" "ครับ งั้นพี่เข้าไปเปลี่ยนชุด แพรวช่วยเตรียมรองเท้าถุงเท้าฟุตบอลให้พี่หน่อยนะ เสร็จแล้วจะได้ออกไปกันเลย" อชิระวัตรบอกกับแพรวพรรณ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมของเสร็จแล้วอชิระวัตรก็ได้พาแพรวพรรณออกไปสนามบอล เมื่อไปถึงสนามบอลก่อนที่จะลงสนาม อชิระวัตรก็ได้พาแพรวพรรณไปแนะนำกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่สนามบอล "พี่ชัย พี่วิน นี่แพรวภรรยาผมครับพี่ แพรวสวัสดีพี่เขาเสียสิ วันนี้พามาเชียร์ด้วยนะครับ" อชิระวัตรพูดแนะนำ "สวัสดีค่ะพี่ๆ สวัสดีค่ะทุกคน" แพรวพรรณยกมือไหว้สวัสดีทักทายทุกคนอย่างเป็นมิตร  "เฮ้ยแฟนสวยนะเว้ยบาส ไม่เห็นเคยพามาแนะนำให้รู้จักเลย" พี่คนหนึ่งพูดขึ้น "แพรวเขางานยุ่งครับไม่ค่อยมีเวลา พอดีวันนี้แข่งดึกผมเข้าบ้านก่อนเลยชวนเขามาด้วย" อชิระวัตรตอบแทนแพรวพรรณ แล้วหันไปบอกให้แพรวพรรณไปหาที่นั่ง ตนเองจะเตรียมตัวลงสนามแล้ว แพรวพรรณรับคำก่อนจะหาที่นั่งและคิดในใจว่า "มันก็เหมือนกับว่ามาแตะบอลบ่อยอยู่จริงๆ นะ ไม่ได้พาใครมาที่สนามบอลด้วย หรือจะไม่ได้ไปเจอกันแล้วจริงๆ แต่เอ๊ะ หรือว่าครั้งนี้ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เราตายใจกันนะ" แพรวพรรณได้แต่คิดวนๆ ซ้ำๆ จนอชิระวัตรแข่งบอลเสร็จแล้วกลับบ้าน ผ่านไปหลายวัน อชิระวัตรก็ยังอ้างออกไปข้างนอกไปทำงานเสาร์ อาทิตย์ ไปแตะบอลเหมือนเดิม จนเย็นวันหนึ่งอชิระวัตรสัญญากับแพรวพรรณไว้ว่า วันนี้เป็นวันครบรอบที่ตัดสินใจคบกันวันแรก เขาจะพาแพรวพรรณไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน แต่พอถึงช่วงเที่ยงอชิระวัตรกลับไลน์มาขอยกเลิกนัดก่อน เขาขอไปในวันพรุ่งนี้แทนอ้างว่ามีนัดแข่งบอลนัดพิเศษด่วนมาก "แพรวครับ นัดของเราเย็นนี้ขอเลื่อนไปก่อนได้มั้ยครับ พอดีพี่มีนัดแข่งบอลด่วน พี่เขาขอช่วยมา" อชิระวัตรพิมพ์ข้อความไลน์มา แพรวพรรณเปิดอ่านแล้วยังไม่ตอบ ในใจก็คิดว่าดูมันแปลกๆ อชิระวัตรต้องมีเรื่องด่วนอาจจะไปแตะบอลจริงแต่ไม่น่าจะใช่ ถ้าแค่แตะบอลคงไม่เลื่อนนัดสำคัญของตนเองไปหรอก อาจจะไปที่อื่นเสียมากกว่า คิดได้ดังนั้นแล้วก็พิมพ์ตอบกลับไปว่า "ค่ะ แล้ววันนี้ไปแตะบอลที่สนามไหนหรือคะ" "ที่เดิมที่พาแพรวไปนั่นแหละ อารีน่า" อชิระวัตรพิมพ์ตอบกลับมา ตอนเย็นหลังเลิกงานวันนี้ คุณเคเจ้านายของแพรวพรรณชวนแพรวพรรณไปกินข้าวกับทีมฝ่ายการตลาด เจ้านายของแพรวพรรณอยู่ดีๆ ก็เกิดอยากเลี้ยงข้าวลูกน้องขึ้นมาแบบไม่ได้มีโอกาสพิเศษอะไร แต่แพรวพรรณเอยขอตัวอ้างว่าวันนี้แพรวพรรณมีนัดแล้ว คือแพรวพรรณไม่สบายใจเรื่องอชิระวัตรอยู่จึงไม่อยากออกไปปั้นหน้าว่าดูมีความสุขกับใครต่อใครให้ดูเหนื่อย พอแพรวพรรณบอกปัดแผนการออกไปกินข้าวของเจ้านายเลยต้องล้มเลิกเลื่อนออกไปก่อน "แพรวไม่ว่าง งั้นเลื่อนไปก่อนแล้วกันนะพวกเรา" คุณเคพูดสรุปแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับบ้าน  แพรวพรรณขับรถมาถึงบ้านแล้ว เข้าไปเก็บของเปลี่ยนชุดแล้วเดินวนไปวนมาอย่างใช้ความคิดอยู่ในบ้านหลายรอบ "แพรว แกกล้าสู้กับความจริงหรือเปล่า แกตามไปดูให้มั่นใจสิ" "ไม่นะ ไม่ไป กลัวความจริง กลัวรับไม่ได้" "ไม่แพรว แกต้องกล้า แกต้องไป แกจะยอมโง่เหรอ แกเป็นคนโง่เหรอ ไร้ค่าไม่มีราคาถึงต้องยอมให้ผู้มาหลอกแกเหรอวะ" แพรวพรรณได้แต่คิดและความคิดมันก็ตีกันไปมา จนในที่สุดแพรวพรรณก็คือแพรวพรรณ แพรวพรรณไม่ใช่คนโง่ แพรวพรรณคือคนที่มีเหตุผล คิดทุกอย่างอย่างเป็นระบบระเบียบและใจเย็นเสมอ คิดไตร่ตรองทุกอย่างอย่างชาญฉลาดเสมอ "เออ เอายังไงก็เอากันวะ วันนี้ฉันต้องรู้ให้ชัดๆ เว้ยแพรว" แพรวพรรณพูดสรุปแล้วหยิบกุญแจรถมาถือไว้แล้วขับรถไปสนามบอลทันที ไปถึงสนามบอลก็ได้ขับรถวนดูตามที่จอดรถสามรอบแล้วก็ไม่เจอรถของอชิระวัตร จึงตัดสินใจจอดรถแล้วเดินลงไปดูในสนามแข่งก็ไม่พบแม้แต่เงาของอชิระวัตรเลย แพรวพรรณโกรธจนตัวสั่น ค่อยๆ นั่งลงตรงม้านั่งริมทางเดิน หายใจเข้าลึกๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอชิระวัตร "ครับแพรว แพรวว่ายังไง กินข้าวแล้วยังครับ" "เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วนี่พี่บาสออกมาจากที่ทำงานไปสนามบอลยังคะ พอดีที่บ้านฝนกำลังจะตกแพรวเป็นห่วง" แพรวพรรณแกล้งถามออกไป "ออกมาถึงนานแล้ว นี่แข่งไปเสร็จหนึ่งเกมแล้วครับ ตอนนี้กำลังนั่งพักก่อนแพรวโทรมาพอดีนี่แหละเลยรับโทรศัพท์ได้" "เหรอ แล้วแข่งสนามที่พาแพรวไปหรือเปล่า รีบกลับนะแพรวคิดถึง วันนี้วันครบรอบที่พี่ขอแพรวเป็นแฟนนะคะ" "ครับ สนามเดิม เดี๋ยวพี่ก็กลับบ้านแล้ว รอพี่กินข้าวด้วยนะ" "สนามเดิมเหรอ แพรวนั่งอยู่ที่สนามนะไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่บาสเลย ทำไมพี่ถึงได้กลายเป็นคนโกหกตอแหล พี่อยู่กับมันใช่มั้ย พี่มันเป็นคนเลวจริงๆ ทุเรศ" แพรวพรรณด่าอชิระวัตรออกไปอย่างเหลืออดเหลือทน "อะไรอีกแพรว แล้วนี่ตอนนี้แพรวอยู่ที่ไหน" "ไม่สำคัญว่าแพรวอยู่ไหน มันสำคัญว่าตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนต่างหาก อยู่กับอีแก่นั่นหรือเปล่า แม่งเลว....." "พอ ๆ คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วพี่ไม่ได้อยู่กับเขา พี่มาแตะบอลจริงๆ พี่บอกสนามแพรวผิด อารีนามันมีทั้งหลายแห่ง พี่อยู่ปิ่นเกล้า ไม่ได้อยู่ตรงสาย3 แพรวเยอะวะ ไม่เชื่อใจพี่เลย" อชิระวัตรพูดแถโกหก หาทางเอาตัวรอดอีกพร้อมกับยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับ "พี่อยู่สนามบอลใช่มั้ย งั้นพี่เปิดกล้องโทรมา" แพรวพรรณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาลเต็มที  "เออ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อเว้ย ก็ไม่ต้องคุย ไม่ต้องอยู่ด้วยกันดีๆ แล้ว" อชิระวัตรแกล้งทำเป็นโมโหใส่แพรวพรรณแล้วกดวางสายไป ปล่อยให้แพรวพรรณอึ้งไปเลย แพรวพรรณได้แต่นั่งกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น น้ำตาก็ไหลอาบแก้มอย่างรู้สึกคับแค้นใจเหลือจะทนไหว ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดี มันกดดัน มันรู้สึกผิดหวัง มันรู้สึกไร้ค่า มันรู้สึกหมดหนทางในการใช้ชีวิตคู่แล้วจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม