เลือกป้ายเลยไหม

1214 คำ
“เจ้าเขินอายเยี่ยงนี้ ข้าไม่กวนใจเจ้าแล้ว” โอ้โห้ขึ้นเลยสำคัญตัวผิด “ใครบอก ฝ่าบาทพูดเองคิดเอง ข้าพระองค์แค่คิดถึง...คนรักเก่า” คิ้วคมขมวดเข้าหากันแสดงอาการไม่พอใจ “เจ้าเมื่อมาอยู่ในตำหนักข้า ก็คงจิตใจบอบซ้ำ จะคิดฆ่าตัวตาย ก็ไม่แปลก แต่คำพูดนั้นตรงไปหน่อย กิริยาไม่แน่ว่าเป็นหญิงงาม” ล้ำลึกจริงๆ คำพูด “การเป็นหญิงงามก็เหมือนดอกเหมยยามโดนลมหนาว ไหวเอนก็เพียงนิดหน่อย จะแกว่งไกวก็คงไม่เหมาะ เพราะดอกเหมย ถูก สร้างมาเพียงเพื่อทานลมหนาว” โอ้แพรวา เจอ คำคมล้วนๆ เป็นดอกเหมยก็ขอเป็นดอกเหมยสีแดงละวะจัดจ้านดี “ฝ่าบาทว่าข้าพระองค์ฆ่าตัวตายมิสู้ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าหม่อมฉันตกลงไปในน้ำได้อย่างไร” “เจ้าร่วงลงมาจากสะพานหรือที่ไหนไม่อาจรู้ได้ อย่างนั้นข้าจึง เรียกเจ้าว่าเฟยลี่ ข้าเองกำลังหารือกับเสนาบดีอยู่ อากาศหนาวเช่นนั้นใครจะลงไปช่วย” นึกย้อนไปเมื่อครั้งรับเสื้อคลุมมาจาก เสี่ยวโอขันทีน้อย คลุมร่างบางที่เปียกปอน จนเสนาบดีสองสามคนต้องลงทุนคุกเข่าทัดทานว่าเสื้อคลุมมังกรจะใช้คลุมให้หญิงสาวนั้นไม่อาจทำการเป็น ผู้อยู่สูงสุดของแผ่นดีนี่มันยากลำบากนัก “แล้วฝ่าบาททรง เห็นวัตถุอื่นใดไหม” เผื่อจะเห็นรถคนโปรดของเธอ “วัตถุใด คาดว่าจะไม่เห็น....นอกจาก....” นึกเห็นทรวดทรงองค์เอวเมื่อยามเปียกปอน กับอาภรณ์ที่ห่อหุ้มประหลาดตาเหลือเกิน แต่กลมกลืนกับร่างสวยที่สวมใส่ยิ่งยามเปียกน้ำ อมยิ้มทันที “นอกจากอะไร” ยิ้มโลกสว่างนั้น ไม่อาจละสายตา “รู้ ไม่สู้ ไม่รู้ อยากบอกไม่อาจบอก ไว้โอกาสหน้าเจ้ามีข้อแลกเปลี่ยน” อะหะ หัวหมอเจ้าเล่ห์ เจอเธอเสียบ้างเมื่อครั้งอยู่กับเพื่อนๆ ธอมักจะถูกเรียกว่ามนุษย์.ป้า.ทั้งที่อายุ20ต้นๆ “ฝ่าบาทอยากได้อะไรเพค่ะ” แพรวาพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย “ก็แค่ เจ้าจะยอมสละ บางสิ่งเพื่อความสำราญของข้า” ใจเต้นรัวแพรวาเอ๊ย ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงจนจมูกเกือบติดจมูก หัวใจเต้นแรง เจอสายหื่นเสียแล้วม้างเพิ่งจะออกลายเบี่ยงตัวหลบ ประตูตำหนักเปิดออก เสียงใสๆ แว่วมาแต่ไกล “ฝ่าบาท” เสียงมาก่อนตัวผู้ที่ถูกเรียกว่าฝ่าบาท เฮ้อหายใจด้วยความระอา “เจ้าเป็นใครทำไมมาอยู่บนแท่นบรรทมของฝ่าบาท” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยัง ร่างของแพรวา “แค่ หญิงหนึ่งที่ผ่านมาพักพิง” แพรวารีบออกตัวรอยยิ้มพึงพอใจจากริมฝีปากบางเล็ก “ซีหลิว.. คราวหลังมาต้องให้สุ้มให้เสียงทำเยี่ยงนี้หรืออยากจะเป็นหญิงงาม” คำว่าหญิงงามค้ำคอผู้หญิงทุกคนในที่แห่งนี้แน่ๆ ใบหน้าใสซื่อสลดลงอย่างเห็นได้ชัด “ทุกที ก็ไม่เห็นต้อง มีพิธีรีตอง ฝ่าบาทก็รู้ว่าซีหลิว เป็นอย่างนี้มาตั้งนาน ครานี้ทรง ตำหนิต่อหน้าหญิงนางอื่น” หันซ้ายหันขวาลุกลี้ลุกลน “เฮ้อ ซีหลิวเมื่อไหร่เจ้าจะโตเสียทีทำตัวเป็นเด็ก” แพรวากลั้นหัวเราะกับกิริยาของหญิงสาวอ่อนวัย “ไปหา โหวหยางจื้อดีกว่า” งอนได้อีกแววหนักใจจากแววตาคม ขันทีที่ชื่อเสี่ยวโอเดินเข้ามาทำความเคารพ “ฝ่าบาท ไทฮองไทเฮา มีรับสั่งหาพระองค์ที่ ตำหนักฟางซิน (ความสุขอันหอมหวาน) ” ฮ่องเต้ หุนหันออกไปจากตำหนักทันทีไม่รอช้าขันทีน้อยหันมายิ้มเยือนกับแพรวา ด้วยสายตาเป็นมิตร แพรวาถอนหายใจยาวเหยียดเวลาพักของเธอมาแล้วหรือหาทางหนีดี ว่าแต่จะหนีไปไหน ในวังแห่งนี้อันตรายมากมาย จะเหมือนในซีรีย์ที่เคยดูไหมนะที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด แม้ต้อง ฆ่าคน เป็นอย่างนั้นจริงๆ แพรวาจะเอาชีวิตรอดได้กี่วันในเมื่อเธอไม่รู้จักใครเลยในนี้มีเพียงฮ่องเต้รูปงาม ที่ออกโรงปกป้องเธอ แต่จะได้สักกี่น้ำ เพราะในซีรีย์จีนที่เคยดูมาฮ่องเต้ต้องฟังความเห็นของหลายฝ่ายถ้าหากมัวแต่ ทรงสนพระทัยเรื่องส่วนตัวไม่เห็นแก่ราษฎร และ ประเทศชาติ และไม่ฟังความเห็นของพวกขุนนาง คงจะต้องมีอันต้องจบเห่ โดนก่อกบฏแน่นอน ก่อนอื่นต้องหา ที่ยึดเกาะให้เหนียวแน่นเพื่อเอาชีวิตรอดในที่แห่งนี้ ภายในบริเวณตำหนักฟางซิน ที่อบอวลไปด้วยมวลดอกไม้หญิงชราแต่ทว่าร่างกายยังคงแข็งแรง นอนตะแคงเหยียดยาวนางในสองคนบีบนวดไปมา ข้างๆ กันนั้นหญิงงามผู้หนึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างนางในสองสามคนยืนอยู่เบื้องล่างที่ประทับ กุ้ยเหรินลู่เอิน (หยกที่สง่างาม) นั่นเองไม่พ้นต้องนำข่าวเรื่องเขากับเฟยลี่ มาบอกพระอัยยิกา “ฮ่องเต้เสด็จ “ประสานเสียงกันเซ็งแซ่ องค์อัยยิกา ผุดลุกขึ้น มองมาที่หลานชายด้วยแววตาอ่อนโยน “มิใยที่ย่า เรียกเจ้าไม่ต้องให้รอให้เสียเวลา” เหลือบมองไปยังกุ้ยเหริน (สนมชั้นเอก) ที่ นั่งพับเพียบเรียบร้อย “เสด็จย่า มีเรื่องอันใด” “ข่าวคราวของเจ้า ต้องให้ได้ยินจาก ปากของผู้อื่น นี่ถ้าหากไม่มีกุ้ยเหรินย่าคงพลาดเรื่องสำคัญไปแน่” ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยิ้มโลกสว่างไม่บ่อยครั้งที่ฮ่องเต้จะยิ้มเยือนแบบนี้ละมีเพียงไม่กี่คนที่ได้เห็น ไทฮองไทเฮาอดจะยิ้มตามไม่ได้ท่าทางออดอ้อนไม่ผิดเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก “เป็นกุ้ยเหรินเองหรือ ที่มาบอกกล่าว” ปรายตามองด้วยสายตาตำหนิ “จะโทษกุ้ยเหริน ไปก็ใช่ เพราะเรื่องเล่าลือนั้นได้ยินไปทั่วทั้งวังหน้าวังหลัง แล้วยังจะเรื่องเล่าใหม่เมื่อเช้าตรู่จาก ไทเฮาที่เพิ่งจะลาย่าไปเมื่อกี้ เรื่องเจ้าจะแต่งตั้งหญิงงาม ที่ไร้ ที่มาเป็นฮองเฮา” ฮ่องเต้ยังคงยิ้มเยือนแต่แววตาเปลี่ยนไป เป็นแววครุ่นคิด “หลานพูดไปด้วยความไม่คิด ไทฮองไทเฮาโปรดอย่าถือสา” “หลายปีมานี้เจ้าก็เติบโตเป็นชายชาตรี สนมนางในมากมาย แต่หามี ใครที่มีบุญญาธิการได้เป็นฮองเฮาอีกทั้ง ยังไม่เคยปรากฏ โอรสสวรรค์ แม้เพียงสักคนพกสนมนางในของเจ้าก็ แวะเวียนไปมา มีเรื่องเกี่ยวกับเจ้าที่ไม่ค่อย จะมีเวลาให้พวกนาง แล้วเมื่อไหร่โอรส สวรรค์จะมีประสูติการ” “เสด็จย่า ใจร้อนยิ่งกว่าหลาน” “ท่านเสนาบดี เห็นสมควรให้ คัดเลือก ผู้ที่จะทำหน้าที่ฮองเฮา แต่ก็ติดที่ยังไม่มีใครให้ประสูติการโอรสสวรรค์ บัลลังก์ไม่สมบูรณ์ อำนาจย่อมสั่นคลอน ฮ่องเต้เข้าใจคำนี้ดี.ใช่ไหม เพราะฉะนั้นต่อไป ต้องมีการเลือกป้ายในทุกคืน” ฮ่องเต้ตาโต กุ้ยเหรินก้มหน้าซ่อนยิ้ม “ต่อไป ห้ามหาทางเลี่ยงอีกเป็นอันขาด อย่าอยาก อุ้มเหลนแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม