ยศสรันจูงมือลูกสาวตัวน้อยไปส่งที่ห้องของแกที่มีประตูเชื่อมต่อกับห้องของเขา เขาให้ช่างมาทำพิเศษเพราะกลางดึกเขามักจะตื่นมาดูพวกเธอด้วยเกรงว่าใครคนหนึ่งจะเผลอนอนดิ้นไปถีบใครอีกคนจากนั้นทั้งคู่ก็จะตื่นมาทะเลาะกันว่าใครเป็นคนถีบก่อน เมื่อพาสาวๆ มาส่งถึงเตียง เขาก็จุ๊บหน้าผากกลมมนบอกราตรีสวัสดิ์เริ่มที่ยี่หวาและตามด้วยหญ้าหวาน
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับสาวๆ ของพ่อ ฝันดีนะครับ”
จากนั้นสองสาวก็ยืนขึ้นบนที่นอนแขนอวบจับไหล่ยศสรัน เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มคนเป็นพ่อคนละข้างเสียงดังจ๊วบๆ อย่างเท่าเทียมกัน
“หนูรักคุงพ่อค่ะ/หนูก็รักคุงพ่อค่ะ”
“คุณพ่อก็รักลูกๆ ครับ”
จากนั้นร่างอวบๆ ของสาวน้อยก็ถูงวงแขนกำยำโอบกอดเอาไว้ทั้งสองคนเขารักและถนอมพวกเธอยังกับไข่ในหินในความเป็นพ่อยศสรันเชื่อว่าตนเองทำได้ดีมากแต่ก็ยอมรับว่ายังมีบางอย่างที่พวกแกยังต้องการ การเติมเต็มจากแม่ เขาตัดสินใจแล้วว่าในไม่ช้าไม่นานสิ่งๆ นั้นที่เด็กต้องการกำลังจะกลับมาหาพวกแก แม่ที่เขาไล่ออกไปจากชีวิตเพราะครั้งหนึ่งเคยคิดว่า
‘ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้’
ในขณะที่พี่เลี้ยงอีกสองคนยืนมองภาพความอบอุ่นน่ารักของพ่อกับลูกแล้วหันมายิ้มให้กัน ก่อนจะเข้าไปดูแลเด็กๆ ต่อ ส่วนยศสรันถูกโทร.ตามตัวอีกครั้ง จากเพื่อนสนิทในแก๊งค์อีกคน เพราะตอนนี้ทุกคนรออยู่ที่ผับดังริมชายทะเลหัวหินขาดแต่เขาคนเดียว
โต๊ะเครื่องแป้งสีขาวสไตล์วิลเทจสะท้อนให้เห็นร่างสวยได้รูปของหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงดีไซน์เก๋ เปิดไหล่ จนเห็นผิวขาวอมชมพูแลดูมีออร่า ดวงหน้าใสตกแต่งจนสวยหน้ามอง ยิ่งรวมกับเครื่องหน้าของเธอปากนิดจมูกหน่อยมีพวงแก้มอิ่มทำให้ใครต่อใครได้เห็นต้องเหลียวหลัง
เปมนีย์ปัดมาสคาราเพิ่มความงอนเด้งของขนตาอีกครั้งจากนั้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมออกไปสังสรรค์ ก็ยื่นมือบางไปหยิบมือถือที่วางอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ขณะกำลังจะหย่อนเจ้าเครื่องบางลงในกระเป๋าครัชสีแชมเปญที่ตกแต่งด้วยกริตเตอร์ผสมกับโลหะให้ดูเรียบหรู
ยังไม่ทันจะหย่อนโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋าที่เปิดอ้าไว้ ที่หน้าจอปรากฏแสงวาบขึ้น เปมนีย์มองอย่างชั่งใจก่อนจะเลื่อนนิ้วไปปัดที่หน้าจอทัชสกรีน เสียงที่ดังออกมา ทำให้ดวงหน้าใสมุ่นคิ้ว
“แม่ขา แม่ขา แม่ขารักหนูไหม?”
เปมนีย์นึกอยู่ภายในใจว่าไม่ควรรับสายเลย ครั้งต่อไปเธอจะเม็มเบอร์นี้ว่า ‘เด็กเพี้ยน’ เธอจะได้ไม่เผลอกดรับอีก สองสามวันนี้ มีเด็กน้อย โทร.มาป่วนเธอด้วยการเรียกคนที่เกิดมาแต่ยังไม่เคยอุ้มท้องว่า
‘คุงแม่’
เธอไม่เคยท้อง...ยังไม่เคยผ่านการมีเซ็กซ์สักครั้งเดียว เธอยังเวอร์จิน แต่ก็พยามพูดดีกับเด็กให้แกเข้าใจว่าเธอไม่ใช่แม่แก เพราะคิดว่าแกคงโทร.ผิด แต่ถึงแม้จะบอกทุกวันสามวันติด เด็กก็ยังโทร.มา
“โทร.มาอีกแล้ว ฉันบอกหนูไปแล้วไงจ๊ะ ว่าฉันยังไม่เคยมีลูก หนูคงกดเบอร์ผิดแล้วจ้า”
ปลายสายที่โทร.เข้ามาเสียงน่ารักมาก แม่หนูที่เปมนีย์เข้าใจว่าโทร.ผิดรีบบอกเธอ “หนูโทรไม่ผิดค่ะคุงแม่ คุงพ่อบอกว่าเป็นเบอร์คุงแม่ของหนู”
เปมนีย์ถอนหายใจยาวพรืด “แต่ยังไงฉันก็ไม่ใช่แม่ของหนู คุณพ่อหนูคงให้เบอร์มาผิด”
เด็กน้อยรีบสวน “ไม่ผิดค่ะ คุงพ่อบอกเบอร์คุงแม่จริงๆ”
เปมนีย์มุ่นคิ้ว พ่อของเด็กพูดแบบนี้ได้ไง กำลังจะถามว่าพ่อของพวกแกเป็นใครเรียบมาพูดสายหน่อย
เสียงใสๆ พูดอยู่คนเดียว ก็หันไปพูดกับใครสักคน “พี่อย่าเบียดหนูสิ หนูจะคุยกับคุงแม่” ขณะที่เด็กน้อยอีกคนที่เอาหูมาแนบอยากฟังด้วยรีบบอกว่า “เปิดโฟนสิ พี่ก็อยากฟังเสียงคุงแม่ด้วย”
เปมนีย์ได้ยินเสียงน้อยๆ เขาเถียงกัน “มีสองคนเลยเหรอ” เปมนีย์ทำใจเย็นถามเด็ก
“คุณพ่อของหนูอยู่ไหนคะ ฉันขอพูดสายด้วยหน่อย” เธอจะบอกเขาว่า เขาให้เบอร์ผิด ลูกสาวเขาโทร.มาเรียกเธอว่าคุงแม่ แล้วยังบอกรักเธอทุกวัน
แม่หนูน้อยรีบบอก“คุงพ่อไม่อยู่ค่ะ คุงพ่อออกไปข้างนอกแล้วค่ะ”
เปมนีย์ส่ายหน้า เดาว่าพ่อแม่ของแกคงแยกทาง คนเป็นพ่อคงจะไม่สนใจลูกค่ำมืดแบบนี้ถึงทิ้งเด็กไว้ตามลำพัง ไม่แปลกที่ให้เบอร์ลูกผิด ช่างปล่อยปละละเลยว่าไปแล้วเด็กน้อยก็น่าสงสาร ถึงอย่างนั้นก็เถอะเธอก็ไม่ควรจะรับสมอ้างเป็นแม่ของพวกแก
“โอเค แต่ยังไงฉันก็ไม่ใช่แม่ของพวกหนู พวกหนูโทร.ผิดจริงๆ เอาไว้คุณพ่อกลับมา ลองถามเบอร์คุณแม่จากคุณพ่อของหนูใหม่นะคะ แค่นี้ก่อนนะ ฉันมีธุระจะวางสายแล้ว” ดวงตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาใกล้จะถึงเวลานัดหมายกับแก๊งค์เพื่อน
แต่เสียงใสยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน จนเปมนีย์รู้สึกจุกในอก “หนูคิดถึงคุงแม่จังค่ะ หนูอยากเจอคุงแม่แล้วค่ะ รักนะคะคุงแม่”
เปมนีย์อึ้งพูดไม่ออกจู่ๆ ก็ถูกเด็กบอกรักรัวๆ ไม่รู้จะตอบยังไง “แต่ฉันไม่ใช่แม่หนู” หลายวันนี้เธอย้ำคำนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้แต่เด็กที่โทร.มาไม่ฟังเลย จากนั้นเปมนีย์ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักๆ ของเด็กทั้งคู่ ได้ยินเสียงเด็กคนหนึ่งร้องขึ้นว่า
“พี่ๆ ไปเอานมกลับขึ้นมาแล้ว รีบวางเร็ว”
แล้วจากนั้นสายก็ถูกตัดไปส่วนสาวน้อยคู่แฝดรีบคลุมโปงแกล้งนอนแผ่หราหลับสนิท เพราะพวกเธอจะถูกดุหากพี่เลี้ยงไปรายงานคุณพ่อว่าแอบเล่นโทรศัพท์หลังสามทุ่มซึ่งเป็นเวลาเข้านอน
เปมนีย์ถอนหายใจพรืด จากนั้นกดบันทึกเหมายเลขโทรศัพท์ ตั้งชื่อไว้ว่า ‘เด็กเพี้ยน’ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะโทร.กลับขอไปคุยกับผู้ปกครองของแกสักหน่อยแกจะได้ไม่โทร.มาบอก ‘รักนะคุงแม่’ แบบผิดคนอยู่ทุกวัน
เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องถูกแง้มออกเป็นเกวลีที่แต่งตัวเสร็จแล้ว “เสร็จยังยีนส์ ไม่ต้องแต่งมากก็ได้ แกสวยอยู่แล้ว แกไม่แต่งเลยฉันก็ตายไม่มีที่ยืนอยู่แล้ว”
เปมนีย์หันไปฉีกยิ้มหวานให้เพื่อนสาวหน้าหมวย แล้วลุกผลุผลันจากเก้าอี้ “เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ” ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปสมทบกับเพื่อนอีกสามคนที่ขับรถมารออยู่ที่หน้าบ้าน