บ้านบริรักษ์
เมื่อสองหนุ่มสาวกลับมาถึงบ้านก็ล่วงเลยเวลาไปกว่าสี่ทุ่มสี่สิบนาที ยิหวาลงจากรถก็รีบเดินเข้าบ้านทันทีไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขาคนนั้น
หน้า... ที่แม้กระทั่งตอนหลับตานอนก็ยังจำได้ขึ้นใจ ทว่าเดินมาไม่ทันไรข้อมือหล่อนก็ถูกจับไว้ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีกคะ ยิหวาเหนื่อย อยากพักผ่อน”
“พรุ่งนี้เรียนเสร็จกี่โมง”
ชานนท์ถามเสียงเข้ม จับข้อมือบอบบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“พี่นนท์จะถามทำไมคะ”
“เธอมีหน้าที่ตอบคำถาม ไม่ได้มีหน้าที่ถามกลับ!”
ยิหวาหน้านิ่วที่โดนบีบข้อมือ ได้แต่กัดฟันกรอดอยากจะเกลียดชังเขาให้รู้แล้วรู้รอด หากทำได้สักนิดหล่อนจะรีบทำทันทีโดยไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น หลงรักเขาฝังใจมากี่เดือนกี่ปีแล้วเสียเวลาชะมัด หลงรักคนที่มองความรักของหล่อนเป็นเหมือนเศษขยะ
“ตอบเร็วๆ”
“บ่ายสามโมงตรงค่ะ”
“ก็เท่านั้น” เขายิ้มเยาะมุมปาก ปล่อยมือหล่อนให้เป็นอิสระแล้วเดินเข้าไปในบ้านทิ้งให้ยิหวามองตามน้ำตาเอ่อคลอ ยกมือขึ้นวางทาบหน้าอกข้างซ้าย อีกนานแค่ไหนนะ... หัวใจดวงนี้ถึงจะหยุดเจ็บแปลบทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดแข็งกระด้างจากเขา หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่ทีแรกหล่อนจะไม่มีวันยอมมอบหัวใจให้เขาโดยเด็ดขาด ต่อให้ต้องตายก็จะไม่มอบมันให้เขา!
เช้าวันต่อมา
ยิหวาตื่นแต่เช้ามาทานอาหารเช้าร่วมกับคุณนิลอรคุณรามเป็นประจำ ในขณะทานอาหารเช้าอยู่นั้นยิหวาก็นึกขึ้นได้จึงบอกพวกท่านทั้งสอง
“คุณลุง คุณป้าคะ วันนี้ยิหวาอาจจะกลับบ้านดึกหน่อยนะคะ เผอิญว่าพี่ปุ้มติดต่องานมาน่ะค่ะ”
“เหรอจ๊ะ งั้นเดี๋ยวป้าให้ลุงมิ่งขับรถพาไปนะ”
“เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะ ยิหวานั่งแท็กซี่กลับบ้านเองดีกว่าจะได้ไม่รบกวนคนของคุณป้าด้วย” ยิหวาอธิบายด้วยความเกรงอกเกรงใจ หากเลี่ยงได้หล่อนมักจะเลี่ยงอะไรทำนองนี้เสมอ เพราะแค่หล่อนต้องมาอาศัยบ้านหลังนี้ทั้งที่พักอาศัยทั้งอาหารทั้งสามมื้อก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณพวกท่านยังไงดี
“รถบ้านเราก็มีตั้งหลายคันจะไปใช้บริการรถแท็กซี่ทำไมล่ะหนูยิหวา อีกอย่างกลางค่ำกลางคืนแท็กซี่ไว้ใจได้ซะที่ไหน ให้คนของลุงไปรับไปส่งน่ะดีแล้ว” คุณรามเอ่ยขัดแย้งและให้การสนับสนุนภรรยา ยิหวาเองก็เป็นเด็กที่เห็นมานานตั้งแต่แรกเกิด คุณรามเองก็รู้สึกเอ็นดูยิหวาไม่ต่างไปจากภรรยา
“ป้าก็เห็นด้วยกับคุณรามนะจ๊ะ”
รอยยิ้มของผู้ใหญ่ทั้งสองที่ถูกส่งมาทำให้ยิหวารู้สึกตื้นตันใจจนบอกไม่ถูก มือบอบบางยกขึ้นกระพุ่มไหว้ “ยิหวาขอบพระคุณคุณลุงกับคุณป้ามากนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ทานมื้อเช้าของเรากันเถอะเดี๋ยวข้าวต้มกุ้งจะเย็นซะก่อน”
“ค่ะคุณป้า” ยิหวายิ้มรับแล้วเริ่มต้นทานอาหารเช้า ตลอดการทานมื้อเช้าคุณลุงคุณป้ามักจะมีเรื่องตลกหรือเรื่องราวที่พบเจอมาเมื่อวานเล่าให้หล่อนฟังเสมอ ทำให้หล่อนยิ้มได้จนกระทั่งชานนท์เดินลงจากบนบ้านมาสมทบเท่านั้นบรรยากาศอบอุ่นก็เลือนหายไป
ชานนท์ทานมื้อเช้าไปเงียบๆ กินไปก็ปวดหัวไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ที่ดื่มไปเมื่อคืน
“นนท์” คุณนิลอรเรียกชื่อลูกชายเสียงเรียบราบ มองเจ้าลูกชายตัวดีที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าใคร “แม่ได้ยินพวกลูกน้องคุยกันว่านนท์จะไปภูเก็ตอีกแล้วเหรอ”
“ใช่ครับ”
“ไปทำไมอีกห๊ะนนท์ แม่จำได้ว่าเดือนที่แล้วลูกก็เพิ่งไปภูเก็ตนี่นา”
ชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รวบช้อน หยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแล้วมองหน้ามารดาสลับกับยิหวาตาขวาง
“ลูกน้องหรือคนแถวนี้กันแน่ครับที่เป็นคนคาบข่าวมาบอกคุณแม่!”