“ทำไมนนท์พูดจาแบบนี้ แล้วตอนพูดทำไมถึงมองหน้าน้องแบบนั้น”
“ผมแค่มองหน้าคนขี้ฟ้องมันผิดด้วยเหรอครับ” เขาปรายสายตามองยิหวาอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้น “ขอตัวก่อนนะครับ มื้อนี้ผมไม่เจริญอาหารเอาซะเลย”
“นนท์! แม่ยังพูดไม่จบเลยนะอย่าเพิ่งเดินหนีสิ นนท์! ได้ยินไหมไอ้ลูกบ้า!”
“คุณครับ ใจเย็นๆ ก่อน ช่างหัวมันเถอะอย่าไปใส่ใจเลย” คุณรามปลอบประโลมภรรยาให้อารมณ์เย็นลง ใช่ว่าไม่โกรธ เขาเองก็โกรธไม่แพ้กันแถมยังไม่ชอบใจที่ลูกชายกำลังติดพันผู้หญิงที่ภูเก็ตงอมแงมจนเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกวัน
ดารัณคือชื่อของผู้หญิงคนนั้น เป็นรุ่นน้องร่วมคณะสมัยที่ชานนท์ยังเรียนปริญญาตรีที่ภูเก็ต นานมากแล้วแต่ชานนท์ก็ยังคอยตามจีบอยู่เรื่อยว่างไม่ได้เป็นต้องบินไปภูเก็ตทุกครั้ง
บอกหลายครั้งทะเลาะหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของลูกชายได้ เลยต้องปลงไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของมันดีกว่า
มื้อเช้ากร่อยลงในทันที ยิหวาเขี่ยเม็ดข้าวในถ้วยหลุบสายตามองมองอย่างนั้นเนิ่นนาน เพราะชานนท์เป็นแบบนี้หล่อนถึงได้อยากเรียนจบให้เร็วที่สุด จบได้ในวันนี้พรุ่งนี้ได้ยิ่งดีจะได้ไปอยู่กับมารดาที่อเมริกาสักที หวังว่าเมื่อถึงวันนั้นครอบครัวใหม่ของมารดาจะอยากต้อนรับหล่อนอยู่หรอกนะ ก็สามีใหม่ของมารดาเป็นคนบอกหล่อนเองนี่นาว่าที่บ้านของเขารอต้อนรับหล่อนเสมอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็คงไม่เลวนัก ได้ไปอยู่ต่างประเทศ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และจะได้เริ่มต้นตัดใจจากชานนท์จริงๆ จังๆ สักที
“ยิหวาขอกลับก่อนนะ พอดีเย็นนี้มีนัดถ่ายแบบกับพี่ปุ้ม”
“จ้า เสียดายวันนี้เรามีนัดก็เลยไม่ได้ตามไปส่องพี่แมนที่กองถ่าย คริคริ” เกวลินหัวเราะคิก ส่งยิ้มให้เพื่อนรักไปเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋าไป บรรยากาศในห้องเรียนหลังเลิกเรียนเพื่อนหลายคนส่งเสียงจอแจแต่ก็ไม่น่ารำคาญมากเกินไป
“บ้าน่ากี้ พี่แมนชอบยิหวาต่างหากล่ะ ไม่ชายตามามองกี้หรอก” เป็นเสียงหวานของวนิษา
“อ๊าย! ปากเสียที่สุดเลย”
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ยิหวาไปก่อนนะ กี้ หนูนิ” ยิหวาโบกมือลาเพื่อนรักทั้งสองก่อนจะเดินแยกออกมารอลิฟต์ เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายในการเรียนระดับปริญญาตรีเหลือเก็บเพียงเก้าหน่วยกิตจึงทำให้มีเวลาว่างรับงานถ่ายแบบเพิ่มมากขึ้น พี่ปุ้มใจดีช่วยหางานมาให้เรื่อยๆ ทำให้ยิหวาพอมีเงินเก็บไว้ใช้สอยส่วนตัวโดยไม่รบกวนเงินมารดามากนัก
หล่อนเข้าไปยืนเบียดเสียดกับเพื่อนนักศึกษาหลายคนในลิฟต์รอคอยจนลงมาถึงชั้นหนึ่งรอประตูเปิดก่อนเดินออกไป แต่เพราะรีบเดินออกมากเกินไปทำให้ชนกับชายร่างสูงคนหนึ่งเต็มแรง
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ยิหวารีบคุกเข่าลงช่วยชายคนนั้นเก็บหนังสือมากมายที่ตกเกลื่อนบนพื้น
“ไม่เป็นไรครับผมเก็บเองได้ ขอบคุณมากๆ ครับ” ชายคนนั้นยิ้มให้แล้วปฏิเสธนุ่มนวล แต่ก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ที่หญิงสาวคนสวยยังคงช่วยตนเองเก็บหนังสือ
ยิหวาเองก็ยิ้มตอบ เมื่อเก็บจนหมดจึงลุกขึ้นแล้วส่งหนังสือคืนให้ “นี่ค่ะ หนังสือของคุณ”
“ขอบคุณมากครับ”
“เอ่อ... ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” หล่อนยิ้มบางก้มศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไป ทิ้งให้นายแพทย์ภูวนัยมองตามจนสุดสายตา รู้สึกเอ็นดูผู้หญิงคนเมื่อสักครู่จากใจจริง