รสสวาทพ่อผัวฝรั่ง
ผู้เขียน กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
รสสวาท
พ่อผัวฝรั่ง
พุทธศักราช 2562
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
‘เพ็ญพร’ หญิงวัยสี่สิบห้าปีพร้อมด้วย ‘ไมเคิล’ สามีฝรั่งวัยห้าสิบปีของหล่อนและสะใภ้ชื่อ ‘ระริน’ พากันเดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานีเพื่อส่งลูกชายที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ
“เดินทางปลอดภัยนะลูก… ”
เพ็ญพรกล่าวกับลูกชาย มือเรียวเอื้อมมาแตะไหล่
“ผมฝากรินน์ด้วยนะครับแม่… ”
‘ยุทธ’ ยกมือไหว้ลามารดา สวมกอดกัน ก่อนหันไปหาระรินเมียรักที่ยืนตาแดงอยู่ข้างหลังเพราะแอบร้องไห้มาพักใหญ่ๆ ในวันที่สามีของหล่อนจะต้องจากไปไกลนานนับปี หลังจากได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศนิวซีแลนด์
“รินน์จ๋าอย่าร้องไห้ไปเลยนะ… พี่ไม่ได้ไปนาน”
ยุทธสวมกอดเมียรัก…
หลักสูตรปริญญาโทต้องเรียนสองปีก็จริง แต่ยุทธก็ให้สัญญาว่าจะกลับมาเมื่อมีวันหยุด
“รินน์จะคอยค่ะ… ”
ระรินยกนิ้วขึ้นกรีดน้ำตา…
หล่อนเข้าใจ สามีทำเพื่ออนาคต ถ้าเขาสำเร็จการศึกษากลับมาคราวนี้ โอกาสจะได้รับตำแหน่งหน้าที่เติบโตในชีวิตราชการก็มีมากขึ้น
เสียงประกาศของสายการบินดังขึ้นมาพอดี ได้ยินเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานเรื่องการเดินทาง ขอให้อีกหกคนที่ได้รับทุนและเดินทางไปด้วยกัน มารวมกันที่หน้าประตูผู้โดยสารขาออก
“ผมไปก่อนนะครับลุงไมค์… ”
ยุทธหันมายกมือไหว้ไมเคิล แม้จะเรียกว่าลุงแต่ไมเคิลก็มีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยง
เพราะว่าหลังจากพ่อผู้ให้กำเนิดยุทธเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน เพ็ญพรก็พบรักใหม่กับฝรั่งชาวอเมริกันรูปหล่อนามว่าไมเคิลคนนี้
“เดินทางปลอดภัยนะยุทธ… ”
ไมเคิลสวมกอดกับลูกเลี้ยง
“ฝากแม่กับเมียผมด้วยนะครับ… ”
ยุทธกล่าว
“ไม่ต้องห่วง… ลุงสัญญาว่าจะดูแลทุกคนอย่างดี”
ไมเคิลรับปากหนักแน่น มองส่งจนร่างผอมบางของชายหนุ่มก้าวเข้าประตูไปพร้อมกับเพื่อนๆ ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ในเวลาต่อมา
เสร็จจากส่งยุทธขึ้นเครื่อง ตอนที่ไมเคิลขับรถออกมาจากสนามบิน เวลาก็เย็นมากแล้ว
“เรากลับพรุ่งนี้เช้าดีกว่านะ… คืนนี้เราคงต้องหาที่พักแถวนี้สักคืน… ตอนเช้าค่อยกลับอุดร คุณคิดว่ายังไงคะไมเคิล”
เพ็ญพรกล่าวกับไมเคิล ด้วยสงสารคนที่จะต้องทำหน้าที่ขับรถ เพราะว่าจากสนามบินไปอุดรต้องใช้เวลาเดินทางราวๆ เจ็ดชั่วโมง ระยะทางเกือบหกร้อยกิโลเมตร กลัวคนขับจะอ่อนล้าเสียก่อน
“ก็ดีเหมือนกันที่รัก… ”
ไมเคิลตอบ ที่ไม่ขัดก็เพราะไม่ชอบขับรถในตอนกลางคืนเท่าไรนัก เขามักจะบ่นว่ารู้สึกแสบตากับแสงไฟรถในตอนกลางคืน
“เราจะพักโรงแรมหรือรีสอร์ตดีจ๊ะ… ”
เพ็ญพรหันมาถามสะใภ้ที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“หนูว่าลองไปพักรีสอร์ตริมทะเลบางปูไหมคะแม่เพ็ญ… แถวนั้นมีรีสอร์ตหลายที่ ช่วงนี้เห็นว่ากำลังมีนกนางนวลอพยพมาด้วย”
คนอยากดูนกนางนวล รีบออกความเห็น
“น่าสนใจนะ… ”
ไมเคิลลองเช็คระยะทางด้วยจีพีเอสก็พบว่าไม่ไกล บางปูอยู่ห่างจากสนามบินยี่สิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสามสิบนาที
“ตามใจค่ะที่รัก… ฉันยังไงก็ได้”
เพ็ญพรกล่าว
“งั้นเป็นอันว่าเราไปพักรีสอร์ตแถวบางปูนะ”
ไมเคิลสรุป เมื่อตกลงกันได้จึงตัดสินใจพากันมาหารีสอร์ตริมทะเล
เพ็ญพรเช็คอินที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ราคาไม่แพง สถานที่แลดูกว้างขวางสะอาดสะอ้าน ที่สำคัญอยู่ติดทะเล แต่มีข้อเสียคือเหลือว่างแค่หลังเดียวเท่านั้น
“อะไรนะคะ… เหลือแค่หลังเดียวหรือคะ”
ระรินตกใจ…
กลัวว่าจะไม่สะดวกแน่ๆ ถ้าต้องนอนรวมในห้องเดียวกัน แม้จะแยกสองเตียงก็เถอะ
“ครับ… มีบ้านเป็นหลัง เหลือหลังเดียวแต่มีสองห้องนอนติดกันครับ… ”
เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่กำลังพาเดินมาดูห้องพักกล่าว
ระรินรู้สึกโล่งใจ… เมื่อรู้ว่าจะไม่ต้องนอนรวมในห้องเดียวกับพ่อแม่ของสามี
ในเวลาต่อมา
เสร็จจากมื้อเย็นที่ร้านอาหารริมทะเล เพ็ญพร กับไมเคิลพาระรินเข้ามาที่สถานตากอากาศบางปูเพื่อดูนกนางนวลที่หล่อนอยากเห็น
พากันเดินเล่นไปตามแนวสะพานคอนกรีตสีขาวทอดยาวออกไปกลางเวิ้งน้ำ ขนาบด้วยป่าโกงกางเขียว
“ที่รัก… ทางโน้นมีสะพานเข้าไปดูป่าโกงกาง คุณอยากเข้าไปไหม”
ไมเคิลหันมาชวนภรรยา
“ไม่เอาค่ะ… ยุงน่าจะเยอะ”
เพ็ญพรส่ายหน้า หันมามองระริน
“หนูล่ะ… อยากไปชมป่าโกงกางไหมจ๊ะ”
เพ็ญพรถาม
“อยากค่ะ… หนูอยากเห็นปูก้ามดาบ”
ระรินกล่าว
“งั้นหนูไปกับลุงไมค์นะจ๊ะ… เดี๋ยวแม่นั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟ”
“ค่ะแม่เพ็ญ… ”
ในเวลาต่อมา
บนสะพานไม้เก่าๆ ยื่นยาวเข้ามาท่ามกลางป่าโกงกางเขียวขจี เสียงคลื่นสาดซัดเข้าหาฝั่งดังโครมครืนอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ระรินกำลังเดินชมนกชมไม้และปลาตีนอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ ก็มีงูเขียวตัวหนึ่งบังเอิญตกลงมาจากกิ่งไม้ ใกล้ๆ กับที่หล่อนกำลังยืนมองปูกล้ามดาบวิ่งไล่กันอยู่ในปลักเลน
“ว้ายยยย… ”
ระรินกรีดร้องด้วยความตกใจ ขยับตัวเร็วจนร่างเซถลา
“หนูรินน์… ”