เป็นครั้งแรกที่แกรนด์ดยุคฮาซานเดินทางมาขอเข้าพบกับองค์จักรพรรดิบาร์ตัน และแน่นอนท่าทีของบาร์ตันนั้น เขายินดีต้อนรับฮาซานด้วยความเต็มใจอย่างถึงที่สุด
"..สวัสดีครับท่านอา ขออภัยที่วันงานพิธีบรรลุนิติภาวะของเอลิ ข้ามิได้ไปร่วม.."
ฮาซานยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม เขาปรายตามองหน้าของบาร์ตัน ก่อนจะแสยะยิ้มขึ้นมา
"ในใจของข้านั้นค่อนข้าง..คาดหวังมากทีเดียวบาร์ตัน สิ่งที่ข้าคาดหวังนั่นก็คือเจ้าจะสามารถทำอย่างไรให้เอลิซ่าเป็นจักรพรรดินีของเจ้าได้ ข้าก็เลยตั้งความหวังกับความสามารถของเจ้าเอาไว้สูงเชียวล่ะ"
ราวกับว่ามีน้ำเย็นๆมาสาดที่ใบหน้าของบาร์ตัน รอยยิ้มพลันจางหายไปจากใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา พร้อมกับแววตาที่จ้องมองไปยังฮาซานที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนไป
"ท่านอา..ท่านน่ะเสียนางไปแล้ว"
"หึ..ยังหรอก ยังเร็วไปที่จะคิดเช่นนั้น แต่เจ้า..จะเสียนางไปอย่างแน่นอนบาร์ตัน"
"ข้าพยายามแล้วท่านอา ข้าพยายามเข้าหาท่านเพื่อที่บางทีเราอาจจะใช้คำพูดที่สวยหรูพวกนั้นในการพูดคุยกันมากกว่าที่ข้าและท่านจะพุ่งเข้าหากันอย่างป่าเถื่อน เอลิซ่าไม่ชอบเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว ข้าก็เลย..ไม่คิดว่าจะกระทำมัน.. ข้าดีเลิศถึงเพียงนี้ มีตรงไหนกันที่ไม่คู่ควรกับนาง?"
ฮาซานมองหน้าของบาร์ตัน...
เจ้าเด็กคนนี้กับเอลิซ่า..มีบางอย่างที่กำลังทำผูกพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ด้วยกัน มัน..อาจจะเป็นคำสาปแช่งหรือว่าโชคชะตาที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า
แต่ทว่าไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะเป็นอะไร เขาล้วนไม่ยินยอม...
เอลิซ่าดีเกินกว่าที่นางจะสามารถรับมือคนในพระราชวังไหวและขุนนางที่เขี้ยวลากพื้นพวกนั้นอีก ส่วนไอ้เด็กเวรบาร์ตัน หมอนี่ไม่สามารถปกป้องเอลิซ่าได้หรอก
เขาถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะลุกขึ้น
"ขอบคุณสำหรับน้ำชา.."
"ท่านอา..ข้าอยากได้เอลิซ่ามาเป็นจักรพรรดินีจริงๆ ข้าน่ะต้องการนาง.."
ฮาซานหรี่ตามองหน้าบาร์ตันก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา
"บาร์ตันเจ้าต้องการเอลิ..เจ้าต้องการนางมาอยู่ด้วย เรื่องนั้นข้าเข้าใจ แต่เจ้าไม่เคยบอกสักครั้งเลยว่าเจ้านั้น..รักนาง ในใจของเจ้ามันร่ำร้องว่าเจ้าต้องการนาง แต่ทว่ามันไม่เคยมีสักครั้งที่ในใจของเจ้ามันจะบอกว่าเจ้ารักนาง..ข้าศรัทธาในความรักมากและตราบใดที่ข้ายังอยู่ อย่าได้หวังว่าข้าจะยินยอมมอบเอลิให้เจ้า"
รัก?
เราจะต้องการความรักไปทำไมกัน เมื่อมันมีอะไรที่สำคัญมากกว่านั้น อย่างเช่นการอยู่ด้วยกัน เขาอยากได้เอลิซ่า อยากให้นางมาอยู่เคียงข้างและอยากให้นาง..สัมผัสเขา
ไม่ต้อง..รักกันก็ได้...
ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้น เราจะต้องรักกัน เขาต้องรักเธอและเธอต้องรักเขาสิ มันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่รึไง เราควรจะรักกัน..
ต้องรักกัน!! เธอต้องรักเขาสิ!!
......
หลังจากผ่านไปสองเดือนเอลิซ่าก็ยินยอมเปิดประตูห้องออกมา ที่ด้านหน้าห้องมีคาเมลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาโอบกอดเธอเอาไว้
ท่านเอลิซ่านั้นผอมลงมากทีเดียว ราวกับว่าท่านมิได้กินอะไรเลย ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง
เราจะแบ่งเวลากันในการเฝ้าหน้าห้องของท่านเอลิซ่าไว้ เผื่อที่เวลาประตูบานใหญ่นี้เปิดออกมา จะได้มีคนอยู่กับเธอ
เขาอุ้มเธอขึ้นมาโดยที่ไม่เอ่ยถามสิ่งใดแม้แต่ครึ่งคำ คาเมลพาเอลิซ่าเดินไปยังห้องอาหาร เขาจัดการตักโจ๊กและขนมปังมาวางเอาไว้เบื้องหน้าของเธอ
"..ขอบคุณ"
"ต้องให้ข้าป้อนด้วยรึเปล่าครับ"
เพราะเธอดูไร้เรี่ยวแรงขนาดที่แม้แต่ช้อนคันเล็กๆก็ไม่น่าจะยกขึ้นไหว
"ก็ดี..เหมือนกัน"
เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งลงบนตัก ก่อนจะโอบกอดเธอเอาไว้เพื่อให้เอลิซ่าเอนหลังไปซบลงบนไหล่ของเขา คาเมลตักโจ๊กใส่ช้อนก่อนที่เขาจะป้อนเธอช้าๆ
"หลังจากทานเสร็จแล้ว ข้าจะพาท่านไปอาบน้ำนะครับ"
ไม่ใช่คุณหนูแต่ว่าเป็นท่านอย่างนั้นหรือ แม้แต่คาเมลเองก็ยังคงเปลี่ยนคำเรียกขานเธอแล้วสินะ พอคิดถึงน้ำตาก็พานจะไหลลงมาเอาดื้อๆ
"ได้สิ"
"เราทุกคนเป็นห่วงท่านมานะครับ ทั้งคาดินันอาเชน่า ท่านเอิร์ลลามอนซ์ ท่านเอลิซ่าสำคัญมากสำหรับเรา.."
เธอรู้ และเพราะรู้ถึงได้พยายามลุกขึ้นมาจากเตียงที่นอนร้องไห้อยู่นานหลายเดือน
"คามิล..เป็นอย่างไรบ้าง"
นั่นคือคำถามที่เอลิซ่ารู้ดีว่าเธอจะต้องเจ็บปวดกับคำตอบอย่างแน่นอน แต่ทว่าในใจก็ยัง...อยากรู้ เธออยากเห็นท่านพ่อมีความสุขกับสตรีที่ท่านพ่อรัก และลูกสาว..ตัวจริง
"มัน..ค่อนข้างยากที่จะอธิบายครับ คามิลเปลี่ยนไปเยอะเลย ในช่วงที่ผ่านมา ท่านแกรนด์ดยุคและแกรนด์ดัชเชสมีปากเสียงกันตลอด เพราะท่านแกรนด์ดยุดแทบจะไม่เคยอยู่ที่คฤหาสน์เลย ท่านเอาแต่ตามหาท่านเอลิซ่า..เรา..กลับไปที่นั่นกันเถอะครับ"
คำตอบของคาเมลนั้นน่าแปลกใจไม่น้อย เพราะปกติแล้วท่านพ่อควรจะต้องมีความสุขกับครอบครัวที่พลัดพรากสิ ท่านพ่อจะมาสนใจเธอไปทำไมกัน..
ทว่าความอบอุ่นสายหนึ่งกลับพัดผ่านเข้ามาในหัวใจ หรือเป็นเธอที่หวาดกลัวไปเอง เป็นเธอที่..หนีออกมาโดยไม่คิดรับฟังความจริง
มันอาจจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ แต่ทว่า..นี่คือความตั้งใจตั้งแต่แรก
เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่แย่งชิงพื้นที่ของท่านหญิงคามิลตัวจริง แล้วจะให้ทำใจโลภในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองได้อย่างไรกัน
เธอจะกลับไปหาท่านพ่อ แต่จะไม่กลับไปเป็นท่านหญิงคามิลอีกแล้ว..
ระหว่างเรา ถ้าหากว่าความรู้สึกของเธอและท่านพ่อยังคงอยู่ บางทีเธออาจจะยังสามารถเป็นลูกสาวบุญธรรมของท่านพ่อต่อไปได้
โดยที่ไม่ต้องเข้าไปอยู่ที่คามิล เพื่อให้ท่านพ่อและสตรีที่ท่านพ่อรักต้องผิดใจหรือว่าเกิดความอึดอัดต่อกัน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเอลิซ่า หลังจากความเจ็บปวดที่กัดกินอยู่ในหัวใจได้อันตรธานหายไป หัวใจก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
"ว่าแต่ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างนั้นหรือคาเมล ในเมื่อเจ้าเป็น.อัศวินของคามิล.."
"ข้าลาออกแล้วครับ ไม่มีเซอร์คาเมรอนอีกแล้ว ตอนนี้ข้าคือคาเมลองครักษ์ประจำตัวของท่านเอลิซ่า..ที่ข้าเคยกล่าวปฏิญาณเอาไว้ข้ามิได้พูดเล่นนะครับ"
"ได้ที่ไหนกัน! ใครใช้ให้เจ้าลาออกมา.."
เสียงหัวใจ มันใช้ให้เขาต้องมาที่นี่ มาอยู่เคียงข้างและมาปกป้องเธอเอาไว้จากทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเดินทางถาโถมเข้ามา
"ความรักและความภักดีของข้า..สั่งให้ข้ามาครับ อันที่จริงเกวนเองก็ต้องการที่จะลาออกด้วย แต่ข้าห้ามนางเอาไว้..จำเป็นที่จะต้องมีคนที่นั่นเพื่อเป็นสายข่าวให้เราครับ เผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น..."
เอลิซ่าหัวเราะเบาๆ
"สายข่าวอะไรกัน เจ้าทำราวกับว่าข้าจะไปยึดคามิลอย่างนั้นแหละ"
"หากว่านั่นมันคือความต้องการของท่านเอลิซ่า ข้าก็ยินดีครับ"