แต่ที่ทำให้แปลกใจเลยคือเธอไม่เห็นคนขับ เพราะเบื้องหน้าปิดทึบหมด มีเพียงจอ LCD เอาไว้ดูหนังฟังเพลง ลิ้นชัก เหนือจอ LED ขึ้นไปเป็นปุ่มกลมๆ คล้ายที่จับแล้วก็ปิดทึบเป็นหนังสีดำ เธอเดาไม่ถูกว่ามันคืออะไร แล้วจะคุยกับคนขับได้อย่างไรในเมื่อปิดทึบขนาดนี้ เมรินทร์ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจวิเคราะห์ความหรูหราในรถ อยากเดาเหลือเกินว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทว่าตอนนี้ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ พยายามประคองสติให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่ไหวจนต้องเอนหลังพิง
“เอ่อ คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าบ้านอยู่ที่ไหน ผมจะได้พาไปถูก” เซดริกถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา เธอจึงบอกจุดหมายปลายทางที่จะไปให้กับเขาได้รู้ จากนั้นเขาจึงขยับตัวและเอื้อมมือไปจับเจ้าปุ่มที่เธอสงสัย จากนั้นเขาก็เลื่อนขึ้น ให้ตายมันคือหน้าต่างเหมือนในหนังเลย เธอคิด ขณะที่เขาก็บอกทางคนขับรถพร้อมให้ใช้ GPS ด้วย เมื่อเรียบร้อยแล้วเขาก็ปิดหน้าต่างลง แล้วขยับมานั่งกับเธออีกครั้ง และรู้สึกว่าคนขับรถได้เคลื่อนรถออกไปแล้ว แต่รถนิ่มเหลือเกิน
“ผมว่าคุณไม่ไหวแล้ว จะเอนหลังสักหน่อยก็ได้ครับนะครับ” เซดริกบอกเมื่อเห็นเธอมีอาการมึน ๆ อึน ๆ ตาปรืออีกต่างหาก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ง่วงแค่มึนเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่าคุณก็เมานะ” เธอบอกและถามด้วยความเป็นห่วงเขา
“ผมว่าคุณเมามากกว่านะครับ ไม่น่าจะแค่มึน” เขาตอบ
“ค่ะ น่าจะเรียกว่าเมา” น้ำเสียงของเธอหม่นลงอีกครั้ง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
“แบบนี้แปลว่าตั้งใจเมาใช่ไหมครับเนี่ย หือ” อันนี้เขาถามด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ
“หึ ๆ ก็เพื่อนพามาเที่ยวทั้งที นั่งดื่มน้ำส้มอย่างเดียวก็ไม่ใช่ สาว ๆ เมาด้วยกันก็คงสนุก แต่บังเอิญว่า...”
“บังเอิญว่ามีผู้ชายอย่างผมเข้ามาแทรก แถมเลี้ยงไวน์อีก”
“น่าแปลกนะคะ แม้จะรู้ว่าแอลกอฮอล์หรือความเมา ไม่ได้ทำให้ความทุกข์ของเราหมดไป เราก็ยังดื่ม เพียงเพราะอยากสนุกอยากหัวเราะให้ตัวเองหายเครียด พอสร่างเมาก็จำความทุกข์ได้เหมือนเดิม” ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดความนัย ซึ่งเป็นที่มาของความเมาจริงๆ ด้วย
“คุณตั้งใจเมาจริง ๆ ด้วย เอ่อ ถ้าไม่รังเกียรติผม ระบายมาได้นะครับ แลกเปลี่ยนปัญหากัน” เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเธอก็เอนหลังเหยียดตัว แล้วเอียงคอมองหน้าเขาทันที ดวงตามีแววหวานเป็นประกายยั่วยวนแบบคนเมา จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโอเค มันเป็นเรื่องครอบครัวน่ะ” เธอไม่อยากเล่าให้ฟังเขา เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว และฟังเท่านี้เขาก็ไม่อยากถามต่อให้เสียมารยาท แต่ถ้าเธอยินดีเล่า เขาก็ยินดีฟังเช่นกัน
“บางทีการได้ระบายมันช่วยให้ความอัดอั้นหายไปได้เหมือนกันนะครับ” ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งทำให้เธออึดอัดใจอยากจะพูด แต่... เธอจะพูดทำไมนะ
“แล้วคุณล่ะคะ มาเที่ยวผับ แล้วมาเมาแบบนี้เพราะอะไร มีปัญหาครอบครัวหรือเปล่าคะ” เธอถามกลับ ซึ่งนั่นล่ะทำให้เขาหุบยิ้มเล็กน้อย
“ก็ตามประสาผู้ชายน่ะครับ ชอบเที่ยว” เขาเองก็ไม่ตอบเหมือนกันนั่นแหละ
“แล้วเมาตลอดหรือเปล่าคะเนี่ย”
“หึๆ เมาตลอดแหละ เพราะดื่มเยอะ ผมก็มีเรื่องให้เครียด อยากลืมสักพัก แต่เวลาคุณเมาแล้ว คุณเซ็กซี่นะรู้ไหม” เขายิ้มแล้วเอียงคอมองเล็กน้อย เธอจึงปรายตามองแล้วยิ้มกับคำว่าเซ็กซี่ของเขา พร้อมกับเลียริมฝีปากที่แห้งผากไม่ได้ตั้งใจยั่วแต่มันยั่ว
“ผู้ชายปากหวานแบบคุณทุกคนไหมคะ ฉันว่าน่าจะนะ” เธอถามพลางเบือนหน้ามองออกไปนอกรถ
“ก็ปากหวานเหมือนกันทุกคนนั่นแหละครับ แต่สำหรับผม ผมชมจากใจจริง คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น”
“หึ ๆ ถามจริง คนเมาเซ็กซี่ตรงไหนหรอคะ น่าเกลียดจะตาย” นี่เธอถามด้วยอาการยั่วยวนเหลือเกินให้ตายสิ แล้วขาจะอดใจไหวไหมเนี่ย
“ก็... ตรง...” เขาไม่รู้จะพูดอย่างไร ขณะที่เธอรอฟัง แต่เขาก็ปรายตามองเป็นระยะ ทว่าสายตาของเขานี่แหละที่ทำให้หวั่นไหว ความรู้สึกแบบนี้มันอันตรายสำหรับเธอมาก เหมือนเขาร่ายมนตร์ให้มื้อไม้อ่อน ไม่สามารถเบือนสายตาไปทางอื่นได้เลยนอกจากมองเขา
“ตรงดวงตาของคุณ แล้วก็...” เขาบอกว่าดวงตาของเธอเซ็กซี่ทว่ายังไม่จบ
“แล้วก็อะไรคะ” เธอถามเหมือนอยากรู้ให้ได้ แต่เขาไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มกริ่มแล้วยื่นหน้าเข้าใกล้ๆ ก่อนจะเอานิ้วโป้งแตะที่เรียวปากนุ่ม เกลี่ยนิ้วแผ่วเบาจนเธอเผยอปากด้วยความลืมตัว มองสบตาเขาเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ เขาอาศัยจังหวะที่เธอนิ่ง ก็ก้มลงไปฉกจูบที่ปากอิ่มทันที ทำเอาเธอช็อคเหมือนถูกไฟช็อต ดวงตาเบิกโพลงเมื่อเขาจูบแนบแน่น พร้อมกับขยับเรียวปากขบเม้มดึงให้เธอเผยอ เพื่อให้เข้าไปสัมผัสลึกล้ำกับความหวานของเรียวลิ้น ทว่าเขาหยุดเอาไว้เพียงเท่านี้เหมือนอยากจะกระตุ้นไฟ และหยั่งเชิงจึงได้ถอนจูบออกเพียงเล็กน้อย
พอเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องหน้าและหายใจหอบพร่า และเพราะความยั่วยวนจากดวงตาคู่งามทำให้เขาอดใจไม่ไหว ใช้มือเชยคางมนขึ้น แล้วกดจูบที่ปากอิ่มอีกครั้ง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ส่งผลไปให้อารมณ์พุ่งพล่าน ไร้การควบคุมโดยสิ้นเชิง กระตุ้นให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนอย่างรุนแรง และร้อนอย่างห้ามไม่ได้ ทำให้จูบแรกจากคนแปลกหน้าเร่าร้อนดูดดื่ม ชนิดที่ควบคุมไม่อยู่ ร่างกายอ่อนละทวยแทบยกมือดันเขาออกไม่ไหว พร้อมกับเสียงหายใจหอบพร่า เพราะเขารุกเร้าจนหายใจแทบไม่ทัน กระทั่งเธอต้องจูบตอบเพราะเตลิดไปไกล สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้ว
“อืม” เสียงครางต่ำของเขาดังอย่างพอใจ ขณะที่เรียวลิ้นร้อนกำลังส่งผ่านปากอิ่ม เข้าไปสัมผัสและดื่มด่ำกับความหวานของลิ้น ไร้เดียงสา ปลายลิ้นควานไปมาเร่าร้อน พลางสอนให้เธอได้รับประสบการณ์ใหม่ ด้วยการเกาะเกี่ยวตวัดกันและกัน แค่เพียงจูบอันลึกล้ำก็ทำให้เธอซ่านสยิวทั้งตัว ดวงตาพร่าเลือนลืมตาไม่ขึ้น เหมือนตกอยู่ในภวังค์ คล้ายกำลังหลับตาฝัน เธอไม่รู้ว่าตัวเองเมามากแค่ไหน แต่มือเรียวจากที่วางแหมะไว้บนไหล่กว้างนั้น ลูบไล้แผงอกของเขาแผ่วเบา เขาเองก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ปรารถนาจะเชยชมเธอให้สมใจยาก ยิ่งเธอไม่มีแรงสู้ ไม่มีสติเช่นนี้ก็ยิ่งได้ใจ
จากมือที่เชยคางและประคองใบหน้าอยู่ ก็ลูบลงมาจนถึงเนินอกอวบ เขาลูบเบาๆ ขดเขี่ยนิ้วแกร่งกับปลายถันให้เธอสยิวกาย จนต้องแอ่นลำตัวเล็กน้อย พร้อมกับเสียงครางในลำคอ ร่างกายของเธอตอบรับโดยธรรมชาติ ก็ยิ่งหยุดไม่ได้กระทั่งฝ่ามือหนาลูบลงมาจนถึงหน้าท้อง เลยมาจนถึงสะโพกและน่อง ชั่วอึดใจที่ทำให้เธอแทบสะดุ้งคือเขาสอดฝ่ามือล้วงลึกเข้าไปใต้ชายกระโปรงสั้น
“อืม” เธอครางอู้อี้ คล้ายจะทัดทานพร้อมกับหนีบขาเอาไว้ แต่เขากลับสอดฝ่ามือลึกเข้าไปจนสัมผัสกับอันเดอร์แวร์ พร้อมกับลูบไล้เนินเนื้อนุ่มนั้น และกดปลายนิ้วเน้นหนัก พลางนวดคลึงจนเธอจั๊กจี๋และเสียวจี๊ด ร่างกายร้อนรุ่ม เสียงหายใจก็หอบพร่า ขณะที่มือแกร่งก็นวดเน้นที่กลีบกุหลาบช่องามหนักหน่วง เหมือนกระตุ้นไฟปรารถนาในกายสาวให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเธอไม่เคยพานพบ ทำให้ครางอื้ออึงในลำคอ หดเกร็งร่างกายเพราะกายส่วนนั้นกำลังถูกสัมผัสรุกเร้า ยิ่งเป็นครั้งแรกก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มสะท้านจนขนลุก เสียวไปทั้งท้องน้อย และหยุดไม่ได้
“อืม” เธอครางออกมาอีกครั้ง ขณะที่เขาปล่อยเรียวปากให้เป็นอิสระ พร้อมกับซุกไซ้ใบหน้าไปตามพวงแก้ม ซอกคอ และดูดเม้มเบาๆ เธอก็ได้แต่หายใจหอบพร่า และหลับตาราวกับไม่ได้สติ เหมือนกำลังปล่อยให้เขาจัดการทุกอย่าง เธอเหมือนตกอยู่ในความฝัน เสียวซ่านจนขนลุก และรู้สึกได้ว่ากายส่วนนั้นเสียวและเปียกแฉะ จนเขาเองก็สัมผัสได้ว่าอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วเปียกชุ่ม แต่เขายังคงใช้มือลูบไล้กดเน้นตรงกลางกลีบนุ่ม พร้อมกับใบหน้ารุกเร้าลงมาจนถึงทรวงอกผ่านชุดเดรสที่ยังไม่ได้ถอด