“นิโคลัส!”
เสียงอุทานแหบเบาลอดจากริมฝีปากระริก ภิณไลย์ญารู้สึกชาไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นเงาเข้มบนใบหน้าคร้ามคมของคนที่เธอไม่นึกอยากพบและไม่คิดว่าจะได้พบเขาในเวลาแบบนี้ นิโคลัสยืนนิ่ง เรือนร่างสูงใหญ่ของเขาสง่างามท่ามกลางแสงไฟสปอร์ตไลต์ที่สาดส่อง แต่หากปราศจากแสงสว่างเขาก็คือซาตานในเงามืดของหญิงสาว ชายหนุ่มหยัดยิ้มหากเธอรู้ว่ามันหาใช่ความจริงใจแม้แต่น้อย เขาเอียงคอก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“สวัสดี...พริตตี้แสนสวย”
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“แล้วคุณล่ะ มาที่นี่ทำไม”
“จำเป็นด้วยหรือคะที่ฉันต้องรายงานให้คุณทราบ”
เพราะแค่เห็นหน้าเธอก็อึดอัดจะแย่ แต่แล้วร่างสูงสมาร์ทกลับถือวิสาสะก้าวเข้ามาก่อนหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ ทำเอาภิณไลย์ญายิ่งประหลาดใจ เธอกระเถิบออกห่างแต่เก้าอี้ตัวนั้นมีพื้นที่นิดเดียวทำได้ก็แค่เกร็งตัวเพราะแขนแกร่งและขาแข็งแรงของเขาเบียดชิดด้านข้างหญิงสาวที่แทบกลั้นลมหายใจด้วยไม่นึกว่าคนที่ตั้งข้อชิงชังรังกียจเธอนักหนาจะพาตัวเองเข้ามาชิดใกล้ เธอได้ยินเสียงของเขาดังในลำคอขณะใบหน้าหล่อเหลาเอียงมาทางร่างเล็ก
“ถึงไม่บอกผมก็รู้ว่าคุณมาทำไม ขอแสดงความเสียใจด้วยนะเรื่องน้องชายของคุณ”
“พิทย์ยังไม่ตาย” หญิงสาวเสียงแข็งก่อนมีสีหน้าเหมือนนึกอะไรได้ “แล้วคุณรู้ได้ยังไง...ที่คุณมาที่นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมคะ คุณนิโคลัส”
“รู้ก็ดีแล้ว เพราะเวลาผมทำอะไรมันมักเกิดจากความตั้งใจเสมอ ผมถือคติว่าโลกนี้ไม่มีความบังเอิญ”
คำตอบของจอมอหังการเสมือนว่าเขากำลังใจเย็นทว่าภิณไลย์ญากลับรู้สึกกดเกร็งไปทั้งตัว มือเรียวบางที่ประสานบนตักเย็นเฉียบเพราะ เธอไม่เคยอยู่ใกล้ชิดนิโคลัส ซาเวียร์มากขนาดนี้ มันหาใช่ความตื่นเต้นแต่เหมือนกำลังอยู่ใกล้ชิดกับราชสีห์ที่จ้องขย้ำเหยื่อ ทั้งอึดอัดและกดดัน เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะมาไม้ไหน
“คุณรู้เรื่องน้องชายฉันได้ยังไง”
“หึ...มันไม่ได้เกิดจากความบังเอิญหรอกนะที่ผมรู้ว่าน้องชายของคุณประสบอุบัติเหตุหนักและต้องผ่าตัดใหญ่ เพราะลาริมาร์เป็นคนบอกผม”
“ถ้าอย่างนั้นคุณคงอยากจะมาดูสินะคะว่าเขาตายหรือยัง”
“โอ...เปล่าเลย...ใครจะคิดเรื่องแบบนั้น”
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม”
หญิงสาวหมดความอดกลั้น เธอหันไปจ้องหน้าเขาที่อยู่ห่างไม่ถึงสองคืบทำให้ได้เห็นหน้าเจ้าพ่อแวดวงยานยนต์ของอเมริกาชัด ๆ นิโคลัสมีส่วนละม้ายคล้ายกับคริสต์น้องชายของเขามาก ทว่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความหล่อเหลาของเขาสะกดสายตาของใครก็ตามที่พบเห็น โครงหน้าคมสันใต้กรอบเรือนผมสีทองแดงจัดและนัยน์ตาท้าแสงคู่นั้นสะท้อนความมุ่งมั่นกล้าแข็ง ถึงจะเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของคริสต์หากทว่านิโคลัสนั้นมีความดุดันและเด็ดขาดกว่า ภิณไลย์ญารู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจเพราะใต้สำนึกเธอมองเห็นเงาของใครคนหนึ่งซ้อนทับอยู่ภายในนั้น นิโคลัสเลิกมุมปากขึ้น
“ผมแค่อยากมา”
“แค่นี้ใช่ไหมคะ เพราะถ้าไม่มีอะไรจำเป็นฉันจะกลับ”
“คุณยังไปไหนไม่ได้”
“เอ๊ะ!”
หญิงสาวร้องออกมาเมื่อไหล่ของเธอถูกลำแขนแกร่งโอบและกดต้นแขนเอาไว้ด้วยมือหนา เขาเบียดตัวเข้าหาพร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงมา
“ตอนนี้คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นถ้าเราไม่ได้ทำความตกลงกันเสียก่อน”
“ทำความตกลง...นี่คุณพูดเรื่องอะไร ไม่มีอะไรที่ฉันต้องตกลงกับคุณ...ปล่อยฉันนะ!”
ภิณไลย์ญาพยายามสะบัดไหล่ออกจากมือหนาหนักแต่ยิ่งขืนตัวนิโคลัสก็ยิ่งกดเธอไว้จนแนบชิดตัวเขา ร่างเล็กอิงแอบกับอกกว้างของร่างสูงโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวนิ่วหน้าขณะเหลือบมองว่ารอบ ๆ นั้นจะมีใครสักคนหรือไม่หากก็ไม่เห็นเงาของใครเลย ชายหนุ่มคำรามลึกในลำคอก่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน
“คุณควรจะทำตัวให้น่ารักหน่อย มิสภิณไลย์ญา อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณกำลังประสบปัญหาอะไรอยู่”
“ฉันกำลังถูกคุกคาม! นี่ยังไงล่ะคือปัญหาของฉัน”
“เปล่าเลยยาหยี ที่ผมมานี่เพราะอยากช่วยเหลือคุณต่างหาก”
“ว่ายังไงนะ”
หญิงสาวหยุดขัดขืนเพราะคำพูดของเขาทำให้เธอย่นคิ้วด้วยความฉงน หากแต่นิโคลัสกลับแสยะยิ้ม เขาหรี่นัยน์ตาสีทองแดงเข้มมองเธอ ผู้หญิงใบหน้าหวานจัดที่น้องชายของเขาหลงใหล ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ราวกับว่าความรู้สึกของเขาวูบไหวไปชั่วขณะ เพียงเสี้ยวลมหายใจเท่านั้นที่เขารีบดึงความแน่วแน่ของตัวเองกลับคืน
“คุณฟังไม่ผิดหรอก ที่ผมมาที่นี่เพราะต้องการยื่นข้อเสนอที่คิดว่าคุณจะไม่มีวันปฏิเสธได้อย่างแน่นอน”
“ข้อเสนออะไร?”
เขาเลิกคิ้วสูง “น้องชายของคุณประสบอุบัติเหตุและต้องผ่าตัดใหญ่ เชื่อแน่ว่าคงต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว และแค่ไอ้ค่าตัวกระจอกที่คุณได้รับจากการโชว์ตัวเป็นพริตตี้ไม่มีวันพอเป็นค่ารักษาน้องชายคุณอย่างเด็ดขาด ผมจะออกค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้ แต่...ต้องแลกกับข้อเสนอบางอย่าง”
“ข้อเสนอ...”
“เป็นผู้หญิงของผม”
“ไม่!”
“คุณปฏิเสธไม่ได้หรอก!”
คราวนี้เขาเปลี่ยนจากโอบไหล่เป็นกอดร่างเล็กไว้แน่น นัยน์ตาสีทองแดงเข้มเป็นประกายกล้าดุดันในฉับพลันที่หญิงสาวพยายามขัดขืน น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงกว่าเดิม เมื่อผละจากเขาไม่ได้ร่างเล็กจึงจ้องด้วยสายตาเอาเรื่อง