นับครั้งไม่ถ้วนที่ประกายแก้วละเมอเรียกหาสามี
“พี่อินครับ ไม่ใช่พี่ตุลย์”
อินทัชพร่ำบอกน้ำเสียงขมขื่น ก้มวงหน้ารักใคร่ลงใกล้คนป่วยจนเรียวปากเกือบแนบชิดติดกัน สำรวจรอบกรอบหน้างดงามของลูกสาวอดีตนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เขาเข้าเวรดึก ยอมแลกเวรขับรถกว่าครึ่งเมืองตามมาดูแลตามคำขอญาติผู้น้อง นอกจากประกายแก้วไม่ตื่นมาสนใจแล้วยังเอาแต่ละเมอหาผู้ชายคนนั้นที่มันไม่เคยสนใจไยดี
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยหญิงสาวสนิทกับอิงลดา เจอกันบ่อยตอนที่แวะไปรับญาติผู้น้อง แอบชอบประกายแก้วที่สวย รวย เก่ง ตามจีบหญิงสาวนานนับสองปี ไม่คืบหน้า หยุดนิ่งอยู่กับที่เพราะประกายแก้วมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร
สารภาพรักในวันจบการศึกษา ถูกปฏิเสธไม่ไยดี อินทัชถืออีโก้ตัวเองว่าเรียนจบหมอ ทั้งโกรธและอับอาย ด่าประกายแก้วรุนแรงว่าจนแล้วไม่เจียม เพราะธุรกิจที่บ้านหล่อนประสบปัญหาการเงิน กลายเป็นจุดแตกหักถึงขั้นไม่มองหน้ากัน
“เรียกหามันอยู่ได้! บอกแล้วไง! พี่ไม่ใช่พี่ตุลย์!” สวนกลับเสียงทุ้ม
“สมน้ำหน้าน้องแก้ว! ที่คิดผิด แต่งงานกับมัน แต่งแล้วมีความสุขเหรอ ก็ไม่! ยัยอิงเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว เขาไม่สนใจไยดีน้องแก้ว แม้แต่เศษความรัก เศษสายตาก็ไม่มีให้ อยากโง่เลือกมัน ถึงวันที่ถูกมันเฉดหัวทิ้ง จะซมซานกลับมาหาพี่หรือเปล่า! พี่ถามว่าจะซมซานกลับมาหาพี่หรือเปล่า!?” ยิ้มเย้ยหยัน แลบลิ้นเลีย เบียดขอบปากเปียกน้ำลายแนบลงบนหน้าผาก เลื่อนมาจูบหนักหน่วงบนริมฝีปากเรียวบาง ลมหายใจหญิงสาวติดขัด พ่นลมร้อนออกมาหลังเขาถอนจูบ อยากจูบให้แรงกว่านี้ เอาให้ปากบวมปากเจ่อจนคนในบ้านสงสัย หรือถ้าจะให้สุดกว่านั้น ลักหลับบนเตียงตนุภัทรคงสาแก่ใจ
“ถ้าน้องแก้วไม่ยอมตอบ! งั้นพี่จะตอบให้เอง!”
สูดกลิ่นกายสาวฉ่ำปอด ลากนิ้วมือไปตามกรอบหน้า มโนภาพร่วมรักรุนแรงทำเขาเสียวซ่าน บังคับป้อนจูบหวานฉ่ำแฝงอารมณ์ดิบเถื่อนให้หญิงสาวที่ป่วยหนัก ล็อกกรอบหน้าจูบหญิงสาวต่อเนื่อง ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ฟ้อนเฟ้นทรวงอกใต้เสื้อนอน มันทั้งอวบ นิ่ม พอดีมือเสียจนเขาต้องถอนจูบมาสำรวจเรือนร่าง เกี่ยวสายเสื้อนอนเลื่อนลงไปกองบนเอว อกอวบขาวอมชมพูดีดเด้งสู้สายตา หมอหื่นตาถลน คอแห้งไม่เหลือน้ำลายให้กลืน ขย้ำมือบนหน้าอกไม่พอ เขาจะใช้ปากกับหล่อน แต่ก่อนริมฝีปากร้อนจะงับลงบนยอดสีสวย หมับ! มือหนึ่งคว้าเข้าที่ต้นคอเหวี่ยงร่างทั้งร่างลงจากเตียง
หมออินไม่มีโอกาสเห็นหน้าคนทำ กระติกน้ำร้อนขนาดใหญ่ฟาดใส่กลางหน้า เลือดสดไหลออกจากรอยแตกบนหน้าผาก
“อ๊ากกก” หมออินส่งเสียงร้องเจ็บปวด ดิ้นทุรนทุรายบนพื้นห้องนอนต่อหน้าตนุภัทร ที่ง้างกระติกน้ำร้อนเตรียมจะฟาดซ้ำ
“อย่าหวังเลย ว่ามึงจะได้ออกจากบ้านกูทั้งที่ยังมีชีวิต!”
“อย่า! ผมยอมแล้ว!” หมออินไม่สู้ ยกมือร้องขอชีวิต ลุกขึ้นได้คว้ากระเป๋าอุปกรณ์การแพทย์วิ่งออกไปด้วยใบหน้าโชกเลือด
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย! อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีกนะ! ไสหัวออกไป กล้ากลับมาเหยียบบ้านกู กูจะเอาผ้าห่อศพมึงฝังไว้หลังบ้านกู!”
โครม! หมออินหลบกระติกน้ำร้อนที่ลอยมาบนอากาศ วิ่งลงบันไดเวียนเร็วจนจะหน้ามืดวูบตกบันไดลงไปคอหักตาย
“ว้าย! คุณหมอ! หน้าคุณหมอไปโดนอะไรมาคะ”
ป้าอ้วนตกใจที่เห็นหมอวิ่งลงบันไดมาด้วยสภาพนั้น หมออินไม่อธิบาย วิ่งหนีไม่คิดชีวิตผ่านป้าอ้วนออกไปเอารถ
“เสียงอะไรแม่อ้วน” คุณตวนกับคุณพริ้มเพิ่งกลับไปพักในห้องนอนไม่ทันไร รีบออกมายืนที่เดิม
“หมออินหัวแตก วิ่งเลือดอาบหน้าออกไปค่ะ”
“หัวแตก!” สองสามีภรรยาตกใจ
ก่อนป้าอ้วนและท่านทั้งสองจะขึ้นบันไดเวียนไปชั้นสอง
“เวรเอ๊ย!” ตนุภัทรยกเท้าเตะเปรี้ยงเข้าที่เศษหูจับกระติกน้ำร้อน กระทืบเท้ากลับห้อง ไม่สนใจฟังเสียงป้าอ้วนกรีดร้องโวยวายด้านล่าง เขาอารมณ์เสียเกินกว่าจะตามลงไป กลัวขาดสติยกเก้าอี้ไม้ฟาดใส่ซ้ำจนมันหัวแตกตาย ขยะแขยงพฤติกรรมของคนที่ได้ชื่อว่าหมอจนอยากจะอ้วก
ทั้งที่ประกายแก้วไม่ได้สติ ไอ้หมอหน้าเหี้ยกลับกระทำชั่วช้ากับหล่อน เข้ามาเห็นตอนที่มันนั่งข้างประกายแก้ว เคลื่อนไหวร่างกายแปลกๆ จะว่ารักษาก็ไม่น่าใช่ เข้าไปดูใกล้ๆ เห็นตำตา กระติกน้ำร้อนกลายเป็นอาวุธชั้นดี รู้ตัวอีกทีก็ฟาดใส่หัวมันไปแล้ว อิงลดาจะรู้หรือเปล่า ว่าพี่ชายตัวเองพฤติตัวชั่วช้าคิดมิดีมิร้าย สนิทกันมากด้วยสิ เรียนด้วยกัน จบมาแล้วยังทำงานในบริษัทของเขาด้วยกัน ก็บริษัทเขานี่แหละ
ตนุภัทรเข้ามาถึงปลายเตียง แต่แล้วเขากลับก้าวเขาไม่ออก ร่างกายสูงใหญ่กำยำของชายฉกรรจ์วัยสามสิบสอง แข็งค้างราวกับถูกแช่เฉียบพลันในอุณหภูมิติดลบหนึ่งพันองศาเซลเซียส จ้องมองซาลาเปาเต้านม ตามันวาวเกือบถลนออกจากเบ้า หื่นกระหายไม่แพ้หมออิน แก้มแดง แอบมองประกายแก้วนอนทอดกายหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ เปิดเปลือยเต้านมขาวนวลเนียนสีผิวสม่ำเสมอทั่วเรือนร่าง ทรวงอกอวบ ฐานสูงน่าจะเท่า...
จินตนาการมือคู่นี้จู่โจมฟ้อนเฟ้นทรวงอก มีเอฟเฟกต์เสียงประกายแก้วครางตอบสนองตอนที่เขางับยอดจุกสีชมพู เขาไม่รู้ตัวว่าเผลอเลื่อนมือลงไปนวดคลึงเป้ากางเกง ปลอบลูกชายให้นิ่งไว้ อย่าขยับ ลองผงกหัวออกมาจะตบให้หมอบ มันสั่งได้ที่ไหนกันเล่า กำหนัดปลุกติดตั้งแต่ในโรงพยาบาลด้วยมือพินต้า
เขาไม่ควรมีอารมณ์ กับประกายแก้ว ยิ่งไม่ควรมีไปกันใหญ่
รู้จักประกายแก้วกับพ่อแม่หล่อนมานาน เห็นหน้ากันตั้งแต่หล่อนยังเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียว โตมาเป็นสาวสวย น่ารัก มีชื่อเสียงในกลุ่มหนุ่มๆ ทายาทนักธุรกิจ แต่ในอดีตเขารักหวานชื่นกับพินต้าจึงไม่สนใจ แต่งงานกันแล้วก็ไม่คิดจะสนใจ มองประกายแก้วเป็นแค่น้องสาว ที่ต้องให้เกียรติ และห้ามล่วงเกิน แต่พับผ่า น้องสาวนมใหญ่ตรงสเปกเพศชายไปหรือเปล่า ทำตัวไม่ถูก กลับไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เก้งๆ กังๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กระทืบพื้นไม้ขึ้นบันไดมาบนชั้นสอง กายสูงใหญ่พุ่งพรวดทีเดียวไปถึงเตียงนอน ตลบผ้าห่มลากขึ้นคลุมอก เวลาเดียวกับที่บิดามารดารุดผ่านประตูเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมสภาพบ้านถึงได้พังเละเทะอย่างนั้น”
“โกรธแม่ถึงขั้นทำร้ายหมอ ทำลายข้าวของในบ้านเลยเหรอ!” คุณตวนถามหาเหตุผล ต่างจากคุณพริ้มที่จ้องเอาเรื่อง
“คุณแม่เห็นผมเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ไม่เอาน่าตุลย์ สภาพกระติกน้ำร้อนพังเละเทะ มิหนำซ้ำแม่อ้วนยังเล่าว่าหมออินหัวแตกเลือดอาบหน้า แม่แค่ตกใจ”
“สมองมันไม่ถูกฝังด้วยลูกปืนก็ดีแค่ไหนแล้ว! คุณพ่อรู้หรือเปล่าว่าไอ้อินทำอะไรกับแก้ว ไอ้หมอเวรนั่น มันอาศัยช่วงไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ แอบจูบแก้ว ถอดเสื้อแก้วจะทำอนาจาร!”
“ตาเถร! หมออินทำแบบนั้นจริงเหรอคะคุณตุลย์” ป้าอ้วนกรีดเสียงร้อง เกาะติดสถานการณ์แอบฟังหลังประตู
“ใส่ความหรือเปล่า ตาอินเป็นพี่ชายเพื่อนหนูแก้ว จะกล้าทำเรื่องบัดสีในบ้านคนอื่นเชียวเหรอ”
คุณพริ้มหันมาเค้นถามลูกชาย ยังไม่หายโกรธเรื่องที่ทอดทิ้งภรรยานอนให้ซมไข้ ออกจากบ้านกลางดึกไปแรดกับยัยพินต้า
“ผมจะใส่ความมันไปเพื่ออะไร! ถ้ามันไม่ได้ทำอย่างที่ผมพูด คุณแม่คิดเหรอว่ามันจะวิ่งหนีไป คนธรรมดาทั่วไปถูกทำร้ายต้องสู้กลับ หรือไม่ก็ป่าวประกาศว่าจะเอาเรื่องสิถึงจะถูก!”
“หมออินอาจจะกลับไปตั้งหลักก่อนกลับมาเอาเรื่องก็ได้ ถึงยังไงเขาก็ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บในเขตบ้านเรา แม่ไม่ชอบที่ตุลย์หุนหันพันแล่น เลือดร้อน ทำตัวเหมือนวัยรุ่น!”
“คุณแม่กำลังจะบอกให้ผมดูมันดูดปากดูดนมลูกสะใภ้แม่ โดยไม่ทำอะไรงั้นเหรอ! แก้วป่วยอยู่นะ! นอนไม่ได้สติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายเพื่อนสนิทเรื่องน่ารังเกียจกับร่างกายตัวเอง!”
“แม่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น!” คุณพริ้มกรีดเสียง
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้นแล้วอย่างไหน หรือคุณแม่ต้องการหลักฐาน ผมมี จะเปิดให้ดูตอนนี้เลยก็ได้ ใต้ผ้าห่มนี่ไง! แม่มาดูเองจะได้เห็นชัดๆ ว่าไอ้หมออินของแม่ทำอะไรกับแก้ว!”
“แม่ก็อยากรู้ ว่าจะจริงอย่างที่ตุลย์พูดหรือเปล่า หรือพูดเพราะหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนเรื่องที่ออกไปหาแม่พินต้าเน่า!” คุณพริ้มท้าทาย จะรุดเข้าไปใกล้เตียงทว่าถูกคุณตวนคว้าแขนไว้
“พอได้แล้ว ถึงหนูแก้วจะเป็นลูกสะใภ้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ไปล่วงเกินเปิดดูร่างกายขณะที่เธอไม่มีสติ เรื่องหมออินเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ยกหนูแก้วให้ตุลย์ดูแล คุณกับผมกลับไปพักผ่อน”
“อยากพักก็ไปพักคนเดียวสิคะ! ฉันจะอยู่ดูแลลูกสะใภ้ของฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าลูกชายคุณจะเต็มใจดูแลหนูแก้ว ไม่แน่ว่าพ้นสายตาเรา อาจจะหนีกลับเข้าห้องตัวเอง รังเกียจเดียดฉันท์ลูกสะใภ้ที่ฉันหาให้นัก ก็จะไม่ขอร้องให้กลับมาเหลียวแล ฉันดูแลลูกสะใภ้ของฉันเองได้ ส่วนเจ้าตัวอยากไปดูแลใคร ก็ตามสบาย!”
โอ๊ย ตาย! คนกลางบีบนวดขมับข้างศีรษะแก้ปวด ดื้อทั้งแม่ลูก ไม่มีใครยอมใครแล้วเรื่องจะไปจบลงที่ตรงไหน
“ตุลย์! หยุด!” คุณตวนสั่งให้ปิดปาก ห้ามพูด ห้ามเถียง
“ถ้าไม่เชื่อฟังพ่อในสถานะพ่อ ก็ควรเชื่อฟังพ่อในสถานะเจ้านาย! เพื่อความสบายใจของแม่ พ่อขอสั่งให้ตุลย์เลิกติดต่อกับหนูพินต้า และดูแลหนูแก้วจนกว่าจะหายป่วย คำสั่งพ่อถือเป็นคำขาด ถ้าไม่ทำตาม พ่อจะสั่งปลดแกจากทุกตำแหน่งในบริษัท!”
รองประธานหนุ่มอนาคตไกลกัดฟันกราม
“ถ้าเข้าใจก็ขานรับสิ!”
“รับคำสั่งครับท่านประธาน!”
“สบายใจแล้วใช่ไหม จะได้ไปนอนสักที”
คุณตวนมีประชุมใหญ่ประจำปีตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ต้องการพักผ่อน ปกติแล้วท่านไม่ค่อยขึ้นเสียงกับภรรยา ยกเว้นหนนี้
“ค่ะ” ทะเลาะไปก็เหนื่อยเปล่า พยักหน้าว่าพอแค่นี้ก็ได้ คุณพริ้มเชิดหน้าสูง มองข้ามหัวคนโง่ชอบกินของเน่าเหม็นไปทางหญิงสาวที่นอนซมไข้ รู้สึกผิดที่พรากชีวิตวัยสาวไปจากประกายแก้ว ผู้หญิงในช่วงวัยนี้ปรารถนาความรักหวานชื่น มีคนรักอยู่ข้างๆ หรือหากแต่งงาน ก็ปรารถนาจะได้รับความรักความเอาใจใส่ ในเมื่อลูกชายท่านมอบความสุขให้หญิงสาวไม่ได้ คุณพริ้มไม่ต้องการกักขังผู้หญิงที่รักเสมือนลูกไว้ในบ้านนี้ ตำแหน่งลูกสะใภ้ประกายแก้วครอบครองมาเกือบสองปีในไม่ช้าคงต้องยุติลง