" ที่แท้ท่านใช้เพลงหมัดเย้ยยูไลนี่เอง เป็นจอมพิสดารอันดับสอง หัตถ์เงาเซียนใช่หรือไม่ ! "...
เด็กสาวกล่าวพลางยกขลุ่ยสะบัดตั้งรับไปพลาง จนผ่านไป30กระบวนเพลง หัตย์เงาเซียนจึงยินยอมผ่อนปร่น รั้งพลังกลับแล้วเข้ามารวมกลุ่มกับเหล่าชาวยุทธ ที่ดูการประลองอย่างไม่วางตา
" นางมารน้อย !...เจ้าใช้เพลงกระบี่เคลื่อนดาราจักรจริงๆ เจ้าไปขโมยร่ำเรียนมาจากที่ใด "
หัตย์เงาเซียนลดท่าที่ดือดดาล กลับมาจ้องมองนางด้วยแววตาพินิจพิเคราะห์
เพราะการปะมือกันสามสิบกระบวน ได้ทำให้รู้ว่าไม่สามารถมีชัยชนะต่อนางอย่างง่ายดายนัก
" คิก คิก คิก…เหตุใดข้าพเจ้าต้องขโมยร่ำเรียนด้วยเล่า !...หากอยากรู้ว่าข้าร่ำเรียนมาจากที่ใด สมควรไปถามกับศิษย์ท่านเองเถิด …เจ้าคนโฉดหลิวหงเหินอยู่ร่วมกับข้าพเจ้ามาสามเดือน ย่อมสามารถยืนยันให้ท่านเชื่อถือได้กระมั้ง ! "
ที่นางเอ่ยถึงหลิวหงเหินเพียงเพื่อหาพยานสนับสนุน โดยนางไม่ทันเฉลี่ยวใจเลยว่า การเอ่ยชื่อชายเมามายผู้นั้นจะกลับเป็นเรื่องร้ายแรงนัก
ชนชาวยุทธต่างร้อง ฮือ !...เมื่อได้ยินชื่อหลิวหงเหินหลุดจากปากนาง ผสานกับใบหน้าโกรธขึงของหัตย์เงาเซียน ที่มีดวงตาลุกโพลงดั่งเพลงกาฬ
" เจ้าว่าไอ้คนอกตัญญูนั่นอยู่ที่นี่อย่างนั้นรึ !...ประเสริฐ…ประเสริฐยิ่ง !..." มันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวเสียงกร้าว
" เอะ !...ท่านเป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้มันแท้ๆ เหตุใดเรียกมันเป็นคนอกตัญญูเล่า ? "
คำถามใสซื่อของนาง ทำเอาเหล่าชาวยุทธหน้าถอดสี บางคนถึงกับก้าวถอยห่างจากหัตย์เงาเซียนด้วยสีหน้าซีดเผือกหวาดหวั่น
" ข้าไม่มีศิษย์ชั่วช้าอย่างมัน ห้ามเจ้าเอ่ยชื่อมันอีก ! "
พลังวัตรมันถ่ายทะลักไปกับเสียงตวาดดังลั่น จนฝุ่นผงลอยคลุ้งราวเกิดพายุโหมเข้ามาในพื้นที่ !...
…หลิวหงเหินมองอากัปกิริยาของอาจารย์รองด้วยใจสะทกสะท้านยิ่ง
มันล่วงรู้เหตุแห่งความโกรธเคืองของอาจารย์เป็นอย่างดี แจ่มแจ้งในใจว่าเหตุใดจึงเรียกมันว่าคนอกตัญญูโดยไร้เยื้อใยปานนี้
กับคนอย่างหัตย์เงาเซียนที่จงรักษ์ภักดีต่อราชวงศ์ต้าหลี่หมดจิตหมดใจ ย่อมชิงชังข้าหลวงราชวงศ์หมิงยิ่งกว่ามูลโค เมื่อหลิวหงเหินเข้าสอบเป็นบัณฑิตในต้าหมิง นับเป็นคนอกตัญญูต่อความนับถือของอาจารย์แล้ว
ยังไม่นับที่หัตย์เงาเซียนทั้งรักทั้งเทิดทูลตวนผิงผิงประหนึ่งองค์หญิงน้อย การที่หลิวหงเหินหักหาญน้ำใจนาง ทำตัวเป็นคนเสเพลไร้แก่นสาร ยิ่งนับเป็นชายชั่วช้าไม่อาจให้อภัย
หลิวหงเหินได้แต่ระบายยิ้มข่มขื่น ไม่อาจหลั่งน้ำตาโอดครวญ และไม่อาจหัวร่อเย้ยหยัน มันได้แต่เก็บงำความจริงไม่ให้ผู้ใดรับรู้
ตราบเท่าที่ตวนผิงผิงอยู่อย่างปลอดภัย ไร้ทุกข์จากราชวงศ์หมิง ต่อให้คนทั้งโลกประนามเหยียดหยามมัน ยังนับว่าคุ้มค่าแล้ว…
อาการหม่นมัวของชายหนุ่ม พลันต้องสลายลงฉับพลัน เมื่อมันเห็นลูกศรสิบกว่าสายพวยพุ่งไปพร้อมควันสีเหลืองอ่อนทอดยาวไปตามแรงลูกศร
" ผิดท่าแล้ว !...ลูกศรพรางพราย ! "
หลิวหงเหินอุทานด้วยความแตกตื่น พลางเผ่นโผนไปยังจุดที่ปล่อยลูกศรควัน
ทว่าหลิวหงเหินเพียงลำพัง ยังเชื่องช้ากว่าหนึ่งร้อยนักธนูที่ระดมปล่อยลูกศรควันให้พวยพุ่งเข้าไปตกในหมู่ชาวยุทธ
เพียงพริบตาควันสีเหลืองพลันลอยคุ้งปกคลุมไปทั้งพื้นที่ จนเหล่าชาวยุทธต้องวางความขัดแย้ง แล้วเร่งรีบปัดป่ายหมอกควันประหลาดให้พ้นไปจากกาย หากการปัดป่ายนั้นหาได้ช่วยเหลือประกายใด ยิ่งนานควันหม่นมัวยิ่งแน่นหนา จนไม่อาจมองเห็นหนทาง
" อย่าได้แยกแตกกลุ่ม รวมตัวกันไว้ "
หัตย์เงาเซียนเตือนก้องเมื่อเห็นสหายชาวยุทธ เริ่มระส่ำระสายจากเหตุเปลี่ยนแปลง
" คิก คิก คิก…มารวมเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันจะกลับกลายเป็นเป้านิ่งไปนะท่านจอมพิสดาร ! "
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กสาวทั้งยั่วยุ ทั้งกวักเรียกสติผู้คน จนละล้าละลังไปตามกัน
" นางมารน้อยอย่าได้มาก่อกวน "
หัตย์เงาเซียนไม่ทันร้องปราบให้จบคำ พลันต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสธนูนับร้อยสายที่ยิงเข้าใส่กลุ่มคนทุกทิศทุกทาง
ทุกผู้คนล้วนชักอาวุธแกว่งไกวเข้าคุ้มครองกาย ทั้งอมิตาร์และเจินจีซีต่างควงขลุ่ย วาดดาบสะบัดไล่ลูกศรนับร้อยนับพันไปไกลตัว
สถานการณ์คุกกรุ่นบีบคั้น เลือดไหลนองอาบพื้นไปพร้อมๆกับมีคนล้มคว่ำกับพื้นที่ละคนสองคน
กระทั้งม่านควันแหวกเป็นโพลง มากับร่างนายทหารสะพายธนูสามนายลอยละล่องแหวกควันมาเป็นทางยาว พุ่งตกลงไปกระแท้พื้น
" ซียี้ อมิตาร์ รีบมาทางนี้โดยไว ! "
หลิวหงเหินตะโกนเรียกสองแม่นาง ทั้งที่ยังกวัดแกว่งสองดัชนีปลดปล่อยพลังวัตรฝ่าอากาศ พุ่งทลายเหล่าทหารให้กระเด็นกระดอนไปคนแล้วคนเล่า
" เจ้าคนโฉด !...พวกเราถูกกลศึกปิดประตูจับพยัคฆ์ใช่หรือไม่ " เด็กสาวโจนทะยานไปหาหลิวหงเหิน พร้อมกับขลุ่ยในมือร่ายไหวสกัดทหารเกราะเงินที่ดาหน้าเข้ามา
" ไม่อาจนับว่าปิดประตูตายนัก ยังมีทางรอดช่องทางนี้ตรงยังค่ายทิศเหนือ ท่านทั้งคู่รีบพาชาวยุทธหนีไปทางนั้นเถิด ! " ชายหนุ่มร่ำร้องไปกับท่วงท่าพลิ้วไหวเลื่อนไหลยิ่ง
" เหตุใดข้าต้องช่วยเหล่าคนโฉดพวกนี้ด้วยเหล่า ? "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เจ้าจะขึ้นเป็นเจ้าสำนักคุ้นลุ้นได้อย่างไร ถ้าปราศจากเหล่าลูกศิษย์หลานศิษย์ทั้งหลาย "
" ประเสริฐยิ่ง !...ครานี้นับว่าเจ้าช่วยเหลือข้าแล้ว ! "
เด็กสาวกล่าวลิงโลด พร้อมกับเร่งท่าร่างกลับไปหาเหล่าชาวยุทธ ปากก็ร่ำร้องให้ตามนางไป
" รบกวนแม่นางอมิตาร์ช่วยเหลือซียี้อีกแรงเถิด จะอย่างไรนางยังอายุเยาว์วัยยิ่ง เกรงว่าจะควบคุมเหล่าชาวยุทธไม่ได้ดั่งประสงค์ ! " หลิวหงเหินเคลื่อนตัวไปหาแม่นางชุดเหลือง ทั้งที่สองดัชนียังปลดปล่อยพลังปราณ สายตายังจับจ้องมองอาจารย์รองด้วยความห่วงใย
" เหตุใดข้าต้องช่วยคนพวกนี้ด้วยล่ะ ข้าไม่ได้อยากเป็นเจ้าสำนีกใดทั้งสิ้น ! " อมิตาร์กล่าวกระแทกกระทัน ซ้ำยังมีรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างที่หลิวหงเหินคุ้นเคย
" หากเป็นท่านยิ่งต้องรีบเร่งช่วยเหลือพวกมัน เพราะถ้าไม่มีคนเหล่านี้ โอกาสที่ท่านจะได้พบฉางยิ่นจะลดน้อยลง !...เพราะมันเป็นอาวุธพิษของปรมาจารย์พิษ ที่สร้างมาบ่อนทำลายชาวยุทธ ไร้กลุ่มคนเหล่านี้จะให้มันไปทำภารกิจกับผู้ใด "
" เจ้านี่นับว่าลากจูงเหตุผลได้เชี่ยวชาญนัก เป็นอันว่าข้ายินยอมช่วยคนพวกนี้สักครา ! " นางกล่าวรวบรัด พร้อมสายตาเง้างอนก่อนจะโลดแล่นตามเจินซีจีไป
ส่วนหลิวหงเหินพลันกลับเข้ามาหาเหล่าทหาร โดยใช้วิชาคว้าจับกุญชรยึดแขนหนึ่งทหารควงหมุนร่างมันต่างโล่ บุกฝ่าเข้าไปใจกลางเหล่าทหาร แล้วใช้พลังวัตรคว้าจับเหล่าทหารที่ดาหน้าเข้ามาให้พัวพันในกระแสพลัง จนพวกมันนับสิบคนถูกลากจูงหมุนวน กลายสภาพเป็นกงจักรมนุษย์ เวียนวนเป็นวงกว้าง ดึงดูดเอาทั้งควันทั้งผู้คนม้วนหมุนเป็นเกลียว ราวโพรงพายุควันตั้งตระหง่านเป็นเสาควันสูงท่วมขึ้นดึงฟ้า
เหล่าทหารล้วนตะลึงมองเสาควันอันแผ่ขยายขึ้น ขยายขึ้น ดั่งพบเวทย์มนต์ของปีศาจร้ายก็ไม่ปาน
" จัดเตรียมธนูไฟ รีบยิ่งใส่เข้าไปในกลุ่มควันทันที "
ชายในเกราะเงินร่างสูงโย่งตะโกนสั่งเหล่าทหารด้วยน้ำเสียงแกร่งกร้าวรุนแรง
" แต่ภายในนั้นยังมีพวกเราอยู่นะครับ "
" บัดซบ !...ข้าบอกให้ยิงก็ต้องยิง ! "
หัวหน้าในเกราะเงินตวาดสนั่นไหว พร้อมกับกระโจนไปคว้าลูกศรไฟมาวางพาดสายเข้ากับธนู
" ยิง ! "
คำสั่งเฉียบขาดเลื่อนลั่นไปกับลูกศรเพลิงนับสี่สิบสาย พุ่งเข้าใส่กลุ่มพายุควัน ดุจดั่งดาวตกเร่าร้อนทะลวงทะลาย
ลูกศรถูกระดมยิงอีกสองครา กว่าพายุควันจะหยุดนิ่งไปพร้อมเสียงโอดครวญ กับภาพร่างมนุษย์ติดไฟวิ่งระเกะระกะเวียนวนไป
" ยิงซ้ำพวกมันให้หมด "
คำสั่งครานี้ทำเอาพลธนูแน่นิ่ง เพราะที่เห็นติดไฟอยู่ล้วนเป็นสหายร่วมรบ ที่รอนแรมกลางนทีมากับพวกมันทั้งสิ้น
" ข้าบอกให้…."
หัวหน้าพวกมันไม่ทันกล่าวสั่งให้จบความ ก็ต้องชะงักคำลงกลางคัน เมื่อเกิดสายลมสีครามพวยพุ่งออกจากหมู่มวลมนุษย์เพลิง ทะยานเข้าหามัน
เพียงพริบตาลำคอมันพลันถูกตะปบด้วยอุ้งมือแกร่งกร้าว ข้อแขนก็ถูกบิดจนคันธนูร่วงหลุดลงไปกระแทกพื้น
" ท่านหัวหน้าแปดเหตุใดอำมหิตนักเล่า ?...เหล่าทหารก็ล้วนมีเลือดเนื้อ ไม่ใช่ผักปลาหรอกนะ "
" บัณฑิตหลิว ! "...หัวหน้าองครักษ์อันดับแปดกล่าวตะกุกตะกัก เมื่อเห็นแน่ชัดว่าตนตกอยู่ในมือบัณฑิตบอบบาง ที่มันดูถูกดูแคลนตลอดมา
" ท่าน ท่าน ท่าน !..." มันกล่าวด้วยริมฝีปากสั่นเทา ดั่งอับจนปัญญา ไม่กล้าแม้แต่จะสั่งการใด
ท่ามกลางสถานการณ์อันผลันแปร เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวราวฟ้าถล่มทลาย มาทุกทิศทุกทาง
ชั่วอึดใจขบวนทหารในชุดเกราะหนังเร่งฝีเท้ามาทางขวา ส่วนด้านซ้ายปรากฏขบวนทหารในชุดเกราะเหล็กสีเทาถือขวานหนาหนักดาหน้ามา
" กบฏหลิวหงเหินรีบปล่อยท่านแปดเดี๋ยวนี้ โทษหนักจะกลับกลายเป็นเบา ! " ผู้กล่าววาจาเป็นชายร่างใหญ่ใบหน้ากร้านดำ ดวงตาเหลือกโปน มันเป็นหัวหน้าองครักษ์อันดับสี่นาม 'หลงสู่ ' ฉายา ' ขวานมัจจุราช '
พลขวานกว่าร้อยตั้งแถวประจันหน้า ส่วนอีกด้านมีพลทหารถือหอกยาว เรียงต่อเป็นแนวตรึ่งวงกลมดาหน้ามาเรียงแถวต่อกัน
" อย่าได้เสียเวลากับสุนัขไม่รู้ที่สูงที่ต่ำเลยพี่สู่ พวกเรารวมกำลังจับกุมสุนัขชั่วช้านี้เถิด "
ผู้กล่าววาจาเป็นชายหัวล้านเลี่ยน สวมเกราะหนังจระเข้ มีหนวดเคราชี้ตั้งชัน สองมืออันกำยำถือลูกตุ้มเหล็กดาวตก ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ กระหายสงครามจนออกนอกหน้า ในหมู่ชาวยุทธตั้งฉายามันว่า ' ดาวตกสลายภพ ' จัดเป็นหัวหน้าอันดับเจ็ดแห่งวังเมฆาขจี
" ยังไม่ทันเจรจาถามไถ่ ก็จะลงไม้ลงมือกันเลยรึท่านเจ็ด "....หลิวหงเหินกล่าวเยือกเย็นทั้งที่ใจเต้นระส่ำ สายตาสอดส่ายหาทางรอด ท่ามกลางกองทหารนับสามร้อยนายในบริเวณ
" ชิ !...คนชั่วช้าเช่นเจ้าเหตุใดต้องเสียเวลาเอ่ยวาจา พี่สี่พวกเรารีบจับมันเถิด " ดาวตกสลายภพยังคงพูดเร่าร้อน พลางกระโดดออกมายืนอยู่หน้ากองทหาร สองมือตั้งขวางฆ้อนดาวตกทั้งคู่ เตรียมจู่โจมทันทีทันใด
หัวหน้าสี่ที่ดูสุขุมกว่าก็โดดมาอยู่หน้ากองทหาร พร้อมตวัดขวานด้ามเคื่องวูบวาบไปมา
หลิวหงเหินรู้สึกถึงภาวะบีบคั้นคับขันยิ่ง ด้านหน้ามีพลขวานพลทวน ด้านหลังมีพลธนูนับร้อย จะมีเพียงด้านบนแถบยอดไม้ที่ยังพอมีทางรอดหลงเหลือ
แต่แล้วความหวังของมันพลันพังครืน เมื่อมีเหล่ากองทหารในชุดแพรสีแดงสด โลดแล่นมายึดยอดไม้ไว้ทั่วบริเวณ
โดยผู้พลิ้วกายมายึดเกาะอยู่เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวร่างแบบบาง ใบหน้าคมคาย ดวงตาหลี่ยาว
" เยียบเย็นไว้ท่านสี่ท่านเจ็ด จะอย่างไรวันนี้หลิวหงเหิน แม้มันมีปีกก็บินหนีไม่พ้นหรอก "
ในมือมันถือแส้เงินสะท้อนแวววับจับตา มันมีฉายา ' จิ้งจอกเงิน ' จัดเป็นหัวหน้าอันดับสามแห่งวังเมฆาขจี
เพียงมันขยับแส้ในมือ เหล่าทหารที่ยึดเกาะต้นไม้ต่างยกดาบสั้นบ้าง หน้าไม้บ้าง ตระเตรียมโรมรัน
" ช่างเป็นวาสนาของหลิวหงเหินนัก ที่ชักนำให้สี่ยอดองครักษ์มาต้อนรับถึงชายป่า " ชายหนุ่มยังทำใจดีสู้เสือ กล่าวแย้มยิ้มพร้อมกับปลดปล่อยพลังวัตรฝ่ามือ จนหัวหน้าแปดร้อนละอุไปทั้งกาย
" บัณฑิตหลิว ภายในเรือเรามีสุราเลิศรสหลากหลาย ท่านสมควรปลดปล่อยหัวหน้าแปด แล้วเราไปร่วมร่ำสุรากันสักคราเถิด "
จิ้งจอกเงินกล่าวด้วยแววตาคมวาวราวนักล่า มุมปากมันยกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างย่ามใจ เหมือนจิ้งจอกร้ายหยอกล้อเหยื่ออันโอชะก็ไม่ปาน
" อืม !....นับว่าเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมนัก เอาเป็นว่าท่านรับตัวหัวหน้าแปดไปก่อนเถิด "
โดยไม่มีใครคาดคิด !...หลิวหงเหินพลันจับหัวหน้าแปดโยนขึ้นไปหาจิ้งจอกเงิน ราวกงจักรมนุษย์หมุนคว้างกลางเวหา
จิ้งจอกเงินพลันกระโดดขึ้นใช้แส้ตวัดม้วนร่างหัวหน้าแปด แล้วโผผินไปลงยังพื้น
เพียงอึดใจที่ทุกคนแตกตื่น หลิวหงเหินพลันลอยตัวขึ้นฟ้า พร้อมใช้วิชาดัชนีนารีเป็นอื่นปลดปล่อยพลังลมปราณฝ่าอากาศ สิบแปดสิบเก้าครั้งติดๆ ปล่อยกระแสไปหลายทิศทางราวถูกผู้คนโจมตีจากสิบแปดสิบเก้าทิศทาง จนผู้คนสับสนรนราน
หลิวหงเหินใช้โอกาสเพียงอึดใจ ทุ่มเทท่าร่างเผ่นโผนผ่านหัวไหล่ ของเหล่าทหาร โจนทะยานไปรวดเร็วเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองทัน
ถึงกระนั้นกองเกาทัณฑ์ยังปล่อยศรพุ่งติดตามไป
จิ้งจอกเงินรู้สึกเสียเชิงผู้คนเป็นคราแรก เพลิงโทสะบันดาลขึ้นจนหน้าแดงฉาน มันตะโกนลั่นสั่งการดั่งมัจจุราชหมายวิญญาณ
" ตามมันไปโดยไว ไปเอาหัวมันมาให้ได้ ! "...