" จะจ้องให้ทะลุเสื้อผ้าเลยรึไง ?…รีบเข้าเถอะเดี๋ยวหมอนั้นจะใช้ไทม์แมชชีนอีกแล้ว !”….
นางพรั่งพรูถ้อบวิปลาศพิสดาร จนผู้คนรอบบริเวณต่างแตกตื่นยิ่งกว่าเจอภูตพรายเสียด้วยซ้ำ
“ แม่นาง…มาหลับนอนในสถานที่แบบนี้ เกรงว่าจะไม่สบายตัวนัก ใยไม่ตามข้าพเจ้าไปหาที่อุ่นสบายกว่านี้เล่า ? ” หลิวหงเหินสงบใจได้เป็นคนแรก รีดเร้นวาจาสุภาพกล่าวกับหญิงสาวประหลาด ที่สมควรวิ่งหนีให้ไกลมากกว่าการทำความรู้จัก
“ มัวแต่พีธีรีตองอยู่นั้นล่ะ เดี๋ยวก็กลับไปอดีตอีกหรอก ! " นางกล่าวเจื้อแจ้ว ก่อนจะยกมือชี้ไปทางข่องหน้าต่างทรงกลม
เมื่อมองตามทิศทางที่นางชี้ ถึงได้เห็นเรืออัญมณีที่กำลังเกิดควันไฟโขมง หลิวหงเหินล่วงรู้ทันทีว่านางต้องการสื่อสารอันใด
……เวลาใกล้ย้อนกลับอีกแล้ว !….
“ เจ้าเป็นผู้ก่อเหตุวิปริตผิดธรรมชาติรึ ?” หลิวหงเหินกล่าวพร้อมตรงเข้าคว้าข้อมือหญิงสาวลึกลับไว้มั่น
“ โอ้ย !…เบาหน่อยซิ …” นางร้องครางหากไร้เรี่ยวแรงสะบัดมือหนี
“ ก็บอกแล้วไงว่ามีคนอื่นกำลังจะใช้เครื่องไทม์แมชชีน มันใช้หนูที่ไหนล่ะ !”
“ เครื่องมืออะไรของเจ้า ? ”
“ เอ…จะอธิบายให้คนยุคนี้เข้าใจยังไงดีนะ ?” นางทำท่าครุ่นคิด โดยใช้นิ้วชี้จรดริมฝีปาก
“ เอาเป็นว่า .. มันคือเครื่องจักรที่ใช้ควบคุมกาลเวลา แบบนี้พี่ชายเข้าใจมั้ย ?”
“ เครื่งจักรเวลา !.. เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด ”
“ โห้..พี่ชายย้อนเวลามาตั้งสองรอบแล้ว ยังบอกเหลวไหลอีกเหรอ ”
คำกล่าวนางทำเอาหลิวหงเหินชะงักงันไป มันรู้แน่แก่ใจว่าย้อนเวลาได้จริงๆ
“ จะงงอีกนานมั้ยเนี่ย !…ถ้าไม่รีบหาเขาให้เจอ เดี๋ยวก็ได้วนลูปกลับที่เดิมอีกหรอก!”
แม้จะอุดมด้วยความสงสัยเต็มหัว แต่หลิวหงเหินเลือกกระทำเหตุด่วนเฉพาะหน้าก่อน คือต้องรีบตามหาผู้ใช้เครื่งจักรแปลกประหลาดให้พบโดยไว
“ มันเป็นใคร ?… อยู่ที่ใด?.. รีบบอกมาเถิด ”
“ ชื่ออะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าอยูชั้นล่างสุดของเรือ พี่ชายมาช่วยพยุงหนูหน่อยซิ หนูมีวิธีหาเค้า…เร็วดิ ! ”
เสียงนางแวดแว้ดราวออกคำสั่ง หากหลิวหงเหินหาได้ถือสาไม่ มันรีบก้มตัวประคองให้นางลุกยืน จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าไปยังบันไดที่นำลงสู่ชั้นล่างสุด
ระหว่างเดินหลิวหงเหินยังกำชับให้ทหารรีบขึ้นบนเรือ เพื่อเร่งไปดับไฟยังเรืออัญมณีที่อยู่ข้างๆ ส่วนมันเร่งรุดสู่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“ เจ้าถูกทำร้ายภายในรึไร ถึงได้ไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ ” หลิวหงเหินถามนางที่แนบข้าง เมื่อลงมายังชั้นเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารสด
“ จะบอกว่าถูกทำร้ายก็ไม่เชิงหรอก เรียกว่าทำตัวเองดีกว่า….เพราะการเดินทางข้ามเวลามันทำลายเซลย์ในร่างกายถึงระดับโมเลกุลเลยละ ” นางกล่าวทั้งที่ยกข้อมือดูกำไลเรืองแสงไม่วางตา
โดยไม่เหลียวมองใบหน้ามึนงงของหลิวหงเหินสักนิด … ใจมันนึกผิดมหันต์ที่ถามนางไป เพราะยิ่งนางตอบมากเท่าไร หัวมันจะวิงเวียนยิ่งกว่าดื่มสุรารวดเดียวหมดไหเสียอีก
“ นั้นไง ! เค้าอยู่นั้น ! ”….นางชี้ตรงไปที่คอกหมู โดยกำไลตรงข้อมือนางเรืองแสงสีฟ้าวิบๆวับๆ
" พวกหมูนั้นนะเหรอ “?”…หลิวหงเหินถามหน้าซื่อ
“ นี่พี่ชายกวนตีนเหรอ ? ต้องคนเลี้ยงหมูดิ ! ”…คิ้วหนาของนางขะมวดขุ่น ดวงตาชี้เฉียงมองขวางอย่างอารมณ์เสีย
ทำเอาชายหนุ่มอมยิ้มชอบใจ รู้สึกนางเปิดเผยตรงไปตรงมา ต่างจากหญิงสาวทั่วไปที่มันเคยพบเจอ
“ อ้อ !”
หลิวหงเหินรับคำด้วยรอยยิ้มระรื่น ก่อนจะพาร่างนางให้พิงกับผนังไม้ แล้วเดินระมัดระวังไปยังคอกหมูตัวน้อยที่กำลังร้อง อี๊ดๆ อู๊ดๆกันสนั่นหวั่นไหว
“ เจ้าคือปักษาสุรา จอมเสเพลใช้หรือไม่ ?”
ราวกับคำพูดเหล่านั้น ลอยรอดออกมาจากฝูงหมูที่ส่งเสียงสล่อน
เนื่องเพราะผู้กล่าววาจานั่งอยู่บนกองฟาง ทึ่ล้อมรอบไปด้วยลูกหมูตัวน้อยคอยพัวพันมัน จึงดูกลมกลืนประหนึ่งญาติสนิทคลอเคลียกัน
ถ้าจะให้ถูกต้องสมควรว่าผู้กล่าววาจาคือต้นตระกูลหมูจึงจะเหมาะสมกว่า เพราะรูปลักษณ์มันทรงพลังอ้วนใหญ่ สวมเสื้อหนังกวางเปลีอยแขน และเปิดแผงอกอวดพุงกลมใหญ่คล้ายจะภูมิใจกับการสะสมไขมันไว้ในร่างเป็นอย่างยิ่ง เหงื่อมันพราวทั่วตัวคล้ายเพิ่งเสร็จสิ้นภาระให้อาหารลูกหลานมาไม่นาน
ใบหน้าอวบอูมอันรกด้วยหนวดเคราสั้นๆ ปล่อยผมกระเสิงยาวรุงรัง เงยมองไปยังช่องหน้าต่างทรงกลม โดยไม่เหลือบแลผู้มาเยือนแม้แต่ปรายหางตา
“ หากท่านพอใจเรียกคนเสเพล ข้าก็หารังเกียจไม่ ” หลิวหงเหินยังคงชอบกล่าวหยอกล้อ แม้จะเห็นคราดคมกริบวางไว้ข้างตัวมัน
“ ถ้าเรียกเจ้าเป็นนักปาเชือกเล่าได้หรือไม่ ” มันเกาคางที่มีเคราหล่อมแหล่มขณะหยัดยืนขึ้น โดยอีกมือกำคราดด้ามยาวไว้ในอุ้งมือ
“ เรียกคนรู้อนาคตจะดีกว่ามั้ยพี่อ้วน ” หญิงสาวลึกลับเดินพยุงตัวกับผนังเชื่องช้ามาพร้อมกับถ้อยคำแปลกประหลาดไม่ต่างจากเดิม
ทว่าถ้อยคำของนางคล้ายไปกระตุ้นเตือนประสาท จนชายอ้วนต้องหันขวับมามองนางสุดดุดัน
“ เจ้ารู้เรื่องการย้อนเวลาได้ยังไง ? ” ชายอ้วนตวาดเสียงกร้าว
พอมันหันมาตรงๆ หลิวหงเหินจึงเห็นถนัดชัดตาว่าตรงกึ่งกลางหน้าอกมัน มีเครื่องจักรทรงกลมสีเงินวาววับฝั่งตรึงไว้ในร่างกาย….หรือนั้นคือเครื่องจักรควบคุมเวลาที่นางกล่าวถึง
“ ไม่ใช่แค่รู้การย้อนเวลนะพี่อ้วน หนูยังรู้ด้วยว่าพี่น่ะขอบเล่นโกง พอแม่คนสวยที่ใช้ดาบโค้งถูกเสาเรือล้มทับ พี่ก็เล่นย้อนเวลากลับ นี่มันโกงชัดๆ เล่นไม่แฟร์เลยนะเพ่”
“ เจ้าเป็นใครกัน ทำไมล่วงรู้ว่าข้ามีจักรกาลย้อนทวน ?”
“ จะไม่ให้รู้ได้ไงล่ะ….ก็หนูเป็นทีมสร้างมันขึ้นมานิ และดูเหมือนพี่จะใช้งานแบบไม่ถูกลิขสิทธิ์นะ ถ้าไม่อยากติดคุกหัวโตละก็ รีบคืนหนูมาเลย ”
“ เจ้าผายลมสุนัขอันใด คิดว่าข้าอยากได้จักรกาลติดตัวแบบนี้รึ เจ้ามันพวกเดียวกับจ้าวจักรกาลแน่แท้แล้ว ” มันคำรามก้อง คราดในมือกระแทกพื้นดังสนั่น
แรงสะเทือนทำเอาเหล่าลูกหมูแตกตื่น วิ่งหนีชายร่างอ้วนกรูกันไปเบียดเสียดที่ริมรั้วกันแน่นขนัด
“ ค่อยพูดค่อยจากันดีกว่าสหาย ” หลิวหงเหินกระโดดเข้ามาขวางระหว่างทั้งสอง เมื่อเห็นชายอ้วนใหญ่คล้ายจะเริ่มลงไม้ลงมือ
“ ปีศาจสุรา เจ้าถอยไป !…เดี๋ยวข้าจัดการกับนางเสร็จ จะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้าอีกคน เจ้ามันต่ำช้านักกล้าแตะต้องอมิตาร์ให้ระคายเคือง ”
โอ้ยหย่า !…มันกลายร่างเป็นหมูป่าบ้าคลั่งไปแล้วหรือไร
“ ใช้ซี !….รังแกผู้หญิงมันง่ายกว่านิ พอเจอผู้ชายก็บอกค่อยมาคิดบัญชี แมนโคตร ! ”
“ เจ้ากล่าวอันใด ไม่รู้ความ !”….
ชายอ้วนแผดเสียงลั่น พร้อมตวัดคราดในมือด้วยพละกำลังสุดประมาณ
หลิวหงเหินเผ่นพริ้วเข้าคว้าร่างหญิงสาว ให้เลื่อนหลบคราดทรงพลังนั้นเพียงขั่วอึดใจ ทั้งคู่เคลื่อนไปสามเชียะก่อนคราดจะฟาดลงตรงผนังไม้ดัง…โครม !…
“ ฝีมือห่วยแตกแบบนี้ยังจะมาโชว์อีก กลับไปฝึกใหม่ไป๊ ! ” หญิงสาวยังกล่าวยั่วยุทั้งที่ร่างกายแทบจะยืนไม่อยู่
“ เจ้า !!!!”…
ชายอ้วนแหกปากคำรามลั่น ฟาดคราดเป็นเส้นตรงแน่วแน่เข้าใส่ศรีษะหลิวหงเหินโดยใช้พลังวัตรทั้งสิบส่วน
…โครม !…
คราดฟาดผิดเป้าหมายอย่างหวุดหวิด ด้วยหลิวหงเหินใช้ท่าร่างบุปผาลอยลมอุ้มสาวลึกลับ เคลื่อนไหวตามแรงลมปราณจากอาวุธที่พุ่งมาหยิบยืมพลังเร่งส่งทั้งคู่ขึ้นข้างบน แล้วมันก็วิ่งไต่ไปตามกำแพงหลายสิบเชียะ ก่อนจะวางร่างนางลง
“ เจ้าห้ามเอ่ยวาจาใดอีก ไม่เข่นนั้น…” ยังกล่าวไม่ทันจบ มันกลับต้องชะงักกลางครัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวชี้ตรงไปที่ด้านหลังมัน
…อ๊าก ก ก …
เจ้าหมูป่าคลั่งวิ่งตะบึงมาจนพื้นสะเทือนสั่น สองแขนมันเกร็งเขม็งง้างด้ามคราดเหนือหัว เตรียมกระหน่ำฟาดเผด็จศึก
….ที่แคบ…อาวุธยาว….ไม่ใช้สิ่งสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย…..
เจ้าพลาดแล้วชายคลั่ง ! หลิวหงเหินกระหยิ่มยิ้มย่อง ขณะโจนเข้าใส่ร่างทมึนโดยไร้ความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
แม้วิชาตัวเบาของหลิวหงเหินยังไม่บรรลุถึงขั้นไร้รูปไร้ลักษณ์ แต่ในสถานที่คับแคบเช่นนี้ ความเร็วของมันเหมือนจะเพิ่มขึ้นหลายส่วน เพราะมันใช้แรงดีดสะท้อนจากผนัง ดีดส่งไปขวาทีซ้ายที จนคราดของชายอ้วนสลับกลับไม่ทันท่วงที ปลายคราดครูดกับผนังทำให้เชื่องช้าชั่วครู่
เพียงลัดนิ้วมือนั้น หลิวหงเหินเห็นช่องโหว่จุดอ่อนด้อย จึงใช้ออกด้วยวิชาคว้าจับกุณชรจู่โจมตรงข้อศอก ด้วยเคล็ดพัวพันสลับซ้อนกับคล็ดบิดพลิก จนแขนแน่นเนื้อถูกบิดไปด้านหลัง พลอยให้ร่างสูงใหญ่เซถลา พอปล่อยมือแรงต่อต้านของชายอ้วนผลักส่งให้ร่างมโหราฬล้มขม่ำลงบนคอกหมูเต็มแรง
“ ล่วงเกินแล้ว ท่านจอมพลัง ” หลิวหงเหินประสานมือคารวะ กล่าวนอบน้อม
ทว่าชายร่างใหญ่กลับหัวเราะคลุ่มคลั่ง
ฮ่า..ฮ่า ..ฮ่า..
จากนั้นมันจึงเอื้อมมือจับเครื่องจักรที่กลางหน้าอก พลันนั้นแสงสว่างเจิดจ้ากระจายจากอกมันเรืองรอง
“ ไอ้ขี้โกง….จะใช้ไทม์แมชชีนรีเวิสอีกแล้วเหรอ? ”
เสียงแว๊ดแวของสาวลึกลับ กลืนหายไปในแสงสว่างอันพราวตา
…ราวกับตกลงห้วงเหวลึก
หลิวหงเหินมึนงงไปกับแสงส่องจ้าอยู่นาน กว่าแสงจะเลื่อนหายจึงได้พบร่างทมึนดำทึ่กำลังหัวร่อร่า
“ มาลองกันอีกครั้ง ปีศาจสุรา ”
ทุกสิ่งอย่างกลับมาเหมือนเมื่อครู่ ชายอ้วนยังอยู่ในคอกหมู หากคราวนี้มันไม่ได้ถือคราด แต่กลับกำหมัดอวบอูมถาโถมมา
“ มันมาแล้วพี่ชาย ไม่มีคราดด้วย จะแก้เกมยังไงล่ะที่นี้ ” หญิงสาวลึกลับยังคงยั่วยุ
หากคราวนี้หลิวหงเหินไม่เสียเวลาตอบคำ เพราะชายอ้วนเร่งมากระชั่นชิดเกินไป หลิวหงเหินได้แต่ใช้วิขาตัวเบาหลบหลีก ใช้วิชาคว้าจับกุณชรด้วยเคล็ดถ่ายเทพลัง ปัดป่ายพลังหมัดอันรุนแรงหนักหน่วงให้เบี่ยงเบนไป
ผ่านไปสามสิบกระบวนท่า พลังหมัดยิ่งมายิ่งกล้าแกล่งราวหินผาถล่มทลาย ซ้ำลมปราณของชายอ้วนยังแผ่พุ่งรอบร่างใหญ่ เกิดเป็นสายลมกระพือโหมให้เศษหญ้าเส้นฟางปลิวสล่อนเต็มห้อง จนดวงตาของหลิวหงเหินเกิดระคาย ทำให้คาดเคลื่อนการปัดป่ายพละหมัดไปชั่วครู่ ชายอ้วนจึงชวยโอกาสสวนหมัดสนองสามกระบวนรวด กระทั้งหมัดหนึ่งต่อยเข้าที่หัวไหล่หลิวหงเหินเต็มแรง
พลังหมัดทำให้ร่างระหงปลิวกระเด็นไปตกลงยังเชิงบันได เกิดเป็นเสียงสนั่นดังลั่น….โครม…
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…หงษ์ปีกหักเสียแล้ว ” ชายอ้วนหัวร่อสาแก่ใจ ที่แก้มือจนคู่ต่อกรล้มคว่ำไม่เป็นท่า
“ นายมันน่าไม่อาย โกงกันชัดๆ ”
“ โกงอันใด ชนะก็คือชนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” มันโต้ตอบกับนางอย่างเบิกบานใจ ผิดแปลกจากชายโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่เป็นคนละคน
“ เลื่อมใส เลื่อมใส…เพลงหมัดทลายภูผาแห่งพรรคแปดขุนเขา รวดเร็วรุนแรงยิ่งหนัก ” หลิวหงเหินกล่าวทั้งที่มือยังจับไหล่ที่ปวดแปลบ ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวขึ้นจากพื้น
“ ปีศาจสุราตนนี้นับว่ายังไม่เลอะเลื่อนนัก พอมีความรู้อยู่บ้าง ” มันยิ่งกล่าวยิ่งร่าเริง ชาวยุทธจะอย่างไรล้วนเหิมเกริมในวิชาตนไม่แตกต่างกัน
หลิวหงเหินขยับไหล่โยกไปมาจนเข้าที่ แล้วจึงสะบัดวาดวงแขน พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มร่า
“ ยังเห็นหมัดทลายภูผาไม่ครบกระบวนท่าเลยนะท่านพี่ เรียนเชิญท่านแนะนำสักอีกหลายกระบวนท่าเป็นไร ” ไม่กล่าวเพียงวาจา ร่างระหงพลันโถมเข้าจู่โจม โดยไม่เปิดโอกาสให้มันปฏิเสธสักคำ
“ เจ้า ! ”…
ชายอ้วนร้องอย่างร้อนลน ไม่คิดว่าบัณฑิตร่างแบบบางจะหาญกล้าเปิดศึกก่อน
……วิชาหมัดทลายภูผามีแต่กระบวนท่ารุกไล่ ไร้การตั้งรับ บรรพชนผู้คิดค้นวิชาเป็นยอดขุนพลสมัยซ่ง ที่ถูกกังฉินใส่ร้ายปรักปร่ำ จนต้องหนีจากถิ่นฐานกลายไปเป็นโจรภูเขา วิขาที่คิดค้นขึ้นจึงอุดมด้วยความแค้นแสนสาหัส ผสานรวมวิชาทวนสกุลงัก กับลมปราณสายชาวเผ่าหมาป่านอกด่าน ก่อกำเนิดเป็นวิชาหมัดอันทรงพลัง ที่มีแต่กระบวนท่าทำลายร้างแลกชีวิต ไม่มีประณีประนอม ‘ ถ้าศตรูไม่ตายเราก็ม้วย ’…..
ยามนี้เมื่อชายอ้วนได้พบกับคู่มือที่รุกไล่ก่อน ซ้ำยังไม่ถาโถมเอาชีวิต ทุกกระบวนท่าของหลิวหงเหินเป็นการหลอกล่อเสียเก้าส่วน หากหนุนเนื่องตามติด พลิกแพลงจนชายอ้วนละลานตา มันคิดค้นไม่ออกว่าจะแลกชีวิตกับกระบวนท่าที่ไม่ทำร้ายผู้คนได้อย่างไร
หน่ำซ้ำวิชาที่หลิวหงเหินใช้ออกยังแปรปรวนไม่แน่ชัด ประเดี๋ยวฟาดฝ่ามือ ประเดี๋ยวปล่อยหมัด ประเดี๋ยวคว้าจับแล้วปัดป่าย แปรเปลี่ยนหลากหลายทำให้ชายอ้วนถอยล้นก้าวแล้วก้าวเล่า
“ เจ้าเป็นศิษย์สำนักใดกันแน่ เหตุใดลงมือสะเปะสะปะนัก ? ” ชายอ้วนพูดพลางถอยพลาง จนตัวมันมาติดยังลั้วคอกหมู เกือบไร้ที่ถอยอีก
“ ยังสะเปะสะปะไม่พอหรอก ยังเหลืออีกหนึ่งวิชา รับมือไว้ ! "…
หลิวหงเหินตวาดลั่น พร้อมทั้งแผ่ลมปราณไหลลงถึงสองดัชนี แล้วจึงพุ่งทะลวงอากาศหมายตรงเขาทรงอกมัน
‘..เป็นท่าแลกชีวิตแน่แล้ว..’ ชายอ้วนคิดในใจ พร้อมทั้งแผ่พุ่งพลังลงหมัดหมายมั่นได้ชัยชนะด้วยหมัดเดียว
หมัดอวบอูบพุ่งประสานในท่าคอนศิลาทะลวงทัพ เห็นแน่อยู่กับตาว่าต้องต่อยถูกดัขนีมันให้ย่อยยับ
ทว่าดัชนีกลับแปรทิศทางเปลี่ยนวิถีกลางครัน เพียงพริบตาสองดัขนีพลันบรรลุถึงจุดลวี่ชี่ตรงหัวไหล่ซ้าย และตามติดด้วยสองดัชนีตรงไหล่ขวา จากนั้นสองมือของหลิวหงเหินร่วมกันใช้ดัชนีทั้งสองข้าง จี้สกัดจุดทั่วตัวชายอ้วนทั้งหมด24จุด ปิดกั้นเส้นลมปรานทั้ง12สายให้หยุดนิ่งการโคจร
“ นี่เรียกวิชาดัชนีนารีเป็นอื่น เจ้าคงเคยได้ยินมาบ้างกระมั้ง ”…หลิวหงเหินกล่าวแผ่วเบา พลางถอยไปหาหญิงสาวที่อยูด้านหลัง
ปล่อยทิ้งให้ชายอ้วนยืนแข็งทื่อเป็นก้อนหิน ไม่มีแม้แต่ความสามารถถอดถอนหายใจ…..
…".ที่แท้เป็นศิษย์ห้าพิสดาร ถึงได้มีลูกเล่นแพรวพราวนัก…เราประมาณไปแล้วจริงๆ "… ชายอ้วนได้แต่สบถในใจ ยอมจำนนต่อโชคชะตา
“ เจ๋งมากเลยพี่ชาย เราไม่ต้องวนกลับไปอดีตอีกแล้ว ” หญิงสาวลึกลับกล่าวพร้อมกับหยิบแท่งทรงรีเล็กๆจากเข็มขัดยื่นส่งให้
“ เอ่อ.. อะไรรึ..”
“ เอาแคปซูนนี่ไปติดกับเครื่องจักรตรงอกเค้าซิ มันจะหยุดการทำงานของไทม์แมชชีนได้ ”
หลิวหงเหินทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อแคปซูนสีเงินสัมผัสเข้ากับจักรกาล ทันทีนั้นมันกลับแตกขยายกลายเป็นผลึกใสๆเคลือบคลุมทั่ว จักรกาลกลายเป็นก้อนผลึกทรงกลมอันไร้พิษสงไปทันใด
“ อย่าเพิ่งดีใจไปพี่ชาย แถวนี้ยังมีจักรกาลอยู่อีกอันนะเพ่ ! ”….