สายลมโชยพัดให้ธงทิวปลิวไสว ผ้าใบเรือโป่งผองรับแรงลมจนเรือสำเภาเคลื่อนไปไวราวลูกศรท่องนที
พัคนารินยืนชะเง้อต้านสายลมแรงด้วยใจอันวูบไหวยิ่งกว่าธงทิว เหตุการณ์บนเรืออัญมณีตื่นตาตื่นใจเกินกว่านางจะคาดเดา วรยุทธของคนยุคนี้ล้ำไปจากสิ่งที่นางเคยคิดไว้หลายองศา จนนางอยากจับเอาจอมยุทธพวกนี้มาทำวิจัย ให้โลกได้ล่วงรู้ความอัศจรรย์อย่างที่นางเจอ
โดยเฉพะชายชุดครามที่กำลังลอยละล่องข้ามเรือมา ต้องถูกวิจัยเป็นคนแรก
หลิวหงเหินล่อนลงยังข้างๆตัวนาง ในอ้อมอกยังอุ้มไว้ด้วยกระต่ายขาวตัวอ้วนกลม
“ ฮู้ …..กระต่ายน่ารักจัง มันชื่ออะไรอ่ะ ! ”…พัคนารินรีบโผเข้าโอบอุ้มกระต่ายออกจากอ้อมอกมัน ฝ่ามือนวลนุ่มลูบคล่ำขนขาวนวลด้วยความเอ็นดู
“ ไม่ทันได้ถามชื่อแซ่ เจ้าของมันหนีหายไปเสียก่อน ” ชายหนุ่มกล่าวทั้งที่ดวงตามองไปรอบๆ คล้ายหาบางอย่างที่คาดหวัง
“ นี่พี่ชายจิ๊กมาเหรอ ? ”
" จิ๊ก ? ” หลิวหงเหินหันขวับมาถาม
“ ฮิ ฮิ…ขโมยนะ ขโมย…พี่ชายขโมยมันมาเหรอ ? ”
“ อ้อ…ข้าไม่ได้จิ๊กมา ข้าเอามันมาเป็นตัวประกัน ” หลิวหงเหินกล่าวแย้มยิ้ม เริ่มรู้สึกสนุกกับภาษาที่ไม่เคยเจอในตำราใด
“ โห้…นี่ขนาดจับกระต่ายมาเรียกค่าไถ่เลยเหรอ ?…โหดโคตร ”
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะไต่ถามคำว่า ‘ โหดโคตร ’ ให้รู้ความหมาย ก็ต้องสะดุดกับเสียงโครกครากจากท้องของหญิงสาว
“ อุ๊ย !…. ขอโทษคะ ” พัคนารินทำหน้าขวยเขิน มือลูบคลำท้องแผ่วเบา
“ ฮ่า..ฮ่า…กระต่ายตัวนิดเดียว ไม่อิ่มท้องเจ้าหรอก มาเถอะ ! มาร่วมโต๊ะกับข้าสักครา เราอยู่ในเรือโภชนาการเชียวนะ จะปล่อยให้ท้องกิ้วได้อย่างไร ”….
…………………
…แสงโคมไฟอบอุ่นอาบไล้จานอาหารบนโต๊ะ ดูเชิญชวนให้ลิ้มลองไปเสียทุกจาน
โดยเฉพาะกับคนที่อดโซมาสองวัน ทุกสิ่งอย่างในจานล้วนกวักมือให้ไปหาทั้งสิ้น
ซุบเห็ดหอม เป็ดย่างซีอิ๋ว ไก่นึ่ง ปลาจารเม็ด และผัดผักรวม ล้วนถูกหยิบส่งเข้าปากจิ้มลิ้ม ไล่เรียงไปราวสายน้ำไม่หยุดหย่อน
ต่างจากหลิวหงเหินที่วางเพียงจอกสุราห้าจอกที่ปลดจากเอว มาเรียงแล้วบรรจงเทเมรัยสีม่วงเข้มจากเปอร์เซีย ยกละเลียดดื่ม โดยมองนางที่กำลังสวาปามเป็นกับแกล้ม
ส่วนกระต่ายที่ข้างกาย ได้แทะเล็มผักจานใหญ่ไปเพลินๆ
ครู่เดียวเฒ่าหยางเข้ามาสู่ภายในห้องอาหาร กล่าวด้วยรอยยิ้มประจบประแจงตามนิสัย
“ เรียนบัณฑิตหลิว เจ้าฉางยิ่นที่คุมคองหมูได้ถูกพันธนาการด้วยขื่อขานสองชั้นแล้วขอรับ ”
“ สมควรจัดทหารสักห้า-หกนายไว้ข้างกายมันด้วย อีกครึ่งชั่วยามจุดมันจะคลายแล้ว ให้ระวังระไวอย่าได้คลาดสายตาไป "
“ จัดเตรียมไว้สิบสี่นายแล้วขอรับ ” เฒ่าหยางกล่าวอย่างรู้ใจ พลางยื่นเสื้อผ้าสตรีชุดใหม่เอี่ยมส่งให้
หลิวหงเหินชูนิ้วโป้งให้ ยักคิ้ว ยิ้มบางๆอย่างพีงพอใจ
“ ไม่มีอันใดรอดหูรอดตาท่านได้จริงๆ ” มันกล่าวแย้มยิ้มพลางยกมือรับเสื้อผ้าสตรีไว้ในมือ
เฒ่าหยางน้อมกายคารวะ เบิกยิ้มกว้างให้ทั้งหลิวหงเหินและพัคนาริน ซึ่งนางทั้งโค้งศรีษะทั้งโบกมือบ๊ายบาย จนชายชราออจากห้องไป
“ แข้งขาท่าน แข็งแรงดีแล้วใช่หรือไม่ ” หลิวหงเหินถามเรียบๆ ขณะหยิบจอกสุราหยกเขียวขจีรินลงคอ
“ ก็พอขยับได้นะ แต่ยังชาๆอยู่อ่ะ ” นางกล่าวอู่อี้ทั้งที่มีอาหารอยู่เต็มปาก
“ ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมั้ง”
“ ว้าย ! ”
นางร้องตื่นตระหนก พร้อมยกมือขึ้นแนบอกปกป้องของสงวนสุดชีวิต
“ พี่ชายอย่าทะลึ่งซิ หนูไม่ตลกด้วยนะ ”
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” หลิวหงเหินหัวเราะระรื่น โดยมือยื่นชุดขาวสลับชมพูส่งให้นาง
“ หากเจ้าจะอยู่บ้านเมืองเรา สมควรแต่งตัวให้กลมกลืนกว่านี้ถูกหรือไม่ ”
“ โถ่เอ๋ย…เรื่องแค่นี้หนูรู้หรอกน่า …แต่พี่ชายก็เห็นไม่ใช้เหรอว่าหนูจับพลัดจับพรูมาแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้ารู้ล่วงหน้าจะแบกแบรนเนมยุคต้าหมิงมาสักกระสอบ ” นางเริ่มกล่าวฉอดๆ ขณะชายหนุ่มละเลียดสุราสุดอารมณ์ดี
“ เหมือนเจ้าจะอิ่มท้อง สบายตัวแล้วใช่หรือไม่ ”
“ จริงๆก็กินได้อีกนะ แต่คุยกันก่อนดีกว่า ดูหน้าพี่ชายจะมีเครื่องหมายปรัศนีย์เปื้อนไปทั้งหน้า ”
“ เครื่องหมายปรัศนีย์ ? ” ชายหนุ่มทวนคำประหลาดที่ได้ยิน
“ แหม…หนูนี่พูดพิลึกอีกแล้วใช่มั้ย….ปรัศนีย์ ก็สงสัยอ่ะ ”
“ อ้อ ” ชายหนุ่มรับคำเรียบง่าย พร้อมกับกระดกจอกสุราเปลือกหอยสังข์รวดลงคอเกลี้ยง
“ จะให้เริ่มตั้งแต่ตรงไหนดีละ ? ”
“ เจ้าเป็นใคร ? อยู่ที่ใด ? มาที่นี้ได้อย่างไร ? ”
“ แหม…คำถามสุดคลาสสิค ใคร? ทำอะไร? ที่ไหน? เมื่อไร? อย่างกับรายงานข่าวสมัยเรียนมัธยมเลย ”
หลิวหงเหินทำหน้านิ่วคิ้วชนกัน ถามขึ้นอย่างเลื่อนลอย
“ คลาสสิค ?…มัธยม ?.”
“โห้ !…พี่ชาย ถ้าต้องคอยแปลคำศัพธ์สมัยใหม่แบบนี้ มีหวังถึงเช้าก็เล่าไม่จบ …เอาแบบที่หนูเล่าครั้งแรกดีกว่ามั้ย คือให้หนูเล่าของหนูไป แล้วพี่ชายก็ย่อความตามเข้าใจ ถ้าสงสัยอะไรหนูค่อยขยายความ…เครมั้ย ” นางยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้วประกบกันเป็นสัญญาณมือนิ้วทรงกลม
หลิวหงเหินทำสัญญาณมือตาม โดยอีกมือยกขวดสุรารินใส่จอกทั้งห้า ใจนึกสะท้อนว่าราตรีนี้คงมีเรื่องปวดหัวอีกไม่น้อย
“ มันเริ่มขึ้นที่ตรงรอยต่อของทะเลอันดามันกับทะเลอินเดีย ตรงเกาะส่วนบุคคลที่ถูกซื้อจากโคตรของโคตรเศรฐีนักวิทยาศาสตร์ อย่าคิดว่าเป็นอีลอน มัสก์ นะ ศาสตราจารย์ชอว์นะอัจฉริยะกว่านั้นเยอะ ” นางยืดตัวตรง เหมือนเป็นท่าทีตั้งใจเต็มกำลัง
“ ในเวลาสิบปีศาสตราจารย์ชอว์ได้สร้างเกาะเล็กๆนั้นให้กลายเป็นศูนย์วิจัยสุดไฮเทค โดยระดมหัวกระทิจากทั่วโลกเข้าร่วมทีม หนูก็ไม่รู้หรอกนะว่าผ่านเกณท์คัดเลือกเข้ามาได้ยังไง อาจเป็เพราะวิทยานิพนธ์ของหนูมั้ง หนูนะวิจัยเรื่องการสอดคล้องทางควอนตัม กับชีวะโมเลกุล….เป็นไงล่ะ หนูนี่ฉลาดไม่เบาใช่ม้า ”
หลิวหงเหินนวดคลึงขมับ เมื่อเจอศัพธ์แสงแปลกๆมาเข้าหู แต่ดูเหมือนพัคนารินจะไม่รู้สึกรู้สากับอาการปวดหัวของมัน นางยังกล่าวลื่นไหลพอๆกับสายน้ำหลาก
“ หรือไม่ก็เพราะหนูเป็นลูกผสมเกาหลี ไทย จีน โปรตุเกต…พูดได้สี่ห้าภาษามาตั้งแต่10ขวบแล้ว….เรื่องเข้ากับนักวิจัยชาติอื่นนะสบายมาก เจ๋งมั้ยล่ะ ”
“ ที่เกาะนั้น พวกเจ้าได้ทำการประดิษฐ์เครื่องจักรนั้นใช่หรือไม่ ? ” หลิวหงเหินรีบถามรวบรัด ก่อนนางจะพาออกทะเลไปมากกว่านี้
“ โห้…โอปป้านี่ใจร้อนจัง ไม่ฟังอินโทรฯเลยนะ…เอา เอา !….เข้าเรื่องเน้นๆเลยนะ ” นางกอดอกทำท่าจริงจังที่สุดในชีวิต
“ ภายในเกาะนั้นแบ่งเป็นโดมวิจัย12โดม แบ่งวิจัยตามคุณสมบัติของเวลาสิบสองอย่าง หนูถูกจัดให้อยู่โดมวิจัยสุดท้ายในโปรเจ็กต์รีเวิร์ส….แต่มันไม่เหมือนการย้อนเวลาแบบในนิยายหรอกนะ เพราะเราต้องใช้คุณสมบัติของมนุยษ์ร่วมกับเทคโนโลยีระดับควอนตัม….. คือต้องมีผู้ทดลองที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจ ไอ้ร่างกายไม่เท่าไรแต่จิตใจนี่ซิ….เข้าต้องฝึกสมาธิกำหนดจักระทุกตำแหน่งในร่างกาย เหมือนที่พวกพี่ชายกำหนดการเคลื่อนลมปราณนั้นละมั้ง ”
หลิวหงเหินพยักหน้ารับ พร้อมกับหยิบจอกทองเหลืองยกขึ้นดื่ม
“ โชคดีที่ทีมเรามีซีซ่าร์ หลง เขาเป็นคนจีนทั้งแท่ง แต่ครอบครัวอพยพไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เขาเป็นทารก เขาเลยออกจะมีนิสัยเป็นฝรั่งมากกว่าคนเอเซีย เขาชอบเล่นกีฬากลางแจ้งเลยมีสมรรถนะทางร่างกายสูงมาก ซ้ำยังเป็นนักศึกษาชีวะวิทยา เรียกกว่าเพอร์เฟค เซ็กซี่ เร้าใจสุดๆ ตอนเห็นเค้าถอดเสื้อเปลือยอกครั้งแรก หนูงี้หายใจหายคอไม่ออกเลยนะพี่ชาย”
“ อะแฮ่ม ! ”…. หลิวหงเหินกระแอมแห้งๆเรียกสติ
“ จ้า ๆ. เข้าเรื่อง ๆ ” นางยิ้มแก้เก้อ ก่อนจะกล่าวสืบต่อ
“ หลังจากผ่าตัดฝังไทม์แมชชีนเข้าร่างกายซีซ่าร์แล้ว เราก็เริ่มการทดลองไปที่ละขั้น ๆ ภายในอุโมงค์ปฏิกรอนุภาคที่สร้างขึ้น ตั้งแต่ซีซ่าร์ข้ามเวลาได้ช่วงสั้นๆ ย้อนไปหนึ่งนาที เพิ่มเป็นหนึ่งช่วงโมง เพิ่มไปหนึ่งวัน ไปหนึ่งปี….จนกระทั้งโปรเฟสเซอร์ชอว์มาให้ย้อนเวลาเป็นร้อยปีนั้นล่ะ หายนะเลยโอปป้า ”
หลิวหงเหินได้แต่ส่ายหัว รู้สึกว่าผู้คนในอนาคตช่างวิปริตนัก ทำไมถึงแตะต้องสิ่งเหนือธรรมชาติไม่ต่างจากมารร้ายในยุทธภพเลย
“ พอซีซ่าร์หายวับเข้าไปในอุโมงค์ปฏิกรณ์ อีกเพียงไม่กี่นาทีต่อมา หายนะมหาวิปโยคก็เกิดขึ้นในเกาะทันทีทันใด ” ตานางลุกวาวคล้ายรำลึกถึงความหวาดหวั่นในอดีต
“ ทุกโดมวิจัยพลันระเบิดเสียหายอย่างไม่คาดคิด แต่พอศาสตราจารย์ชอว์เช็คกล้องวงจรปิด หัวใจหนูแทบขาดใจไปตรงหน้าจอนั้นเลยโอปป้า…..เราเห็นซีซ่าร์ไล่รัดคอเพื่อนร่วมงาน บางคนก็ถูเขาหักคอเอาดื้อๆ ที่ร้ายคือเขาควักไทม์แมชชีนออกจากอาสาสมัครทั้งสิบเอ็ดคนมาครอบครอง ….นี่เขาเป็นบ้าอะไรไปแล้ว ” สีหน้านางหวาดกลัวตาลุกโพลง มือสั่นเทาเมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์นั้น
“ ก่อนที่ทุกคนจะตายหมด ศาสตราจารย์ชอว์รีบคว้าข้อมือหนูวิ่งไปยังที่เก็บไทม์สูท ท่านสวมชุดหนึ่ง หนูอีกขุด….ด้วยความสามารถของชุดคือสามารถสะท้อนพลังงานจากไทม์แมชชีน เกิดเป็นแรงสะท้อนจำรอง…พูดง่ายๆคือ เมื่อมีคนใช้ไทม์แมชชีนชุดของเราก็จะติดตามคนที่ใช้ไปทุกที่ เพราะโลหะออร์ดิควอคัมที่ใช้สร้างไทม์แมชชีน มีอนุภาคตอบรับซึ่งกันและกัน ” นางอธิบายยืดยาว พร้อมกับยกข้อมือให้ดูกำไลแปลกประหลาด ที่มีลักษณะคล้ายหยกผสมแร่ทับทิม เป็นสีเขียวใส่ๆมีลายเป็นเส้นเล็กๆสีแดงเข้มอยู่ภายใน
หลิวหงเหินมองกำไลในมือนาง ด้วยความรู้สึกคุ้นตา กระทั้งมันยกจอกสุราหยกที่เรียงอยู่ใบที่สามขึ้น ส่องกับโคมไฟอันเรืองรอง
“ ใข่แล้ว !…นี่แหละแร่ออร์ดิควอคัม แร่มหัศจรรย์ที่ติดมากับอุกาบาตเมื่อหลายพันปีก่อน เชื่อกันว่าเป็นแร่ที่ชาวแอตแลนติสใช้สร้างสถาปัตยกรรมของตนด้วยนะ ”
จอกสุราหยกถูกหยิบมองไปมองมา ก่อนจะจับมันวางบนโต๊ะแล้วเทสุราเติมเข้าไปใหม่
“ มิน่าละ พี่ชายถึงได้จำเหตุการณ์ได้ ตอนที่ถูกย้อนเวลา ”
“ เจ้าหมายความว่ายังไง ? " ขายหนุ่มชะงักมือค้างจอกกลางครัน ขมวดคิ้วจองตรงไปยังนาง
" ก็ตอนที่ซีซ่าร์ หลง ใช้ไทม์แมชชีน หนูกับอาจารย์ก็เลยติดตามเข้ามาอดีตด้วย แต่การข้ามเวลาที่ไกลเกินไปจะทำให้เซลย์ในร่างกายเสื่อมสลายลงมหาศาล….
“ พอว๊าบมาในยุคของพี่ชาย หนูเลยมีสภาพพิการแบบนี้แหละ แต่ยังโชคดีที่หนูตกมาอยู่ในชั้นเก็บเกลือ เลยพอคลืบคลานหลบๆซ่อนๆ พอไม่ให้คนเห็นตัวได้ และที่นั้นละที่หนูได้เห็นความเป็นไปของเรืออีกลำ ได้เห็นพี่ชายกับพี่ชุดขาวดวลดาบกับสาวขุดเหลือง แล้วก็เห็นไฟคอกเรือทั้งลำจนเสากระโดงเรือล้มทับพวกพี่ชาย กับแม่คนสวยนั้น สุดท้ายก็เห็นเวลาย้อนกลับ ต้องเห็นแบบนี้สองครั้ง จนครั้งที่สามพี่ขายก็หาหนูเจอนี่ละ ! ”
จากนั้นหลิวหงเหินจึงประติดประต่อเรื่องราวได้ หากยังมีบางสิ่งที่ค้างคาใจ
“ แล้วจักรกาลในมือแม่นางชุดเหลืองเล่า เป็นการคตโกงเวลาประเภทใด ”
พัคนารินสะบัดหน้าไปมา ขยี้ตา อ้าปากห้าว มีอาการง่วงนอนกระทันหัน
“ นั้นเป็นโปรเจ็กต์อิลลูชั่น มีความสามารถสะท้อนรูปร่างจากอดีตให้ปรากฏ ในเสี้ยววินาทีที่เคลื่อนไหวจะฉายภาพซ้ำๆออกมา เหมือนเป็นภาพโฮโลแกรม ” นางกล่าวยานคาง ดวงตาปรือ คล้ายอยากนอนเต็มแก่
หลิวหงเหินนิ่งฟังพร้อมคิดทบทวนถึงการเคลื่อนไหวแยกร่างของอมิตาร์ นั้นหมายความว่าหากนางไม่เคลื่อนไหว ย่อมไม่อาจแบ่งแยกร่างกายได้ …..
“ อ้อ !…ยังมีเรื่องแปลกอีกอย่าง ..” นางนั่งหงายหลังพิงข้างฝา หลับตาเหมือนละเมอเพ้อเป็นคำๆ
“ ตอนที่เจ้าอ้วนนั้นใช้จักรกาล เครื่องจับคลื่นออร์ดิควอคัมมันเตือนว่ามีแร่นั้นอยู่ใกล้ๆนี้สองชิ้นชัดๆ นั้นหมายความว่ายังมีอีกคนที่รู้เห็นการย้อนเวลาเหมือนพี่ชาย เขาต้องมีอะไรคล้ายๆจอกเหล้าของพี่ชายนี่ละ พี่ชายพอนึกออกบ้างมั้ย ? ”
“ เหมือนจอกเหล้าข้าอย่างนั้นรึ ? ” หลิวหงเหินจมลึกเห็นภาพนิ่งที่ละแผ่น ที่ละแผ่น
…จากของใหญ่ๆอย่างหีบสมบัติ เครื่องประดับของอมิตาร์ ดาบกระบี่ ห่วงทอง….เรื่อยไล่ไปจนถึงสิ่งละอันพันละน้อย จากรองเท้า แหวน ฆ้อง ลูกกลิ้งหยก ภู่กัน ขวดสุรา….เอ๊ะ !…
ชายหนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อคิดออก…
“ ใช่แล้ว !…ลูกกลิ้งหยกของกงกงเฉียน ” ..
ทันทีที่คิดออก หลิวหงเหินพลันรู้สึกผิดแปลกจากที่ควรเป็น..
มันเห็นพัคนารินนั่งหลับสนิท ไม่ได้สติเหมือนเป็นลมล้มพับ มากกว่าหลับนอนปกติ
“ แม่นาง…แม่นาง…พัคนาริน !..”.. ชายหนุ่มกล่าวเรียกดังๆ พอลุกขึ้นยืนจะแตะตัว ถึงได้รู้ว่าตนเสียท่าแล้ว..
หลิวหงเหิมพยายามรวบรวมลมปราณ ทว่าทั้งร่างพลันชาด้านไร้ความรู้สึก และเพียงอึดใจร่างระหงในชุดครามจึงล้มกระแทกกับพื้นเต็มแรง
ดวงตาหรี่ปรือของหลิวหงเหิน ยังพอเห็นรองเท้าสีเทาเลื่อนๆก้าวเข้ามาภายในห้อง เห็นฆ้องทองเหลืองที่ห้อยไว้ข้างเอว เฒ่าหยางก้มลงมองชายหนุ่ม ใบหน้าชรายังยิ้มประจบประแจงตามนิสัย
" ล่วงเกินแล้วบัณฑิตหลิว ล่วงเกินแล้ว….”