บทที่ 3
คุณแม่ตัวร้าย
ลำแสงสีทองอ่อนส่องผ่านกระจกบานใสและผ้าม่านลายสวย ภายในห้องนอนที่คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายแห่งราคะระหว่างชายหญิง เจ้าของห้องที่นอนนิ่งอยู่นาน เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ อุ่นไอของร่างแกร่งกำยำที่แนบชิดอยู่ทำเอานิลอรไม่อยากลุกจากที่นอนเลย เธอรู้สึกเป็นสุขและอบอุ่นใจอย่างประหลาด ยิ่งได้รับรู้ถึงเหตุผลที่เขาไม่ได้ออกตามหาเธอกับลูกอย่างที่ควรจะเป็น เธอก็ยิ่งเข้าใจ เธอขอเป็นคนโง่ๆ เชื่อใจเขาดูสักครั้งหนึ่ง เพราะถ้าเขาไม่ได้โป้ปด ย่อมแสดงว่าเรื่องนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง และคนคนนั้นก็ต้องเป็นยัยปีศาจหน้าสวยคนนั้นแน่ๆ
‘แก่ไม่อยู่ส่วนแก่นะป้า ชอบยุแยงใส่ร้ายป้ายสีให้ชาวบ้านเขาแตกแยกกัน อย่างนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกซะบ้าง รู้จักนิลอรน้อยไปซะแล้ว แม่จะเอาคืนให้คุ้มเลยคอยดู’
คุณแม่ลูกสองหมายมาดในใจ ริมฝีปากสีกุหลาบขบเม้มเข้าหากันจนซีดจาง ดวงตาสีนิลระยับวาววับอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
“เอ...วางแผนชั่วร้ายอะไรอยู่หรือแองจี้ ไม่เอาน่า...ลืมๆ มันไปบ้างเถอะ” โจนาธานปรามนิลอรเสียงอู้อี้ เหลือบเห็นสายตาเจ้าหล่อนที่ฟ้องถึงความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
“ไม่ลืม! ฉันจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าใครใส่ร้ายป้ายสีฉัน แต่ตอนนี้ ช่วยปล่อยฉันซะที ฉันจะไปดูร้าน ส่วนคุณน่ะลุกไปปลุกลูกไปโรงเรียนเลย”
คุณแม่ลูกสองได้ทีสั่งพ่อของลูก ขณะพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนที่มีกล้ามเป็นมัดๆ ของตาแก่ เขาคงกลัวความชรามากกระมังถึงได้ขยันออกกำลังกายจนฟิตเฟิร์มไปทั้งตัวอย่างนี้
โจนาธานลุกขึ้นมานั่งอย่างขัดใจ ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์ด้านนอกหน้าต่างจะทอแสงสีทองให้เห็นรำไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสมควรแก่เวลาลุกจากเตียง
“ฉันง่วงนี่นา ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ ฉันจะนอนต่อ...”
เผียะ!!
“โอ๊ย! เจ็บนะแองจี้”
คุณพ่อลูกสองวัยเลยขบเผาะ ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกฝ่ามือของแม่แองจี้น้อย ฟาดแขนเปล่าเปลือยจนขึ้นรอยนิ้วชัดเจน หล่อนจะฆ่าเขาหรืออย่างไรถึงได้ฟาดลงมาอย่างนี้ คนแก่ก็น้อยใจเป็นนะเออ
“เจ็บก็ลุกสิยะ! ฉันสายแล้วนะ ไม่รู้ว่าที่ร้านยุ่งหรือเปล่า วันนี้วันจันทร์ด้วย ที่ร้านต้องลูกค้าเยอะแน่ๆ” บ่นพลางลุกจากที่นอน ไม่ลืมสลัดผ้านวมแรงๆ ให้คนที่นอนอยู่รู้ว่าสมควรลุกเช่นกัน
“แองจี้?” เขาเรียกเมื่อเห็นหล่อนตามเก็บเสื้อผ้าที่หล่นเรี่ยราดอยู่ข้างเตียง รวมทั้งเจ้าตุ๊กตาหลายตัวที่หล่นร่วงลงไปตั้งแต่เมื่อคืน เวลาที่เห็นหล่อนทำหน้าที่ราวกับภรรยาผู้แสนดี เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแม่บ้านแม่เรือน เขาก็อดไหววูบในใจไม่ได้ การที่หล่อนตั้งท้องตั้งแต่ยังสาวคงทำให้อะไรๆ หลายๆ อย่างในตัวหล่อนเปลี่ยนแปลงไปด้วยกระมัง
“อะไร? อ้อ...เดี๋ยวฉันเอาแปรงสีฟันอันใหม่ให้คุณก่อนนะ มันน่าจะใช้ได้ อาจจะเล็กไปหน่อยเพราะมันเป็นของผู้หญิง” เธอว่าแล้วยัดเสื้อผ้าที่เพิ่งเก็บขึ้นจากพื้นใส่ลงในตะกร้า เธอคงต้องซักมันหลังจากไปช่วยเด็กในร้านดูแลลูกค้า
โจนาธานลุกลงจากเตียง เขาฉวยผ้าเช็ดตัวที่นิลอรพาดไว้บนราวหน้าห้องน้ำมานุ่งหลวมๆ ก่อนเดินเข้าไปกอดหล่อนทางด้านหลัง ตอนนี้หล่อนกำลังยุ่งอยู่กับการหาแปรงสีฟันอันใหม่บนชั้นที่แปะอยู่กับผนังข้างตู้เสื้อผ้า เลยไม่ได้ระวังว่าจะโดนขโมยกอดอย่างนี้
“อุ๊ย! ตาแก่บ้าเอ๊ย! ตกใจหมดเลย” คุณแม่ลูกสองบ่นพึมพำไม่จริงจังนัก ก่อนจะดิ้นให้หลุดออกจากวงแขนร้อนๆ ของเขา ตาแก่นี่หื่นไม่เลิกจริงๆ ใจคอจะรังแกเธอให้หายอยากเลยหรือไง คนนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง อะไรที่มันบอบบางตอนนี้มันแทบจะอักเสบอยู่แล้ว เพลาๆ เสียบ้างเถอะ เธอรู้แล้วว่าเขายังฟิตเปรี๊ยะเกินอายุ
“แองจี้...คือ...” หนุ่มใหญ่พูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ เมื่อฝ่ามือของเขาเลื่อนไปตะปบเนินเนื้ออวบหยุ่นที่อยู่เหนือชายโครงของหล่อน มันนุ่มหยุ่นเต็มไม้เต็มมือเสียจนคำถามที่เตรียมไว้ จดจำได้เพียงลางๆ เท่านั้น
“คือ...คืออะไร? ปะ...ปล่อยก่อนสิ จะมากอดมาจับอะไรนักหนา”
นิลอรแหวใส่ แต่กลับเอนกายพิงแผ่นอกอุ่นร้อนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง
“คือ...อ่า...ฉัน อ้อ...แค่จะถามว่า...เหนื่อยไหมคนดี ฉันขอโทษที่ไม่ได้อยู่แลเธอกับลูก ขอโทษนะที่รัก”
อารมณ์หวามไหวของนิลอรจางหายไปอย่างรวดเร็ว พอๆ กับที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาหยุดการบีบขยำทรวงอวบของเธอ น้ำเสียงที่เขาใช้มันอบอุ่นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ช่างมันเถอะ มันผ่านมาแล้วนี่ ตอนนี้คุณก็ได้เจอเด็กๆ แล้ว ฉันรู้ดีว่าสักวันคุณจะพาพวกแกไปจากฉัน และถึงแม้ว่าฉันจะต่อสู้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายคนที่ได้ลูกไปก็ต้องเป็นคุณอยู่ดี ฉันมีแค่ความรักกับอ้อมแขนของคนเป็นแม่ แต่ฉันไม่มีอนาคตให้แกเหมือนกับคุณ เด็กๆ จะมีอนาคตที่ดีกว่าถ้าไปอยู่กับคุณที่สิงคโปร์ ส่วนฉัน...ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว ฉันคงไม่กลับไปเป็นนางบำเรอของคุณอีก ถึงแม้ว่าเรื่องเมื่อคืนมันจะเกิดขึ้นก็ตาม”