โจนาธานตกใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินเช่นนั้น เมื่อคืนนี้ตอนที่คุยกันเจ้าหล่อนยังเหมือนจะคล้อยตามเขาอยู่ที่นา เรื่องที่จะกลับไปที่สิงคโปร์ด้วยกัน แล้วทำไมตอนนี้พูดเหมือนจะเปลี่ยนใจล่ะ
“ทำไมล่ะแองจี้ เธอ...ไม่มีความสุขเหรอ ฉันนึกว่าเมื่อคืนเรามีความสุขด้วยกันซะอีก” โจนาธานกระซิบถามพลางรั้งร่างอรชรไปนั่งที่ปลายเตียง ตอนนี้หล่อนนั่งบนตักเขาเรียบร้อย
“ฉัน...ฉันบอกคุณแล้วเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน และ...”
“โธ่...แองจี้? อย่าเอาเรื่องนั้นมาเกี่ยวสิ มันผ่านไปแล้วนะ!”
หนุ่มใหญ่ขึ้นเสียงใส่อย่างเหนื่อยหน่าย และนั่นก็ทำให้เจ้าหล่อนเดือดขึ้นมาได้เช่นกัน
“ใช่สิมันผ่านไปแล้ว แต่มันก็อาจจะเกิดขึ้นอีกถ้าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ข้างๆ คุณ!” นิลอรสะบัดร่างให้ออกห่างอกแกร่ง แต่ดูเหมือนว่าวงแขนแข็งแรงจะพันธนาการแน่น ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระโดยง่าย
“เธอระแวงมากเกินไปแองจี้ เธอกำลังเข้าใจเอลิซผิด บางทีมันอาจจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้นก็ได้” เขายอมอ่อนลงให้แม่นางร้ายนิลอร เมื่อเจ้าหล่อน พร้อมจะฝังเขี้ยวคมๆ ลงบนที่ใดสักแห่งบนร่างกายเขา เพื่อให้หล่อนทุเลาความโกรธ
“มันร้ายแรงเสมอโจนาธาน!” นิลอรกระแทกเสียงใส่สามีทางพฤตินัย เขากำลังแก้ตัวแทนอดีตภรรยา ทุเรศ!
“ใจเย็นๆ สิแองจี้ เอาอย่างนี้ไหม เธอลองทำความรู้จักกับเอลิซดูก่อน บางทีพวกเธออาจจะเป็นเพื่อนกันได้นะ ยิ่งตอนนี้เอลิซมาอยู่ที่บ้านฉันชั่วคราว พวกเธอก็จะได้มีเวลาทำความรู้จักกันมากขึ้นไง”
นิลอรขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าเขา ประหนึ่งจะใช้ดวงไฟในดวงตาเผาไหม้วาจาชั่วร้ายให้เหลือเพียงเศษเถ้าธุลี นี่เขาหมายความว่ายังไง! การที่ชวนเธอกลับไปอยู่กับเขาที่โน่น หมายความว่าเธอต้องอยู่ร่วมบ้านกับยัยป้ามหาภัยนั่นเหรอ!
“สนุกตายล่ะ อดีตภรรยากับอดีตนางบำเรออยู่ร่วมบ้านเดียวกัน คุณคิดว่าสงครามมันสนุกนักหรือไง ถึงได้คิดเอามันไปไว้ในบ้าน ฉันจะบอกให้นะถึงยัยป้านั่นจะไม่เป็นฝ่ายเริ่ม แต่ฉันนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเริ่มเอง เพราะฉันแค้นที่หล่อนแย่งเวลาที่ลูกๆ ของฉันควรมีพ่อไปตั้งสี่ปี และคุณก็อย่ามาห้ามฉันเรื่องนี้เด็ดขาด!”
“แองจี้...ทำไมเธอถึงได้มองโลกในแง่ร้ายนะ เอลิซแค่เดือดร้อน สี่ปีที่แล้วตอนที่เธอหนีมา เอลิซก็กำลังแย่ สามีหล่อนถูกฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย และวันต่อมาเขาก็หัวใจวายเสียชีวิต เอลิซไม่มีญาติเหลือแล้ว เธอเข้ากับญาติของสามีไม่ได้ ฉันเลยสงสาร แล้วตอนนั้นฉันก็เศร้านะแองจี้ที่เธอทิ้งมา ฉันก็เลยคิดว่าถ้าเอลิซกลับมาอยู่กับฉัน อย่างน้อยเรื่องในบ้านก็มีคนคอยดูแล...และ...”
“นี่แสดงว่าตลอดสี่ปีคุณกับเอลิซ...” ดวงตาของคุณแม่ลูกสองแดงก่ำขึ้นมาเมื่อสำเหนียกได้ว่าสามีทางพฤตินัย กลับไปยุ่งเกี่ยวกับอดีตภรรยาของเขาจริงๆ
“โอ...ไม่นะแองจี้ ฉันกับเอลิซเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ฉันให้หล่อนช่วยดูแลบ้าน ให้งานหล่อนทำและช่วยส่งเสียลูกๆ ของหล่อนเรื่องการเรียนเท่านั้น ฉันไม่มีวันกลับไปคืนดีกับหล่อนหรอกน่า” ถึงแม้หล่อนจะพยายามมาตลอดสี่ปีก็ตาม ตรงนี้เขาไม่ได้พูดออกไป เพราะเกรงว่าจะไปเสริมด้านลบของเอลิซในจิตใจของนิลอร เขาเกยคางบนไหล่น้อยๆ พร้อมกับกดจูบเบาๆ กระชับอ้อมแขนอีกหน่อยเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูด
“ก็แล้วแต่คุณสิ จะคืนดีกับยัยนั่นหรือไม่คืนดีก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว”
“เกี่ยวสิที่รัก ก็เธอเป็นเมียฉันนี่นา” เขาค้านพร้อมกับบอกตำแหน่งฐานะให้หล่อนได้ยินชัดๆ แต่นิลอรกับตัวแข็งทื่อ เธอหรือจะได้รับเกียรตินั้นในเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาแทบจะกรอกหูอยู่ทุกวันว่าเธอเป็นแค่...แม่พันธุ์!
“ฉัน...ไม่ใช่เมียคุณ! ฉันจำได้ว่าคุณให้ฉันเป็นแค่แม่พันธุ์ผลิตลูกเท่านั้น!” หยาดน้ำตาใสๆ ไหลร่วงจากดวงตาที่แดงก่ำ เธอไม่อาจปกปิดความอ่อนแอในหัวใจได้เลย เมื่อต้องเอ่ยถึงความจริงในข้อนี้ เธออุตส่าห์หนีมาเพื่อจะได้พ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่ แต่เขากลับพามันมาตอกย้ำให้เธอได้ช้ำหัวใจ
“โอ...แองจี้ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆ เธอ...อย่าเพิ่งโกรธฉันเลย ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจิตใจเธอนะ แต่ที่ฉันต้องทำเพราะ...เพราะฉันรู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่ได้รักฉัน หัวใจเธอมีแต่วาโยเท่านั้น ฉันเลยต้องย้ำคำนั้นกับเธอบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเอง...หลงรักเธอ”
“อะไรนะ?” นิลอรไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน เขากำลังจะบอกว่าเขาทำให้เธอเจ็บกับถ้อยคำบาดทรวงเหล่านั้น เพียงเพราะว่าเขาจะได้ใช้มันเตือนใจไม่ให้หลงรักเธอเนี่ยนะ แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้วงั้นเหรอ ถึงได้มากอดเธออยู่อย่างนี้ หรือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันเป็นเพราะฮอร์โมนของคนที่อยากทำเรื่องอย่างว่าเท่านั้น
“ใช่...ฉัน...ฉันคงรักนางบำเรอของตัวเองเข้าแล้วแองจี้ แต่งงานกันนะที่รัก ฉันรักเธอนะนิลอร” โจนาธานรีบรวบรัดตัดความ เกรงว่าถ้าพูดช้ากว่านี้ เขาจะไม่มีความกล้ามากพอ