“วันนี้เจ้าไม่ได้กินข้าวหรือ ข้าสั่งให้ม่ออี้ดูแลเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไง เหตุใดยังมายืนทำกิริยาไร้มารยาทเช่นนี้” แม้จะพูดตำหนิเจียวอิง แต่หางตากลับชำเลืองมองม่ออี้คล้ายคาดคั้นคำตอบ
“เรียนท่านอ๋อง เมื่อเที่ยงข้าให้คนนำอาหารไปให้ รวมทั้งน้ำชายามบ่าย”
“นั่นเรียกว่าอาหารหรือ อาหารหมูยังดีกว่าอาหารของข้าเสียอีก” เจียวอิงโพล่งออกไปอย่างลืมตัว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดจาไม่สมควรออกไป ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
ใบหน้าม่ออี้ดำทะมึนคล้ายจะเกิดพายุใหญ่ในไม่ช้า ดวงตาแดงก่ำจ้องเจียวอิงเขม็ง
“ที่เจียวอิงพูด เป็นความจริงหรือไม่”
ม่ออี้สะดุ้งเฮือก รีบคุกเข่าขอรับผิดแต่โดยดี “บ่าวละเลยหน้าที่ เห็นว่าแม่นางเจียวอิงตัวเล็กคงกินดื่มไม่มากจึงไม่ได้...”
“เรื่องที่ข้าสั่งก็คือสิ่งที่บอกให้ทำ อย่าสะเออะมาคิดแทนข้า! ไสหัวเจ้าไปได้แล้ว! และอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าทำอะไรนอกเหนือคำสั่งอีก”
ม่ออี้รีบผงกศีรษะ กล่าวขอบคุณ และคลานออกจากห้องโดยเร็ว ทว่าไม่แคล้วหันมาส่งสายตามาดร้ายให้เจียวอิง แต่สตรีผู้หิวจนตาลายไม่ได้สนใจ นางมัวจดจ่อส่องสายตากลมออดอ้อนขอให้ได้ริมลองอาหารเลิศรสที่อยู่บนโต๊ะ
“งั้นเจียวอิง เจ้าก็มานั่ง...”
“มานั่งข้างข้า” หมิ่งจิ้นเหอชิงตัดบท ยืดตัวตรงส่งสายตาไปทางเก้าอี้ด้านข้าง
เจียวอิงทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย เพราะนางอยากนั่งข้างเล่อเยว่ฉีมากกว่า
หมิ่งจิ้นเหอมักชอบให้เจียวอิงทำอะไรแปลกๆ อาทิ
“คีบอาหารเข้าปากตัวเองแล้ว ก็คีบป้อนข้าด้วย”
นั่น... ว่าไม่ทันขาดคำ
เจียวอิงเหลือบตาขึ้นลง อยากจะร้องไห้เสียเหลือเกิน หากไม่เพราะท้องกำลังหิว นางไม่มีทางลดเกียรติมาเอาใจชายที่กักขังตนอย่างแน่นอน
เข้าปากตัวเองคำ เข้าปากบุรุษคำ เจียวอิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังป้อนข้าวลูกชายอย่างไรอย่างนั้น
หมิ่งจิ้นเหอยกยิ้ม เจียวอิงฟื้นทน ส่วนเล่อเยว่ฉี...บัณฑิตผู้น้อยขอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นละกัน
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ อาหารบนโต๊ะถูกจัดการจนเกลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝีมือของเจียวอิง หญิงสาวลูบท้องที่แน่นขนัดของตนอย่างมีความสุข ท้องอิ่มสมองจะได้แล่น คืนนี้นางจะได้วางแผนหนีอีกครั้ง!
“รบกวนท่านอ๋องมาทั้งวันแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน” เล่อเยว่ฉีลุกขึ้นโค้งคำนับพลางส่งยิ้มให้เจียวอิง
“เชิญ ไม่ส่ง”
“ข้าไปส่งเอง”
หมิ่งจิ้นเหอหันมองเจียวอิงตาแทบถลน นี่นางไม่มีความเหนียมอายเช่นกุลสตรีเลยหรืออย่างไร!
“ไปเถิดคุณชาย ข้าไปส่งๆ”
เจียวอิงกระวีกระวาดเดินไปรอหน้าประตู เล่อเยว่ฉีชำเลืองมองหมิ่งจิ้นเหอที่บัดนี้ใบหน้าขึงตึง ดวงตาแดงก่ำสว่างวาบดูขนลุกชอบกล
เล่อเยว่ฉียิ้มเจื่อน กระแอมหนึ่งทีก่อนเดินตามเจียวอิงออกไป
เจียวอิงใช้จังหวะที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังกระซิบถามชายหนุ่ม “คุณชายเล่อ ตอนท่านเข้าวัง ท่านได้ยินข่าวอะไรเกี่ยวกับงานเลี้ยงหรือองค์หญิงต่างแคว้นหรือไม่”
เล่อเยว่ฉีกะพริบตาปริบ ขมวดคิ้วอย่างงุนงง “เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่ององค์หญิงต่างแคว้น”
“แสดงว่ามีใช่หรือไม่! เมื่อไรเจ้าคะ เมื่อไรๆ นางจะมาเมื่อไร”
เล่อเยว่ฉีอ้ำอึ้งในทีแรก แต่แล้วก็ดีดนิ้วเข้าใจ รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นที่ใบหน้าหล่อเหลาคล้ายนักปราชญ์ผู้รู้แจ้ง “เจ้าจะใช้ช่วงเวลาที่อ๋องแปดไม่อยู่จวน หลบหนีอีกแล้วใช่หรือไม่”
“ปะ...เปล่านะ ข้าแค่ถามดูเฉยๆ”
“เจียวอิงเอ๋ยเจียวอิง ในที่นี้มีใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าสร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง เดี๋ยวโดดกำแพง ปีนต้นท้อ ขุดดินหลังสวน ไหนจะเรื่องที่เจ้าแอบปลอมตัวปะปนกับกลุ่มนักดนตรีที่เข้ามาแสดงในจวนอ๋องอีก”
เจียวอิงยิ้มแห้ง ยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“อ๋องแปดปฏิบัติกับเจ้าไม่ดีหรือไง เหตุใดถึงคิดหนีอยู่ได้ หรือเจ้าคิดอยากไปจะไปอยู่กับญาติฝ่ายแม่ของเจ้า”
“ก็คิดอยู่”
เล่อเยว่ฉีเลิกคิ้วหนึ่งข้าง “ข้าไม่ได้อยากกล่าวร้ายครอบครัวเจ้าหรอกนะ แม้เป็นครอบครัวแต่ใช่ว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำเสียทั้งหมด เจ้าคิดว่าญาติห่างๆ พวกนั้นจะใจดีกับเจ้าอย่างนั้นหรือ พูดก็พูดเถิด ตั้งแต่ข้ารู้จักท่านอ๋องก็รวมเกือบสิบสองปี ข้าไม่เคยเห็นเขาเก็บสตรีใดไว้ข้างกายนานเพียงนี้ เจ้าก็...ทำตัวดีๆ หน่อยเถิด”
เจียวอิงเบ้ปากพลางส่ายหน้าซ้ายขวา เล่อเยว่ฉีหัวเราะ ยื่นมือมาตบที่ไหล่ของนางเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นรถม้าไป
ข้ายังไม่คิดหนีในเร็ววันนี้เสียหน่อย ที่ถามก็แค่อยากรู้ว่าเรื่องราวที่ดำเนินตามบทในนิยายจะเริ่มต้นเมื่อไรต่างหาก หรือก็คือวันที่ตัวตนของข้าจะต้องถูกกำจัดให้พ้นทางนางเอก!
ในนิยายบรรยายไว้ชัดเจน หมิ่งจิ้นเหอเป็นบุรุษใจคอโหดร้าย กระทำการร้ายแรงถึงขั้นก่อกบฏยึดบัลลังก์ของพระเชษฐาแท้ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสาบานว่าจะไม่มีวันทำก็คือ...
ปันใจให้สตรีมากกว่าหนึ่งคน
สตรีบำเรอที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคือสิ่งบำบัดอารมณ์ทางเพศ มีสัมพันธ์เพียงกาย แต่ใจนั้นหาได้ผูกพัน ครั้นเจอสตรีที่พร้อมมอบกายใจให้ สตรีที่ซุกซ่อนไว้เป็นต้องถูกกำจัดสิ้น
หากถึงวันที่นางเอกปรากฏตัว หัวใจหมิ่นจิ้นเหอสั่นไหวจนเกิดเป็นความเสน่ห์หาขึ้นมา อยากมอบความรักและจงรักภักดีต่อหญิงสาวที่รักเพียงหนึ่งเดียว เจียวอิงที่รับหน้าที่เป็นสตรีบำเรอคงไม่พ้นถูกสังหารทิ้งเป็นคนแรก
เจียวอิงเดินคอตกกลับมาที่เรือน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอุ่น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกังวลมากมายเพียงใด แต่ตอนนี้...หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ขอนอนสักงีบ อนาคตค่อยว่ากัน