เจียวอิงพยายามคิดหาเหตุผลมากมายมาวิเคราะห์ดู นิสัยพื้นฐานของอ๋องแปดนั้น ไม่เพียงโหดร้ายขาดความเมตตา แต่กับเรื่องบนเตียงยังป่าเถื่อนมากเช่นกัน
หรือว่าข้าจะถูกทรมานจนตาย!?
และจากที่สอบถามบรรดาบ่าวไพร่ภายในจวน ทั้งหมดต่างตอบเป็นเสียงเดียวว่าอ๋องแปดไม่พึงปรารถนาจะมีสตรีใดข้างกาย หนำซ้ำยังเบื่อง่าย สตรีหลายนางมักถูกสังหารหลังจากผ่านการร่วมเตียงในคืนแรก หากโชคดีหน่อยอาจถูกขายให้โรงโสเภณีหรือปล่อยเข้าป่าเป็นอาหารของเสือดำก็เป็นได้เช่นกัน
เมื่อรู้เช่นนี้จะไม่ให้นางคิดหนีได้เช่นไร!
“แต่นี่ผ่านมาจะอาทิตย์กว่าแล้ว ท่านอ๋องยังโปรดปรานแม่นางอยู่เลยนะเจ้าคะ”
คำพูดของผิงผิงราวน้ำเย็นราดรดกลางศีรษะ เจียวอิงตาโตหันขวับมามองสาวใช้ “ที่ทรมานข้าทั้งคืน! เอ่อ... หมายถึงกักขังข้า เรียกว่าโปรดหรือ ผิงผิง...เจ้าต้องมีปัญหาทางสายตาแน่ๆ”
“หากแม่นางทำตัวว่าง่ายเชื่อฟังท่านอ๋อง ข้าว่าชีวิตบั้นปลายแม่นางต้องสบายแน่เจ้าค่ะ” ผิงผิงพยายามโน้มน้าวต่อ
เจียวอิงกลอกตาขึ้นลงเหมือนคิดตาม แต่แล้วก็สะบัดหน้าแรงๆ “ไม่ๆ ตอนนี้ไม่ฆ่าแต่ภายหน้าใครจะรู้เล่า ข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยเพื่อรอเวลาถูกเชือดหรอกนะ”
เจียวอิงลุกขึ้นจะเดินกลับห้อง แต่แล้วหางตากลับเห็นบุรุษท่าทางสง่างามเด่นสง่ามาแต่ไกล คนผู้นี้แตกต่างจากหมิ่งจิ้นเหอโดยสิ้นเชิง ทั้งอ่อนโยน นุ่มนวลและใจดีเป็นที่สุด
“คุณชายเล่อ!” เจียวอิงตะโกนเรียกพลางโบกไม้โบกมืออย่างร่าเริง สองมือรวบกระโปรงพลางวิ่งเข้าไปหา
“แม่นางเจียวอิง” เล่อเยว่ฉีค้อมศีรษะทักทาย
“ไม่เจอคุณชายหลายวัน เป็นอย่างไรบ้าง เห็นว่าคุณชายถูกเรียกตัวเข้าวังไปรับราชการจริงหรือไม่”
“ข่าวมาไวจริงนะ ถูกต้อง ข้าเพิ่งถูกเรียกตัวเข้าวังเมื่อสามวันก่อนนี้เอง”
เจียวอิงตาเป็นประกายอยากฟังเรื่องราวจากเล่อเยว่ฉีมากกว่านี้ หากไม่เพราะเสียงกระแอมจากทางด้านหลัง ทำนางกระโดดโหยงเป็นกระต่ายตื่นกลัว รีบวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเล่อเยว่ฉีทันที
“เจียวอิง รบกวนแขกแบบนี้ใช้ได้หรือ”
“รบกวนอะไร ข้ากับท่านอ๋องเป็นสหายกันมิใช่หรือ หาใช่แขกหรือใครอื่น เจียวอิงก็แค่มาทักทายตามประสา” เล่อเยว่ฉีรีบออกรับแทน เขาเหลือบมองสตรีที่ยืนหลุบตาต่ำอยู่ด้านหลังก็รู้สึกเอ็นดู
“เพราะเจ้าให้ท้ายนางเช่นนี้อย่างไรเล่า นางจึงเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวข้า” หมิ่งจิ้นเหอเอ่ยเสียงเย็นแฝงอารมณ์ฉุนเฉียว
เจียวอิงเม้มริมฝีปากเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “เพราะท่านชอบดุข้าเช่นนี้ ข้าจึงต้องเหิมเกริม”
ได้ยินสตรีปากกล้ากล่าวโต้ตอบ หมิ่งจิ้นเหอยิ่งเดือดดาลคิดว่าเจียวอิงออกตัวปกป้องเล่อเยว่ฉี นัยน์ตาคมกริบดุดันแผ่รังสีเย็นเยือกจนหญิงสาวสั่นสะท้าน
“มานี่”
“ท่านอ๋องอย่าดุนางเลย นางอายุยังน้อยมิรู้ความอะไร” เล่อเยว่ฉีพยายามช่วยพูด แต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจแก่ชายตรงหน้ามากขึ้น
“เจ้าจะมาดีๆ หรือจะให้ข้าเดินไปลากตัวเจ้า”
เจียวอิงเลิ่กลั่ก แต่แล้วก็จำใจต้องยอมเชื่อฟังอย่างไม่มีทางเลือก นางกลัวว่าหากรั้นต่อจะยิ่งสุ่มไฟในกายของหมิ่งจิ้นเหอให้ลุกโชนมากขึ้น และสุดท้ายคนที่จะซวยรับกรรมก็คือนางเอง
มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กไว้แน่น ดึงนางมายืนข้างตน “เยว่ฉี เจ้าไปรอข้าที่ห้องหนังสือก่อน ไว้ข้าจัดการเจ้าตัวดีนี่แล้วจะรีบไปหา”
กล่าวจบก็ออกแรงดึงเจียวอิงไปที่เรือนรับรอง ปิดประตูลงกลอนแล้วจึงหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว “ตอนอยู่กับเยว่ฉีนั้นหัวเราะร่า ทีอยู่กับข้าก็เอาแต่ทำหน้าทุกข์ระทม”
เจียวอิงก้มหน้า ถอยหลังจนตัวชิดผนัง “ก็คุณชายเล่อใจดี ไม่เหมือน...”
“จะบอกว่าข้าใจร้ายกับเจ้าหรือไง”
ร่างสูงเดินเข้าประชิด ก้มหน้าต่ำจ้องคนตัวเล็กด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “บอกมาสิว่าข้าใจร้ายกับเจ้าตรงไหน”
ทุกตรง! เจียวอิงอยากจะตะโกนออกไปใจแทบขาด แต่หญิงสาวไม่มีความกล้าพอจะทำเช่นนั้น จึงทำเพียงกัดริมฝีปากของตนไว้
“ข้าดูแลเจ้าไม่ดีหรือ ทำไมถึงคิดจะหนีจากข้า หื้อ” นิ้วสากลูบเส้นผมนุ่มลื่นดุจเส้นไหมอย่างแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมการกระทำที่ดูคล้ายจะอ่อนโยนนี้กลับทำเจียวอิงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
“ท่านอ๋อง โปรดเมตตาข้าด้วย” เจียวอิงรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ยิ่งเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ดวงตากลมโตก็เริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อคลอ
หมิ่งจิ้นเหอชะงักไป แต่เพียงพริบตาเดียวก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้าชอบใบหน้ายามขลาดกลัวของเจ้า ทำข้ารู้สึกเกิดอารมณ์นัก”
เจียวอิงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ และกว่านางจะตั้งสติได้ เสื้อผ้าของนางก็ถูกฉีกกระชากพร้อมกระโปรงที่ถูกถลกขึ้น ร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นให้ขาทั้งสองเกี่ยวรัดกับเอวของหมิ่งจิ้นเหอ ช่องทางรักถูกเสียดสีจนเปียกชื้น แต่ไม่ยอมที่จะสอดเข้ามาในกายนาง
เห็นเจียวอิงเงยหน้าคราง รอยยิ้มกริ่มพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของอ๋องแปด “เจ้าจะทำเอง หรือให้ข้าทำ”
เจียวอิงตกตะลึง ใบหน้าแดงก่ำ “หมิ่งจิ้นเหอ!!! ไอ้อ๋องโรคจิต!!!”