ผ่านไปไม่ถึงสามวัน เทียบเชิญก็ถูกส่งมาตามคำบอกของเจียวอิงจริงๆ หมิ่งจิ้นเหอเปิดอ่านเนื้อความด้วยความแปลกใจ ครั้นรู้ว่าเป็นคำเชิญไปร่วมงามเลี้ยง เขาก็ถึงกลับนิ่งไปชั่วครู่
แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องหนังสือพลันดังขึ้น เมื่อหมิ่งจิ้นเหอเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้ คนตัวเล็กจึงค่อยแทรกตัวเข้ามาช้าๆ
ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแป้นแล่นคล้ายอยากจะโอ้อวดในภูมิของตน “ได้ยินว่ามีเทียบเชิญส่งมาใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“สู่รู้”
“รู้สิรู้ ก็ข้าเป็นผู้หยั่งรู้นี่น่า” เจียวอิงลากเก้าอี้มานั่งที่ฝั่งตรงข้ามของบุรุษ วางมือบนโต๊ะไม้สัก ยืดหลังตรงแล้วส่งยิ้มราวจิ้งจอกน้อยมาให้ “เชื่อข้าแล้วใช่หรือไม่”
“หึ! เชื่อก็โง่แล้ว”
เจียวอิงเบ้ปาก ยกมือเท้าคางกับโต๊ะ เหลือบตาขึ้นลงอยู่สักพักก็หันไปคว้าเอากระดาษและพู่กันที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมา จากนั้นยื่นไปตรงหน้าของหมิ่งจิ้นเหอ
“อะไร”
“ท่านอ๋องช่วยเขียนสัญญาให้ข้าหน่อย”
“สัญญา? สัญญาอะไร”
“สัญญาว่าท่านจะไม่สังหารข้า”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมุ่น “เหตุใดข้าต้องสังหารเจ้า”
“เพราะท่านอ๋องต้องการเขี่ยข้าให้พ้นเส้นทางความรักของท่านอย่างไรเล่า” เจียวอิงหยุดพูดกะทันหัน ลุกขึ้นไปปิดประตูห้องก่อนวิ่งกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
“ข้าจะบอกให้นะ ในงานเลี้ยงจะมีสตรีผู้หนึ่งงดงามมาก งามจนท่านอ๋องไม่อาจละสายตา แล้วเพื่อพิชิตใจสตรีนางนั้น ท่านอ๋องจำต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ และซื่อสัตย์ว่าจะมีนางเพียงผู้เดียว”
“มีสตรีใดงามกว่าเจ้าอีกหรือ”
เจียวอิงหน้าแดงอย่างฉับพลัน ปากอ้าค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมสติแล้วพูดต่อเสียงตะกุกตะกัก
“ทะ...ท่าน ท่านอ๋อง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านต้องให้สัญญากับข้าว่าหากเจอสตรีที่พึงใจแล้ว ท่านต้องปล่อยข้าไป อย่าเอาชีวิตข้าเป็นพอ ส่วน...” เรื่องที่ท่านอ๋องถูกนางเอกหลอกใช้ อาจจะต้องค่อยๆ คิดหาทางออกทีหลัง
“ไม่ ข้าไม่สัญญา”
เจียวอิงนิ่งงัน ตะลึงพรึงเพริดกับคำตอบที่ได้รับ
“ข้าไม่สัญญา เพราะข้าจะไม่มีวันพึงใจสตรีใดนอกจากเจ้า”
ราวความอบอุ่นโอบรอบตัว แววตาล้ำลึกนั้นเปล่งประกายแน่วแน่เหมือนจะย้ำว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นมาจากใจหาใช่เสแสร้ง
เจียวอิงก้มหน้างุด หัวใจเต้นระรัวหลายจังหวะ
“แต่เพื่อความสบายใจของเจ้า ข้าจะเขียนให้” หมิ่งจิ้นเหอดึงกระดาษและพู่กันไปจากมือเล็ก ตวัดตัวอักษรลงไปอย่างตั้งใจ ลงท้ายด้วยชื่อและตราประทับประจำตระกูล ดูแล้วคล้ายหนังสือของทางราชการ ให้ความรู้สึกเป็นทางการยิ่งนัก
“ข้าหมิ่งจิ้นเหอ อ๋องแปดแห่งราชวงศ์หมิ่ง พระอนุชาขององค์จักรพรรดิในปัจจุบัน ขอสัญญาว่าจะดูแล ทะนุถนอม และรักหลี่เจียวอิงจวบจนความตายจะมาพรากจาก...”
เจียวอิงอ่านทวนข้อความในกระดาษแล้วนึกฉงนใจ ทำไมมันเหมือน...คำปฏิญาณตอนแต่งงานเลยเล่า!?
“หากเจ้าต้องการความมั่นใจ ข้าสามารถยกตำแหน่งเจ้า...”
เจียวอิงสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินเสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูของตน
หมิ่งจิ้นเหออาศัยจังหวะที่เจียวอิงมัวแต่จดจ่ออยู่กับตัวหนังสือ เดินอ้อมมาที่ด้านหลัง และโน้มหน้าเข้าใกล้จนแนบชิดกับพวงแก้มงาม
“ไม่ๆ ข้าไม่ต้องการ”
นัยน์ตาหมิ่งจิ้นเหอเจิดจ้า ดึงตัวเจียวอิงให้ลุกขึ้น น้ำเสียงเหี้ยมเย็นกล่าว “ทำไม! เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสตรีกี่คนที่อยากมายืนตรงที่ที่เจ้าอยู่”
เจียวอิงตกใจ เอ่ยเสียงสั่นเครือ “ขะ....ข้าไม่คู่ควร ข้าเป็นนักโทษหนีการจับกุม ตระกูลข้าถูกตัดสินประหาร ชีวิตข้า...ถูกขายเป็นทาส ข้าไม่บังอาจ”
“เจ้ากลัวมากกว่า กลัวที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับข้า”
ส่วนหนึ่งก็ใช่... เจียวอิงกลัวหมิ่งจิ้นเหอ กลัวตอนที่เขาปลอดปล่อยตัวตนดิบเถื่อนกับนาง แต่ที่กลัวกว่าคือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก
หากนางแต่งให้หมิ่งจิ้นเหอ แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร นางไม่อยากเอาตัวเข้าไปเกี่ยวพันกับปัญหารักสามเส้า อีกอย่าง...นางเอกของนิยายเรื่องนี้ก็หาใช่สตรีใสซื่อเสียเมื่อไร
“ทะ...ท่านอ๋อง อย่า”
ร่างงามถูกยกตัวขึ้นนั่งบนโต๊ะ ของทุกอย่างถูกกวาดทิ้งอย่างรวดเร็ว เสียงของตกแตกกระจายทำเจียวอิงตัวสั่นด้วยความตกใจ
ผิวเนียนละเอียดถูกฝากฝังรอยจ้ำแดงไว้ทุกสัดส่วน สัมผัสที่คล้ายจะพรากวิญญาณทำเนื้อตัวรุ่มร้อนจนหายใจติดขัด จุดอ่อนไหวถูกเชยชิมอย่างละเมียดละไม นุ่มนวลจนหญิงสาวรู้สึกไม่คุ้นชิด
หมิ่งจิ้นเหอมอบประสบการณ์ใหม่แก่เจียวอิง ไม่ได้ตักตวงความสุขจากนางดังเช่นที่ผ่านมา
ใบหน้าเจียวอิงแดงระเรื่อ เผยอปากน้อยๆ เพื่อสูดลมหายใจ ร่างกายของนางร้อนขึ้นจนแทบจะระเบิด กระทั่งสุขสมไปแล้วติดต่อกันสองรอบ
หมิ่งจิ้นเหอมองภาพสตรีที่นอนหอบหายใจ ดวงตาฉ่ำหวานปรือตามองเขาอย่างเย้ายวน ทำเบื้องล่างปวดหนึบขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะปลดผ้าคาดเอวออก เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้นขัดจังหวะ
“ท่านอ๋อง มีคนจากแคว้นเว่ยโจวมาขอเข้าพบเป็นการเร่งด่วนขอรับ”