บทที่1 หย่ากันเถอะ
ในคืนที่เงียบสงบ
ธารารู้สึกกระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ พึมพำพลิกตัวไปพลิกตัวมา
เมื่อรู้สึกว่ามีมือมาจับเอว เธอจงใจขยับออกจากเตียง แต่เมื่อเธอกำลังจะหลับก็ถูกดึงกลับมา
เธอขยับตัวออกไปหนีออกอีกครั้ง แต่ก็ถูกชายคนนั้นดึงกลับเข้ามาในอ้อมแขนอย่างแรง
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความต้องการของชายคนนั้นถูกปลุกขึ้นมา และมือของเขาไม่ได้วางบนเอวของเธออีกต่อไปแต่เปลี่ยนเป็นการจับอย่างอื่น
เธอตื่นขึ้นมา จับแขนที่แข็งแรงของเขาไว้แล้วพยายามผลักเขาออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง
“วันนี้ฉันไม่อยากจริงๆ”
หลังจากแต่งงานได้สามปี เธอที่เคยเชื่อฟังและประพฤติตัวดี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอปฏิเสธความต้องการของเขา
เทวินทร์ ไม่ฟังเสียงคำพูดของเธอ เขาพลิกตัวขึ้นมา ปลดกระดมเสื้อของเธอออก และจูบอย่างเย้ายวนไปตามไหล่กลมของเธอ
การต่อต้านของเธอไม่ได้ผล
ดวงตาของธารามองด้วยความว่างเปล่า ทั้งร่างกายของเธอชินชาและยอมความหยาบคายของเขา จากนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
มีเพียงความมืดมิดเท่านั้นที่เธอจะปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างอิสระ
……
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอไปที่ผับเพื่อเอาของไปให้กับน้องสาวของเทวินทร์ แต่ระหว่างทางกลับเธอถูกโจรปล้น
โจรสองคนนั้นไม่ได้สนใจกระเป๋าแบรนด์เนมหรือเครื่องประดับใดๆ ของเธอ พวกมันสนใจแค่แหวนแต่งงาน และพยายามลากเธอไปในที่มืดเพื่อข่มขืน แต่ดูเหมือนการปล้นครั้งนี้ไม่ได้หวังแค่ทรัพย์สิน แต่น่าจะเป็นการข่มขืนที่วางแผนมาอย่างดี
หากไม่บังเอิญมีตำรวจผ่านมาพอดี คืนนี้อาจเป็นคืนสุดท้ายของเธอ
ธารานั่งกอดเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดจนแทบไม่เหลือชิ้นดี เธอตัวสั่นขณะโทรหา เทวินทร์ แต่สิ่งที่เธอได้ยินจากปลายสายคือเสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่ง
“เทวินทร์ กำลังอาบน้ำอยู่ มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขาไหมคะ?”
เสียงนั้นอ่อนหวานและออดอ้อน ราวกับตั้งใจ
ในสายโทรศัพท์มีเสียงน้ำไหลเล็ดลอดมา เสียงนั้นเหมือนฟ้าผ่าทำให้ธาราช็อกจนพูดไม่ออก เธอค่อยๆ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าและนั่งร้องไห้อยู่ใต้แสงไฟข้างถนนอย่างสิ้นหวัง
เสียงนี้ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน มันคือเสียงของลดา ผู้หญิงที่เทวินทร์รักสุดหัวใจ เธอกลับมาแล้ว
หลังจากวางสาย ลดาส่งข้อความมาเยาะเย้ย และเขียนประโยคสั้นๆ ที่มาพร้อมกับภาพหนึ่งภาพว่า
【คนที่ไม่ได้รับความรักนั่นแหละคือเมียน้อย】
ภาพที่ถูกขยายออกมาเป็นผลตรวจอัลตราซาวด์ พบว่าเธอตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์แล้ว และเห็นอย่างชัดเจน
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว เทวินทร์ไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์นานหนึ่งสัปดาห์ ตรงกับช่วงเวลานั้นพอดีเลย
เขาน่าจะกำลังรอคอยลูกของพวกเขาด้วยความตื่นเต้น
แต่เรื่องต่างๆ กลับถาโถมเข้ามาในสมองของธาราจนแทบรับไม่ไหว
เสียงคำถามจากตำรวจที่ช่วยเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัว
“คนร้ายสองคนนั้นถูกจ้างมา ใครเป็นคนจ้างยังไม่รู้แน่ชัด คุณไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า?”
เธอรู้สึกตกใจมาก ใครกันที่ต้องการทำร้ายเธอ? เธอเป็นแค่แม่บ้านที่ใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ได้มีศัตรูที่ไหน แต่เมื่อคิดไปคิดมา คนเดียวที่อาจเกลียดเธอถึงขนาดนี้ก็คือคนๆ นั้น
ธาราคิดจนใจลอย
ความเจ็บปวดในใจนั้นรู้สึกชาไปหมด
เทวินทร์เดินเข้ามากอดเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะลงโทษเธอที่ไม่สนใจเขา
“ลดา กลับประเทศแล้ว พอดีเลยสัญญาของเราก็ใกล้จะหมดแล้ว หาวันไปจัดการเรื่องหย่ากันเถอะ”
คำพูดนั้นที่ออกจากปากของเขา ทำให้หัวใจของธาราเหมือนจะหยุดเต้น เธอคิดไว้แล้วว่าเขาคงจะขอเลิกกับเธอ แต่ไม่นึกว่าจะมาในสถานการณ์แบบนี้
ขณะที่พวกเขาทำเรื่องที่ใกล้ชิดกัน เขากลับพูดถึงเรื่องของเขากับผู้หญิงคนอื่น
การถูกฆ่ายังไม่น่ากลัวเท่ากับการทำร้ายจิตใจอย่างนี้
คุณเทวินทร์ ฉันไม่ได้โง่นะ ฉันก็มีหัวใจเหมือนกันนะ
ธาราที่ตัวสั่นอยู่ใต้ร่างของเขาและพยายามกลั้นเสียงสะอื้นออกมา
“ยินดีด้วยนะ ในที่สุดคนรักกันก็ได้อยู่ด้วยกัน”
ในบรรยากาศเงียบขรึม ธารากล่าวคำอวยพรที่ไม่อยากพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอ
ความรักที่แท้จริงทำให้คนหนึ่งยอมถ่อมตนจนแทบกลายเป็นผงดิน
“ร้องไห้เหรอ?”
ธาราตอบอย่างปากไม่ตรงกับใจว่า “เปล่า”
เทวินทร์ดูเหมือนจะไม่พอใจกับคำอวยพรของเธอ และเกือบโมโหสติหลุด
อีกทั้งธาราที่พึ่งผ่านหนีความตายมา
หลังพูดจบ เขาก็เอนตัวลงมาข้างหูของเธออยู่หยุดนิ่งไม่ขยับ
“ผมก็ขอให้คุณได้กลับไปพบ พี่ศรุตในเร็วๆนี้นะ พวกเธอเคยเป็นสามีภรรยากัน หากมีปัญหาอะไรก็มาหาผมได้เสมอ”
ธาราแขนขาอ่อนแรงเหมือนดอกไม้ที่ถูกพายุโหมกระหน่ำ และเป็นลมหมดสติไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เทวินทร์ก็หายออกไปจากเตียงแล้ว
เขาเป็นคนที่มีวินัยสูงกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม เขาจะตื่นตรงเวลาทุกเช้าเพื่อออกกำลังกาย กินอาหารเช้า และอ่านข่าว
เหมือนเครื่องจักรที่ติดตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า
หลังจากธาราล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว เธอก็ลงไปข้างล่าง ก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์กำลังฉายข่าวเช้าพอดี เป็นข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์พยายามข่มขืนบนถนนข้าวสารเมื่อคืนนี้
เทวินทร์นั่งอยู่ที่ห้องอาหารห้องเล็ก แขนเสื้อเชิ้ตสีดำถูกพับขึ้น เผยให้เห็นแขนที่มีกล้ามเนื้อเรียบตึง ช่วงไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตที่พอดีตัว ราวกับว่าเธอไม่เคยได้รับหรือสัมผัสความอบอุ่นเลย
มือซ้ายของเขาถือนิตยสารการเงิน ส่วนมือขวาถือแซนด์วิชที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ เขาไม่สนใจข่าวร้ายที่ฉายทางโทรทัศน์เลยแม้แต่น้อย
บรรยากาศรอบตัวเขาแผ่รังสีเย็นชาราวกับจะบอกว่า คนแปลกหน้าอย่าเข้าใกล้
ป้าแม่บ้านป้าหลิว เห็นธาราลงมาก็ยิ้มแล้วถามว่า "วันนี้คุณผู้หญิงอยากทานโจ๊กหรือข้าวต้มคะ?"
ธาราเม้มปากแล้วตอบว่า “อะไรก็ได้ค่ะ ป้าหลิว ต่อไปเรียกฉันว่า ธาราน่าจะดีกว่านะคะ”
ป้าหลิวยิ้มค้าง และพยายามตีความคำพูดนั้น สอดส่องเทวินทร์และธาราอย่างไปมา แต่ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“ตามใจเธอ”
เทวินทร์พูดตอบกลับอย่างเย็นชา สายตาที่กำลังอ่านนิตยสารในมือไม่เงยหน้าขึ้นมามองเธอเลย
เมื่อกินอาหารได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืนและจากไปราวหนึ่งนาทีต่อมา เขากลับมาโยนเอกสารข้อตกลงหย่าสองชุดลงบนโต๊ะ พร้อมกับเช็คหนึ่งใบ
"เซ็นซะ ตัวเลขบนเช็คจะเขียนเท่าไหร่ก็ได้"
ธารารู้สึกชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีดำกลมๆของเขา
เขาคือทายาทผู้สืบทอดตระกูลพันธกิจเจ้าของกลุ่มธุรกิจอัญมณี ที่ควบคุมเศรษฐกิจของเมืองหลวง ปราดเปรื่องในโลกธุรกิจและไม่เคยปรานีใคร แต่เธอกลับพยายามให้เขาหลงรักเธอ และหวังจะได้ความรักจากเขา
ช่างน่าขำจริง ๆ
ธาราหยิบปากกาขึ้นมา เปิดเอกสารหน้าสุดท้ายแล้วลงชื่อทันทีโดยไม่อ่านรายละเอียดแม้แต่น้อย
"เราจะได้ใบหย่าเมื่อไหร่?"
เธอถาม
สายตาของเทวินทร์ปรากฏความไม่พอใจแวบหนึ่ง
"เธอรีบขนาดนั้นเลย?"
ธาราค่อยๆกินข้าวต้ม แม้ว่าจะทำหน้าเฉย ๆ แต่ภายในใจกลับปั่นป่วน อารมณ์ที่เก็บซ่อนไว้แทบจะระเบิดออกมา เธอหายใจไม่คล่อง และพยายามควบคุมอารมณ์อย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมา รักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเองเอาไว้
"ฉันกลัวจะทำให้คุณกับคุณลดาเสียเวลา"
เทวินทร์หัวเราะเบา ๆ เขาหยิบเอกสารคืนมา ก่อนจะเซ็นชื่อตัวเองในตำแหน่งฝ่ายหนึ่งด้วยลายมือที่สง่างาม
"หรือจริง ๆ แล้วเธอรีบไปหาพี่ศรุตของเธอมากกว่า"