...เมฆคินทร์ไม่ได้ตอบอะไร เขากวักมือเรียกให้เธอคลานเข่าขึ้นมาบนเตียง ซึ่งสาวเจ้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ฝ่ามือหนายื่นไปคว้าคอชุดนอนของเธอ เขากระชากเบา ๆ แค่นั้นมันก็ขาดแล้ว
“ถะ ถอดออกให้ง่าย ๆ ก็ได้ค่ะ” ไม่เข้าใจว่าเขาจะฉีกมันทำไม ทำเหมือนกับเป็นผู้ชายบ้าพลังอย่างไรอย่างนั้น ทว่าพอเธอจะถอดชุดนอนออก ฝ่ามือหนาก็ยื่นมารั้งต้นคอของเธอให้โน้มหน้าลงมา เมฆคินทร์ประกบจูบริมฝีปากบางของเธออย่างแรง
“อืม...” จนม่านมุกส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะพลิกตัวสาวเจ้าลงมาข้างล่างแล้วขึ้นคร่อมเธอไว้จนไม่สามารถมองเห็นจากทางด้านบน
เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องออกด้วยความรวดเร็ว จนร่างบางขาวผ่องนั้นปรากฏสู่สายตาของเขา ม่านมุกมีผิวที่ขาวไม่ต่างจากหยวกกล้วย ใบหน้าหวานละมุนจนหลายคนที่มองมานั้นรู้สึกว่าเธอเหมือนกับตุ๊กตา จนในบางครั้งเพื่อนที่มหา’ลัยของเขาก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นแค่ลูกสาวคนใช้ที่บ้านของเขา
“อือ คุณเมฆ~” เธอเจ็บเมื่อเขาตะปบบีบหน้าอกอวบใหญ่นี้ แม้นจะตัวเล็กแต่สาวเจ้าก็ซ่อนรูปมากเลยทีเดียว เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาโน้มหน้าลงเลียยอดปทุมถัน รัวปลายลิ้นดูดดุนอย่างหื่นกระหาย ส่วนมือไม้ก็เลื่อนสัมผัสเนื้อตัวของเธอทุกกระเบียดนิ้ว ตรงไหนที่มือหนาเลื่อนผ่านมันก็ร้อนวูบวาบราวกับเป็นของร้อนก็ไม่ปาน
...เมฆคินทร์ถอดกางเกงนอนของตัวเองออก ก่อนที่เขาจะงัดเอาแท่งเนื้ออุ่นร้อนขนาดใหญ่ออกมา ดวงตาของม่านมุกสั่นไหว
“เมนส์หายยัง” เอ่ยถามเสียงเรียบ เพราะเมื่อคืนนี้ประจำเดือนกระจายเล่นเอาชายหนุ่มรู้สึกว่าไม่ต่างจากหนังฆาตกรรม
“น้อยแล้วค่ะ” มันกะปริดกะปรอยแล้ว ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ไม่รอช้า ค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วสัมผัสดอกไม้งาม ก่อนจะจ่อปลายหัวเห็ดแดงก่ำที่ร่องรักของเธอ
“อืม...” ทั้งสองประสานเสียงครางออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ม่านมุกจะร้องดังลั่นเมื่อเขาขยับสะโพกกระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างแรง ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด เล่นเอาสาวเจ้าเบ้หน้า ใบหน้าเหยเกของเธอไม่ได้ทำให้เขานึกสงสาร เพราะเธอที่ทนอยู่อย่างนี้มาหลายปี ไม่ว่าเขาจะทำรุนแรงมากแค่ไหน สาวเจ้าไม่ต่างจากของตายระบายความใคร่ของเขาเลยสักนิด
“พี่เมฆ อึก บะ เบาหน่อยได้ไหมคะ” เธอจุกไปหมด ฝ่ามือน้อย ๆ ยกขึ้นยันหน้าท้องแกร่งของเขาไว้ แต่เขาก็ไม่ได้ผ่อนแรงลงเลยสักนิด
“พูดทำไมหา! พูดแล้วฉันเคยเบาลงให้เธอไหม” ว่าด้วยความโมโห เมฆคินทร์ไม่ค่อยอยากได้ยินเสียงของเธอเท่าไรนัก มันทำให้เขานึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา
…ร่างบางโยกคลอนแรง ๆ ตามแรงกระแทกกระทั้นของเขา ซึ่งคนตัวโตก็ทำนาน เปลี่ยนท่วงท่าด้วยความรวดเร็ว พลิกเธอไปมาราวกับว่าสาวเจ้าเป็นตุ๊กตาไม่ใช่คนอย่างไรอย่างนั้น
“อึก...” เธอกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ฝ่ามือบางกำผ้าปูที่นอนแน่น เพราะเขาพลิกตัวเธอหันหลังให้ในท่าด็อกกี ทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นหยาดน้ำตาของเธอ ถึงจะเห็นก็ใช่ว่าเขาจะหยุด
“อ๊า...เสียวฉิบ” ความเสียวซ่านนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายความเครียด แผ่นหลังหนามีหยาดเหงื่อเกาะพราว เขารัวจังหวะมาในอารมณ์ห้วงสุดท้ายจนได้ยินเสียงปึก ๆ
“อะ อ๊า~” เมฆคินทร์ปล่อยสายธารน้ำรักมาทุกหยาดหยด เขาเลื่อนมือไปกระชากเส้นผมของคนใต้ร่างอย่างแรง จนใบหน้าของเธอแหงนขึ้น
“เสร็จเหมือนกันนี่” เอ่ยเสียงแหบพร่าหลังใบหูเล็ก ไม่เข้าใจว่าหล่อนจะร้องไห้ทำไม เพราะสุดท้ายก็เห็นว่าเธอนั้นก็เสร็จไปพร้อมกับเขาทุกครั้ง
“อื้อ~” ม่านมุกไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่เขาจะผลักศีรษะของเธอออก ชายหนุ่มเปลี่ยนไปอยู่ข้างล่าง
“ขึ้นให้ฉัน” เขายังไม่พอใจ ม่านมุกกลืนน้ำลายลงคอ เธอรู้สึกเหนื่อยแต่ก็ต้องทำ หญิงสาวค่อย ๆ พลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมเขาแทน ตัวของเธอเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่บนตัวของเขา
“ทำดี ๆ ล่ะ” เอ่ยเสียงแหบแห้ง ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความกระหายอยาก ที่ไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเลยสักนิด ส่วนม่านมุกก็ทำหน้าที่ให้ผ่านพ้นไป เธออยากให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปเสียที...
หลายวันต่อมา...
งานเลี้ยงฉลองตำแหน่งของเมฆคินทร์นั้นทำให้ม่านมุกกับลูกสาวรู้สึกประหม่ามาก วันนี้เธอถูกจับแต่งตัวด้วยชุดเดรสยาวหุ้มส้นเท้าสีขาว ปักลวดลายด้วยมุกแท้ ทำให้เธอดูเหมือนกับเจ้าสาว ทั้ง ๆ ที่แต่งงานมานานแล้ว
“คุณแม่สวย” เสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวทำให้เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ม่านมุกย่อตัวลง แต่ด้วยชุดทำให้เธอทำได้แค่โน้มตัวลงหาลูกสาวเท่านั้น
“หนูก็สวยมากค่ะ” ม่านมุกยื่นมือลงสัมผัสแก้มเล็กของบุตรสาวเบา ๆ วันนี้หนูปุยเมฆแต่งตัวเหมือนกับนางฟ้า ชุดกระโปรงสีขาวเหมือนกับผู้เป็นแม่ มวยผมขึ้นทิ้งปอยไว้ที่กรอบหน้าเล็ก ดวงตากลมโตของคนเป็นลูกนั้นเป็นประกายแวววับ เป็นแววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ คงไม่รู้ว่าวันนี้วันอะไร แล้วทำไมถึงต้องแต่งตัวสวย
“ไปไหนคะ” หนูน้อยถามพร้อมกับเอียงหน้าสงสัย
“วันนี้วันสำคัญของคุณพ่อค่ะ เดี๋ยวหนูโตกว่านี้แม่จะเล่าให้ฟังนะ” ตอนนั้นคงมีรูปถ่ายไว้ หากลูกสาวรู้ความมากกว่านี้ก็คงเข้าใจ แต่ตอนนี้เล่าไปหนูน้อยก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี “ละวันนี้ หนูไม่ร้องไห้นะคะ”
“ค่ะ หนูจะไม่ร้องไห้” ตอบรับเสียงสดใส ลูกสาวพัฒนาการดีมาตลอด ไม่เคยทำให้ผู้เป็นพ่อขายหน้า
“ถ้างั้นเราไปหาพ่อกันเถอะ” ว่าแล้วก็คว้ามือป้อมสั้นของบุตรสาวมาถือไว้ ม่านมุกกระชับฝ่ามือน้อย ๆ ของคนเป็นลูก เรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนจะจูงมือน้อย ๆ นี้ออกไปข้างนอกห้องแต่งตัว
“คุณเมฆรออยู่บนรถแล้วครับ” เสียงของบอดีการ์ดส่วนตัวของเขาดังขึ้น ปกติแล้วเมฆคินทร์จะมีบอดีการ์ดคอยตามติดอยู่ห่าง ๆ ไม่เคยเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวหรือเข้ามาในบ้าน ยกเว้นวันที่มีงานสำคัญ อย่างเช่นวันนี้
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอเอ่ยปากขอบคุณ ม่านมุกเป็นที่รักของเหล่าคนงาน รวมถึงพนักงานที่โรงแรมของคนเป็นสามี ด้วยกิริยามารยาทถ่อมตนเช่นนี้ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่เคยดีในสายตาของคนเป็นสามีเสียที
...เมฆคินทร์ยกแขนขึ้นมามองนาฬิกาข้อมือเมื่อรู้สึกว่าตนรอสองแม่ลูกนี้นานแล้ว ก่อนที่บานประตูรถยนต์ Rolls-Royce จะถูกเปิดออก ดวงตาคมค่อย ๆ หันไปมองอย่างช้า ๆ
“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ พอดีว่า...” ริมฝีปากบางชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาคมของคนเป็นสามีค่อย ๆ ไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้เธอแต่งตัวสวยสะดุดตา ด้วยอายุที่มากขึ้นกว่าตอนที่แต่งงาน ม่านมุกในวัยสามสิบปีนั้นสวยสะพรั่งจนเขารู้สึกเหมือนกับตกเข้าไปในภวังค์
“เอ่อ คุณเมฆคะ” ชายหนุ่มได้สติเมื่อม่านมุกเอ่ยเรียก เธอหลบสายตาเมื่อเขาเลื่อนสายตาขึ้นสบกับตาเธอ หญิงสาวเขินอายเล็กน้อยเมื่อสายตาของเขาเมื่อครู่นั้นบอกกับเธอว่าเธอสวยมากแค่ไหน ทว่า
“ชักช้า เธอเป็นใครถึงปล่อยให้ฉันรอ” เอ่ยเสียงเรียบเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทำให้ลูกสาวนั้นค่อย ๆ ขยับไปยืนทางด้านหลังผู้เป็นแม่ด้วยความหวาดกลัว ทำให้เมฆคินทร์ปรับสีหน้าเป็นนิ่งเรียบดังเดิม
“ขอโทษค่ะ” ยิ่งได้ยินคำว่าขอโทษของหล่อนก็ยิ่งหงุดหงิด เมฆคินทร์ยกมือขึ้นขยับปมเนกไท เขาสวมสูทเต็มยศ หล่อเหลายิ่งใบหน้านิ่งเรียบก็ยิ่งเสริมให้เขาคมเข้มมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว