เมียเก็บคนทราม Ep : 2. อย่าทำเป็นไร้เดียงสา

1990 คำ
แสงกับพลออกมาจากห้องของอาชาเมื่อช่วยอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ให้เจ้านายเสร็จ เปลี่ยนชุดเครื่องนอนที่เปียกเหล้าราคาแพง เก็บกวาดเศษแก้วของขวดบรั่นดีและเศษแก้วของที่เขี่ยบุหรี่จนเกลี้ยงจนไม่ทิ้งรอยตามคำสั่งของคุณนาย “น้องพลอย” ไอ้แสงเอ่ยทักคนที่เปิดประตูห้องออกมาเจอ “เสร็จแล้วเหรอคะพี่แสง พี่พล” “เสร็จแล้วครับ สู้ๆ นะครับ” พลเป็นคนตอบและให้กำลังใจผู้มาใหม่ที่จะเข้าไปเผชิญพายุทอร์นาโดข้างใน “ขอบคุณนะคะ งั้นพลอยขอตัวนะคะพี่แสง พี่พล” แล้วเธอก็เดินผ่านทั้งสองคนเข้าไปในห้องพร้อมกับถาดอาหารมื้อเย็นที่เตรียมมาให้อาชาในมือ สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วปิดประตูห้องเดินจากไป ตั้งแต่ถูกประคองขึ้นมานั่งบนเตียง อาชาก็เอาแต่มองดูตู้เซฟที่เปิดกว้างและตอนนี้ก็ว่างเปล่าแล้วกำมือแน่น “ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้มน ทำไมคุณถึงทิ้งผมไปและยังขโมยเงินของผมกับเครื่องเพชรไปงั้นเหรอ คุณมีความจำเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่บอกผม” อาชายังคิดว่าภรรยามีเรื่องเดือดร้อนถึงไปแบบนี้ แม้ว่าอีกความคิดหนึ่งนั้นจะเชื่อคำพูดของแม่ตัวเอง “พลอยเอามื้อเย็นมาให้คุณอาชาค่ะ” แม้จะหวาดกลัวคนบนเตียง ถึงเขาจะลุกเดินมาทำร้ายตนไม่ได้ แต่สายตาที่เขาตวัดมองมาทางตนตอนนี้ทำให้พลอยปภัสขยับก้าวขาเดินต่อไม่ไหว “คงรอวันนี้มานานแล้วสินะ วันที่เมียฉันทิ้งฉันไปแล้วตัวเองจะมาแทนที่ หึ!” เขามองดูสาวน้อยด้วยสายตาดูถูก “คุณอาชาพูดอะไรคะ พลอยไม่เข้าใจค่ะ” “อย่ามาทำใสซื่อไร้เดียงสาน่า ฉันรู้ว่าเธอเข้าใจที่ฉันพูด ก็อยากจับฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ เอาสิ มาจับฉันเป็นผัวสิ ตอนนี้เมียฉันไม่อยู่แล้ว” เขาพูดพร้อมถอดเสื้อยืดที่ไอ้แสงเพิ่งใส่ให้ตนไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ทิ้ง เปิดเผยหน้าอกที่มีแผลเป็นที่อกขวาให้คนตัวเล็กดู “พลอยแค่เอามื้อเย็นมาส่งเท่านั้นค่ะ” เธอตอบกลับแล้วเดินไปวางถาดอาหารที่ถือมาตรงโต๊ะแล้วเข็นไปอยู่ข้างเตียงของเขา พอเขายื่นมือมาจะคว้าจับมือตนเองก็รีบชักออก “พลอยขอตัวนะคะ หมดหน้าที่แล้ว” แล้วเธอก็หมุนตัวจะจากไป แต่ก้าวเท้าได้ครึ่งก้าวก็ต้องหยุดชะงักหันกลับเมื่อเสียงเข้มห้วนดังขึ้น “หึ! ตอนนี้คงหัวเราะเยาะฉันลับหลังสินะที่เห็นฉันในสภาพนี้ ฉันไร้ประโยชน์ขนาดนี้ เดินก็ไม่ได้ ไปไหนก็ต้องพึ่งพาคนอื่น อาบน้ำเองยังไม่ได้ แม่งชีวิตบัดซบ!” พลอยปภัสหันหน้าไปมองหน้าของเขาแล้วก็สบตาเข้มสีเหล็กของอาชา “ไม่นะคะ คุณอาชายังคงเป็นคนน่าภูมิใจเสมอในสายตาของพลอยค่ะ” หึหึ อาชาสบตาเม็ดอัลมอนด์ของพลอยปภัสแล้วขบกรามแน่น เขาเกลียดสายตาแบบนี้ เกลียดสายตาที่เจอมาตลอดสองเดือนที่นั่งรถเข็นเส็งเคร็งนี้ ทุกคนมักมีสายตาสมเพชและสงสารส่งมาให้ตลอด สายตาแบบนี้เขาอนุญาตแค่ให้แม่ของเขาเท่านั้นมอง ส่วนคนอื่นไม่มีสิทธิ์! “งั้นเหรอ เลิกพูดให้ฉันรู้สึกดีเถอะ เพราะสายตาของเธอตอนนี้มันเต็มไปด้วยความสงสารและสมเพชฉันที่ฉันมีสภาพเป็นแบบนี้ ไสหัวไปซะ! อย่าเสนอหน้ามาให้เห็นอีก” เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้ ‘สงสาร’ แต่ ‘สมเพช’ เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เธอมีแต่ความสงสารและความหวังดีกับเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังเธอนัก “พลอยขอตัวก่อนนะคะ” แล้วสาวน้อยก็เดินจากไป ปึก! ประตูห้องปิดแนบสนิท อาชาก็เหลือบมองกับข้าวที่หญิงสาวนำมาให้ตนเอง เป็นของโปรดตนเองทั้งนั้นและน้ำหนึ่งแก้ว เขาเม้มปากแน่น ตอนนี้เขามีเวลากินข้าวเหรอ! ทุกคนยังคิดว่าเขาจะกินมันลงอีกเหรอ อาชาทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้มื้อเย็นของตนเองด้วยเพลิงโทสะในอกที่ยังคงโหมโรงลุกโชกโชนกระหน่ำในอกตน พลอยปภัสกลับเข้ามาในห้องครัวหลังจากส่งมื้อเย็นให้อาชา พอเข้ามาในห้องครัวทุกคนก็นั่งรอพร้อมทานมื้อเย็นแล้ว ทุกคนนั่งล้อมวงกันในห้องครัว มีคุณท่าน น้าชื่น น้าแจ่ม พี่แสงและพี่พลนั่งล้อมวงกันบนเสื่อผืนใหญ่ “มาแล้วเหรอลูก แม่แจ่มตักข้าวได้แล้ว หนูพลอยมาแล้ว” คุณนายของบ้านสั่ง “ค่ะ คุณนาย” แล้วแจ่มก็ตักข้าวใส่จานส่งให้ทุกคน ทุกคนส่งจานข้าวที่แจ่มตักให้ส่งต่อๆ กันจนครบแล้วก็ลงมือทานมื้อเย็นกัน “หนูพลอยเอาข้าวไปให้พี่เขา พี่เขากินไหมลูก” ทานข้าวไปได้สองสามคำก็เงยหน้าจากจานข้าวมาถามถึงลูกชายตัวดีของตน “หนูออกมาก่อนค่ะ ไม่ได้อยู่ดู” พลอยปภัสตอบ “อือ...เอาทิ้งไว้นั่นแหละ มันไม่ปล่อยตัวเองอดตายหรอก เสียใจยังไงก็ต้องกินข้าวว่าไหม พรุ่งนี้ไอ้พลไปสืบหน่อยนะว่าแม่นั่นหอบเงินกับเครื่องเพชรไปอยู่ไหน เงินและเครื่องเพชรต้องตามกลับมาให้ได้ ฉันไม่ยอมให้นั่งมนเอาไปหรอก มันมาแค่ตัวก็ต้องไปแค่ตัว” นางบอกพลที่เป็นคนขับรถและเป็นมือดีของตนเรื่องการสืบเสาะ “ครับ คุณนาย” ไอ้พลรับคำสั่ง “ส่วนแกไอ้แสง แกก็ไปดูแลสวนแทนเสี่ยของแก พวกบัญชีรายจ่ายอะไรก็เอากลับมาให้หนูพลอยช่วยดูที่บ้าน ส่วนเราสาวๆ ทุกคนจะอยู่บ้านดูแลไอ้ลูกสมองควายของฉันที่นี่ ดูซิ มันจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกพรุ่งนี้” “ครับ คุณนาย” ไอ้แสงรับคำ แจ่ม ชื่น และพลอยปภัสก็รับคำ แล้วทุกคนก็ตั้งใจทานมื้อเย็นกันต่อเพื่อจะได้รีบทานให้อิ่มแล้วไปพักผ่อนเพื่อจะได้ตื่นมารับมือกับศึกในวันพรุ่งนี้ต่อ เพราะไม่รู้ว่าอาชาจะอาละวาดอะไรอีก อาชามองดูมื้อเย็นที่ตอนนี้เย็นชืดไปหมดแล้ว ตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้วเขานอนไม่หลับ เพราะฐิติมนทำให้เขาเป็นบ้าตอนนี้ เขานั่งคิดนอนคิดอยู่แบบนี้คนเดียวในห้อง คิดถึงเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาจากปากคนอื่นเล่าต่อกันมาว่าฐิติมนนั้นสวมเขาให้ตนเองมาตลอด ขนาดแม่พูดแล้วพูดอีก เขาก็ยังไม่เชื่อ จนตอนนี้กระจ่างแล้ว หล่อนทิ้งเขาไปพร้อมกับเงินสดและเครื่องเพชรในตู้เซฟ “แพศยา! สารเลว! ฉันกลับมาเดินได้เจอดีแน่นังมน” สองมือกำแน่นเข้าหากัน ปากหนาขบเม้มแน่นจนฟันขบกันแทบแตกละเอียดในปากก็ว่าได้ตอนนี้ กรอด! “ฉันทุ่มเทกับเธอทุกอย่าง แต่เธอกลับทรยศฉัน เจอดีแน่!” ตอนนี้ความรักของอาชาได้แปรเปลี่ยนเป็นความแค้นสุมทรวงในอกแทน เขารักหล่อนมาตลอดหลายปี ให้เกียรติทุกอย่าง ให้เป็นคุณนายออกหน้าออกตา ออกงานสังคมที่ตนถูกเชิญไป แต่หล่อนกลับทอดทิ้งความรู้สึกเขาไปพร้อมเงินสดที่ถอนมาไว้จ่ายคนงานกับเครื่องเพชรที่ซื้อเก็บสะสมมาหลายปี “นังสารเลว! กรอด!” แล้วน้ำตาลูกผู้ชายก็ร่วงหยดลงผ้าห่มที่ห่มอยู่ “ฉันจะไม่เสียน้ำตาให้ผู้หญิงอีก ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน พอแล้วกับผู้หญิง” เขาเม้มปากแน่นแล้วยกมือปาดเช็ดน้ำตาทิ้งแล้วยื่นมือทั้งสองไปหยิบถาดข้าวมากิน ตอนนี้ต้องกลับมาดูแลตัวเอง จริงอย่างที่แม่บอกว่าเขามัน ‘โง่’ ให้ฐิติมนจูงจมูกอยู่ตั้งนานหลายปี ในตอนเช้าไอ้แสงตื่นแต่เช้ามาดูแลเจ้านายของตน แต่พอเข้ามาในห้องก็เห็นว่าตอนนี้เจ้านายได้ขยับเคลื่อนไหวเองไปนั่งบนรถเข็นและกำลังบังคับรถเข็นเข้าห้องน้ำเอง พอจะวิ่งไปช่วยก็ถูกสั่งห้าม “ไม่ต้องไอ้แสง! กูช่วยเหลือตัวเองได้ มึงแค่มองดูกูก็พอ” คำพูดของเจ้านายทำให้ไอ้แสงไม่อยากเชื่อว่าคือคนเดียวกันกับที่ร้องไห้ฟูมฟายจะตามฐิติมนไปคนนั้น “เสี่ยไม่ให้ไอ้แสงช่วยจริงเหรอครับ” ไอ้แสงถามอีกครั้ง “เออ! ขากูขยับไม่ได้ แต่มือและแขนกับตัวกูขยับได้ อีกอย่างกูแค่เดินไม่ได้ชั่วคราวไม่ใช่จะตลอดไปสักหน่อย” “นี่สิ เสี่ยของไอ้แสง!” ไอ้แสงพูดอย่างดีใจแล้ววิ่งไปกอดคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นแน่น “ปล่อยกูไอ้แสง” พอถูกลูกน้องกอดก็ยกมือขึ้นตีหัวไอ้แสงไปหนึ่งที “ให้ไอ้แสงกอดเถอะเสี่ย ไอ้แสงดีใจที่ได้เสี่ยคนเดิมของไอ้แสงกลับมา จะตีอีกก็ได้ ไอ้แสงยินดีให้ตีทั้งชีวิตครับ” “มึงก็พูดไป กูเดินได้เมื่อไหร่ กูเตะมึงก้นช้ำแน่ไอ้แสง” “ยินดีครับเสี่ย” ไอ้แสงยอมปล่อยแล้วก็ยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองที่มันไหลออกมาโดยมันเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน มารู้ตัวก็หน้าเปียกชื้นแล้ว “มึงรอช่วยกูแต่งตัวก็พอ เดี๋ยวธุระส่วนตัวในห้องน้ำกูจัดการเอง ถ้าอันไหนกูช่วยเหลือตัวเองไม่ได้กูจะเรียก ประตูกูก็จะไม่ล็อก” “ครับเสี่ย” ไอ้แสงถอยไปยืนที่เดิมเพื่อรอให้ความช่วยเหลือเจ้านาย อาชากดบังคับรถเข็นเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวในตอนเช้า วันนี้เขาจะเริ่มช่วยเหลือตัวเองแล้ว ตอนนี้ตนต้องเป็นที่พึ่งของตนจะหวังพึ่งพาแต่คนอื่นไม่ได้ คุณนายอรุณรุ่งตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมของใส่บาตร พอเตรียมเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วไปรอพระผ่านหน้าบ้านเพื่อใส่บาตรให้สามีที่จากไปของตนเองและสะสมบุญให้ตนเองและหวังว่าบุญที่ตนทำทุกวันจะทำให้ลูกชายตนกลับมาหายดีเป็นปกติในเร็ววัน และขอให้การผ่าตัดของอาชาราบรื่นไปด้วยดี “เดี๋ยวหนูเก็บเองค่ะคุณท่าน คุณท่านกับน้าแจ่ม น้าชื่นเข้าบ้านไปก่อนเถอะค่ะ” พลอยปภัสเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าท่านกำลังจะเก็บโต๊ะช่วย “งั้นหนูพลอยเก็บนะลูก แจ่ม ชื่นช่วยหนูพลอยด้วยนะ ฉันเข้าบ้านไปดูตาอาชาก่อนว่าวันนี้ยังจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่ไอ้แสงอีกไหม” พูดจบคุณนายอรุณรุ่งก็เดินเข้าบ้านไปก่อน “หนูพลอยไม่ต้องทำก็ได้จ้ะ เดี๋ยวน้าสองคนทำเอง” แจ่มเอ่ย “ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยๆ กันจะได้เสร็จเร็วๆ ค่ะน้าแจ่ม น้าชื่น” สองสาววัยกลางคนยิ้มให้กัน ทั้งสองเห็นพลอยปภัสตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เป็นสาวแล้วและยังคงชอบช่วยเหลือพวกตนเหมือนเดิม “มื้อเช้าเราจะทำอะไรทานดีคะน้าแจ่ม น้าชื่น” พลอยปภัสถามทั้งสอง “คุณนายบอกว่าอยากกินข้าวต้มหมูสับกากเจียวค่ะ” “เดี๋ยววันนี้พลอยทำเองนะคะ น้าทั้งสองเป็นลูกมือก็พอค่ะ เข้าบ้านกันเถอะค่ะ” เมื่อเก็บทุกอย่างเสร็จก็ช่วยกันถือคนละไม้คนละมือเข้าบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม