เธอไม่ได้บอกกับมิกกี้ไปตรงๆ ว่าเธอยังกดโทรศัพท์ไปหาบอดี้การ์ดทั้งสองของเจ๊เจนด้วย แต่น่าแปลกจริงๆ ที่คนทั้งสองนั้นก็ไม่ยอมรับสาย ปูเป้พยายามกดสายหลายครั้งทั้งๆ ที่ตัวเองก็เริ่มที่จะประคองร่างให้นั่งนิ่งไม่ไหวแล้ว มิกกี้เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ในมือของเธอ เขารู้ว่าเธอหวังจะพึ่งพาบอดี้การ์ดสองคนที่ถูกสั่งให้เอาตัวไปนอนตั้งแต่หัวค่ำ
“คุณจะไม่ไหวแล้วนี่ปูเป้ ไปนอนในห้องโน้นเถอะดีไหม?”
ปูเป้หันมามองผู้ชายที่เธอต้องดูแลเพื่อชดเชยความเสียหาย “ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวนอนโซฟาตัวนี้กับแพมมี่ก็แล้วกัน”
“ไม่ได้สิ! คุณเป็นคนสำคัญจะปล่อยให้นอนนี่ได้ไง?” ชายหนุ่มใช้แขนข้างที่ไม่หักของเขาสอดใต้รักแร้ของหญิงสาวแล้วประคองเธอที่เรี่ยวแรงน้อยด้วยความเมาพาเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่
“คุณมิกกี้ ปล่อยเถอะค่ะ ฉันอยากนอนข้างนอกกับแพมมี่จริงๆ” ปูเป้รู้สึกว่าคืนนี้สายตาของมิกกี้เปลี่ยนไป
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ ปูเป้!” ท่าทางของเขาดูคุกคามอยู่ในที เขาทำเสียงต่ำๆ ข่มขู่ให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
แววตาของหญิงสาวตื่นตระหนก “ระ เรื่องอารายยคะ?”
เขาผลักเธอลงบนเตียงใหญ่แล้วคร่อมร่างบนตัวเธอทันที ปูเป้คิดจะขยับหนีแต่ร่างกายของเธอไม่เป็นใจ ทุกอย่างดูเคลื่อนไหวเชื่องช้าไม่ได้อย่างใจ
“คุณจะทำอารายยย?” น้ำเสียงของเธออ้อแอ้เพราะลิ้นเริ่มพันกัน ปูเป้ไม่เคยเห็นสีหน้ากราดเกรี้ยวขนาดนี้ของชายหนุ่ม แม้เขาจะเคยโกรธเธอตอนที่เธอทำเขาแขนหักแต่ครั้งนี้ดูเหมือนไฟโทสะคุโชนอยู่ในดวงตา
“ผมจะสอบสวนสายลับอย่างคุณไงล่ะ?”
ปูเป้ที่กำลังใช้แขนยันร่างขึ้นนั่งถึงกับชะงัก “คะ คุณรู้แล้ว?”
“ใช่! ผมให้คนสืบมาหมดแล้ว! ทีแรกผมรู้ว่าคุณทำงานกับเจนนี่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร? เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณจะกล้าเล่นลูกไม้มาแอบดูโทรศัพท์ของผมแล้วคาบข่าวไปบอกทางนั้น มันทำให้เฮียแจ็คโกรธมาก ผมไม่ชอบที่คุณมาหลอกใช้ผม”
ปูเป้คิดว่ามิกกี้คงโมโหที่เธอทำให้คู่ขาของเขาเสียหาย เธอจึงค่อยๆ ดึงสติปรับคำพูดให้ใกล้เคียงกับปกติ “ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ คุณมิกกี้ ฉันไม่มีทางเลือก เจ๊เจนมีบุญคุณให้ที่พักฟรีและยังช่วยเหลือตอนที่ฉันลำบากอีก จะไม่ตอบแทนได้ไงล่ะค่ะ?”
ชายหนุ่มใช้ใบหน้าหวานคมคายยื่นมาใกล้ “แต่คุณก็ไม่ควรจะหักหลังผม ในฐานะที่ผมก็คอยช่วยเหลือคุณเหมือนกัน แถมคืนนี้คุณกับแพมมี่ยังวางแผนจะหาล้วงความลับของเฮียแจ็คอีก นี่เรอะ! สิ่งที่คุณพยายามอ้างกับผมว่าคุณรู้สึกผิด”
ปูเป้รู้สึกว่าเหตุการณ์คืนนี้ชักจะแปลกขึ้นไปทุกที “คุณทำอะไรเจ๊เจนคะ?”
“หึ! จะทำอะไรคุณก็อย่ารู้เลย! แต่คุณกล้าหลอกใช้ผม เห็นทีผมจะปราณีคุณต่อไปไม่ได้!”
“อย่า! อย่าทำฉันเลยนะคะ!” ปูเป้กลัวว่าชายหนุ่มจะลงไม้ลงมือกับเธอเพราะฐานะโมโหแทนสามี พอเห็นชายหนุ่มขยับมาใกล้เธอก็เกรงว่าเขาจะบีบคอเธอจึงรีบร้องออกไป “ฉันรู้ว่าคุณรักคุณแจ็คมาก ฉันจะไปอธิบายและขอโทษแฟนของคุณเองค่ะ”
“หือ!” มิกกี้ตะลึง “คุณว่าอะไรนะ?” ใบหน้าที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งแดงผสมความโกรธลงไปอีก
ปูเป้รีบหลับหูหลับตาพูดออกไปอีกครั้ง “ฉันรู้ว่าคุณเป็นแฟนคุณแจ็ค ทั้งรักทั้งห่วงเขามาก ฉันขอโทษที่ทำให้คุณแจ็คโมโห”
“นี่คุณ! คุณอยู่กับผมขนาดนี้แล้วยังคิดว่าเฮียแจ็คเป็นผัวผมเหรอ?”
ปูเป้เริ่มสลึมสลือปรือตาขึ้นจ้องผู้ชายตรงหน้า “ฉันรู้นานแล้วค่ะว่าพวกคุณเป็นคนรักกัน ตั้งแต่ครั้งแรกพวกคุณก็เข้าอาบน้ำกันอย่างหวานชื่นแล้ว ฉันเห็นแล้วยังอดอิจฉาไม่ได้”
“อ้อ.....” มิกกี้ลากเสียงยาว ชายหนุ่มนึกโมโหจนพูดไม่ออก “ถ้าผมบอกว่าไม่ใช่คุณก็คงไม่เชื่อ แต่ผมกล้ายืนยันว่าผมกับเฮียแจ็คเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน”
ปูเป้ได้ยินก็ใจเต้นแรง เธอดีใจที่เขาปฏิเสธตรงๆ เพราะถ้าไม่เมาเธอก็คงไม่กล้าถาม เธอยื่นแขนขึ้นมากอดคอเขาแล้วโน้มหน้าขึ้นมาใกล้
“จริงเหรอคะ? ถ้างั้นเราก็มาพิสูจน์กันเถอะ”
ปูเป้ที่เมาเป๋หน้าแดงก่ำขโมยจูบมิกกี้อย่างอุกอาจ เขาตกใจยกใหญ่เพราะทีแรกคิดจะลงมือลงโทษเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเป็นเธอที่ยั่วยวนเขาอยู่ แถมยังกอดคอเธอไว้แน่น
“ดะ เดี๋ยวนะ ปูเป้! เธอเมาแล้วเรื้อนนี่!”
มิกกี้รู้สึกโมโห เขาย้อนคิดกลับไปตอนที่เห็นเธอถูกผู้ชายหิ้วกลับมาส่งที่ห้องพักเมื่อครั้งแรกที่พบกัน
‘ยายเด็กบ้านี่! รู้ว่าตัวเองเมาแล้วเป็นแบบนี้ยังจะกล้าดื่มจนเป๋อีก ที่ผ่านมารอดมาได้ยังไงเนี่ย?’
“เป้ม่ายยยยมาววววนะ แค่ดีจายยยย” น้ำเสียงของเธออ้อแอ้เพราะเริ่มจะปรับให้ปกติไม่ไหว
มิกกี้มองหญิงสาวใต้ร่างด้วยความฉุนเฉียว เมื่อเธอยื่นหน้าขึ้นมาเพื่อจะจูบเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ก้มลงดูดริมฝีปากด้านล่างของเธอทันที ทว่าเมื่อลิ้นของเขากลับแทรกเข้ามาในปากของเธอได้แล้ว หญิงสาวที่ยังมีอาการมึนเมาดิ้นอึกอักอยู่ครู่ก็เงียบไป มิกกี้จึงผงะออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งผิดปกติ
“ปูเป้! ปูเป้!” เขาเขย่าร่างเธอ ทว่าหญิงสาวกลับผล็อยหลับไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างหัวเสีย “ยายเด็กบ้า! หลับไปได้ไง?”
มิกกี้กวาดตามองร่างในชุดกี่เพ้าสีดำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วก็พลันนึกออก ดึงเอาโทรศัพท์มือถือออกมากระเป๋าเสื้อสูท
‘ต้องเริ่มจากการเอาแพมมี่กลับไปส่งที่คอนโดซะก่อน’
มิกกี้กดโทรศัพท์หาลูกน้องสาวสองคนให้มารับแพมมี่กลับไปที่ห้อง จากนี้บนเพ้นท์เฮ้าส์ก็เหลือแต่เขากับแม่สายลับคอพับนี่แล้ว!
ชายหนุ่มอาบน้ำเพื่อเรียกความสดชื่นก่อนจะพันกายด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ ในมือมีผ้าขนหนูเล็กชุบน้ำบิดหมาดๆ ชุดกี่เพ้าสีดำร่วงหล่นอยู่ข้างเตียง เขาเช็ดใบหน้าและคอให้เธอ ปูเป้ส่ายหน้าไปมา เขาจึงขยับไปเช็ดแขน ข้อพับและมือให้ แล้วเดินกลับไปตากผ้าขนหนูไว้ที่ราว เขาสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวก่อนจะสอดร่างเข้าไปใต้ผ้าห่ม ถ่ายรูปตัวเองกับหญิงสาวที่มีผ้าห่มปิดถึงเนินหน้าอกสองสามภาพ จากนั้นก็ซ่อนโทรศัพท์ตนเองไว้ใต้เตียง
ปูเป้รู้สึกว่าอากาศช่างหนาวเย็นผิดปกติ เธอควานหาความอุ่นข้างๆ ตัว พลันก็พบซอกอุ่นที่แสนจะดึงดูด เธอแนบร่างเข้าไปชิด มิกกี้รู้สึกการบุกรุกของคนที่นอนข้างๆ เดิมทีเขาคิดจะรอให้เธอตื่นขึ้นมาวันพรุ่งนี้แล้วตกใจที่เห็นว่าเขาและเธอร่วมเตียงกันอยู่
“ปูเป้! ปูเป้!” มิกกี้ใช้มือตบต้นแขนสาวน้อยเบาๆ เธอลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ปรือคล้ายตกอยู่ในภวังค์
*******************************