“อ้าวมิกกี้! เฮียแจ็คล่ะ?” ชายหนุ่มสวมแว่นหันมาทักทายมิกกี้ที่แต่งตัวในสูทลำลอง
“ไม่มาแล้วล่ะ สงสัยจะหนีไปนอนแล้ว เห็นบอกว่าปวดหัว” ชายหนุ่มร่างโปร่งยิ้มน้อยๆ ก่อนจะนั่งที่โซฟาเดี่ยวตัวริม เขาหันไปมองสายลับสาวที่เขาคอยจับจ้องอยู่ไม่วางตา “ปูเป้ ขอแบบเบาๆ ก่อนนะ”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มตอบ ดวงตาเธอตกวูบรู้สึกละอายแก่ใจ
มิกกี้หันกลับไปหาเพื่อนพอดีจึงไม่ได้เห็นสีหน้าสำนึกผิดของปูเป้ ในใจเขากำลังคำนวณแผนการในคืนนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่คุยกันกับแจ็คเอาไว้
แพมมี่กำลังพูดคุยกับแขกคนหนึ่งอย่างออกรส เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อรู้สึกว่าอัธยาศัยไมตรีของเพื่อนคุณแจ็คนั้นดีกว่าที่คาดเอาไว้ ตอนที่ คุณแจ็คยืนยันว่าเพื่อนของตนมิใช่พวกแขกหนวดปลาหมึกขอให้ปูเป้กับเธอสบายใจได้ เธอคิดเพียงว่าคุณแจ็คอาจจะรับรองเพื่อนเกินเบอร์ไปหน่อย แต่พอมาสัมผัสจริงๆ คนทั้งสามมารยาทดีกว่าที่คาด แม้ว่าพวกเขาจะดื่มเข้าไปมากแล้วแต่ยังคงความสุภาพอยู่เช่นเดิม
ปูเป้ยังคงง่วนอยู่กับการผสมเหล้าให้กับมิกกี้ที่ดูเหมือนจะขอแบบไม่หนักมากนัก แพมมี่มองสายตาของมิกกี้แล้วก็ก้มหน้ายิ้ม เธอมองออกว่าชายหนุ่มคนนั้นแอบคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสาวของเธอเข้าแล้ว ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสาม คุณแจ็ค คุณมิกกี้กับปูเป้ ท่าจะวุ่นวายซะแล้ว!
คนที่อ้างว่าแขนที่ถอดเฝือกแล้วกระดูกยังไม่ประสานกันดีเอาแต่คอยเรียกหาปูเป้ให้ไปดูแลในห้องอยู่ทุกวัน หลังๆ ดูเหมือนจะทั้งเช้าทั้งเย็นด้วยซ้ำ ที่น่าปวดหัวก็คือ ดูเหมือนปูเป้เองก็รีบร้อนไปหาคุณมิกกี้ทุกครั้งที่เขาเรียก!
แพมมี่พยายามหันเหความสนใจของคนทั้งสามโดยการชวนคุยเพื่อให้ มิกกี้กับปูเป้ได้มีโอกาสคุยกัน ในเมื่อคนทั้งสามต่างก็เป็นเพื่อนในวัยเด็กของคุณแจ็คกับคุณมิกกี้ เธอก็น่าจะล้วงความลับได้ไม่ยาก
“พี่ว่าของพวกนี้มันอยู่ที่ความสมัครใจทั้งสองฝ่าย จะว่าไปเราก็ไม่ใช่เด็กกันแล้ว มองตาก็รู้ล่ะว่าอีกฝ่ายคิดยังไง? จริงไหม?”
“ค่ะ! แต่แพมยอมรับว่าไม่เคยเจอแขกดีอย่างพวกพี่มาก่อนเลย”
“ฮ่าๆ น้องก็ยอพวกพี่มากเกินไป มาๆ ดื่มด้วยกัน” เพื่อนของมิกกี้ชี้ไปที่แก้วของแพมมี่ หญิงสาวก็ยกมาดื่มด้วยความเต็มใจ
แขกที่ไว้วางใจและคุยสนุกเหมือนเพื่อน ทำให้งานในคืนนี้ดียิ่งกว่าทุกงานที่ผ่านมา แพมมี่ตวัดสายตามองมิกกี้คนที่ปูเป้รับรองนักหนาว่าเป็นคนดีคอยช่วยเหลือเธอไม่ต่างจากเจ๊เจน ปูเป้เองก็กำลังผสมเครื่องดื่มให้ตัวเองอีกแก้ว ทั้งเธอทั้งปูเป้รู้สึกมีความสุขกับงานนี้มาก
แพมมี่อาศัยจังหวะที่มิกกี้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ หลอกถามเพื่อนทั้งสามของชายหนุ่ม “พี่ๆ คะ ตกลงว่าคุณแจ็คมีแฟนอยู่กี่คนกันแน่?”
“เฮียแจ็คน่ะเหรอ? ก็คงมีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ คนที่ว่าคบกันตอนอยู่เมืองนอกน่ะ แต่เห็นว่าเลิกกันก่อนกลับเมืองไทยนี่?”
“ไหนมันว่าไปง้ออยู่ มิกกี้ก็คอยช่วยไม่ใช่เหรอ?”
“มิกกี้จะทำอะไรได้? ขนาดตัวมันเองก็ยังไม่มีผู้หญิงคบจริงจังด้วยสักคน ฮ่าๆ ฮ่าๆ น่าเสียดายที่รูปร่างหน้าตายังกับดาราเกาหลี”
“เอ๊ะ! ทำไมคนถึงชอบลือกันว่าคุณแจ็คเลี้ยงหนุ่มๆ ล่ะค่ะ?”
“ล้อเล่นน่า! เฮียแจ็คมันมีแฟนสาวสุดสวยเชียวนะ นี่ๆ รูปคู่ยังมีอยู่ในอัลบั้มในมือถือพี่เลย” หนึ่งในสามชี้มือไปที่โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา
ปูเป้ไม่ได้ยินสิ่งที่แพมมี่พูดคุยกับแขกเพราะเธอเองก็เพิ่งขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพราะเป็นห่วงมิกกี้ที่ดูเหมือนจะเริ่มเมาแล้ว แพมมี่รู้สึกสบายใจเมื่อได้ยินว่าคุณแจ็ครักเดียวใจเดียวและไม่ใช่คู่ขากับคุณมิกกี้ ผู้ชายทั้งสามล้วงเอาเงินแบงค์พันขึ้นมาปึกหนึ่งแล้วเอาแก้วช็อตเล็กๆ ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำวางเรียงไว้
“เบามากเลยนะ ทุกแก้วน้องปูเป้เป็นคนผสมเอง ถือว่าเป็นโบนัสจากพวกพี่” มิกกี้ที่เดินเข้ามาถึง เห็นเพื่อนๆ กำลังทำในสิ่งที่เขาสั่งเอาไว้ก็ทำทีนั่งลงแล้วเชียร์ให้แพมมี่ดื่มเพื่อเก็บเงินใต้แก้ว
แพมมี่เห็นว่าปูเป้ผสมเหล้าบางมากๆ เธอจึงยกขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า กระทั่งเอนหลังพิงโซฟาแล้วเรียกให้ปูเป้มาช่วย ปูเป้มองเห็นเงินแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก เธอรู้ว่าต่อให้กินไปสิบแก้วเล็กๆ นี่ เธอก็ยังไม่เมาแน่
“เดี๋ยวเป้เหมาเองค่ะพี่ๆ” ปูเป้ยกซดๆ กระทั่งครบสิบแก้ว
มิกกี้ปรบมือแล้วพยักหน้าให้เพื่อนๆ เลื่อนอีกห้าแก้วที่เหลือซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่าเดิมมาตรงหน้าปูเป้
“คราวนี้ ผมจะให้คุณเอง” มิกกี้ล้วงเอาเงินหนึ่งหมื่นออกมา แล้ววางธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทสองใบไว้ใต้แก้วแต่ละแก้ว
ปูเป้ยิ้ม ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่เธอสนิทสนมกับคุณมิกกี้ เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก แม้ครั้งแรกเขาจะดูเหวี่ยงๆ และดูเหมือนคนไม่คิดจะเสียเปรียบใคร แต่ที่จริงแล้วเขาใจดีมีเมตตาอย่างมาก นับตั้งแต่ช่วยเบิกค่ารักษาพยาบาลคืนให้เธอและช่วยหาเงินทำความความสะอาดเพื่อให้เธอได้มีรายได้ ปูเป้ดีใจที่เขาอ้างความรับผิดชอบให้เธอไปดูแลเขาเพราะว่าเธอรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับมิกกี้
แพมมี่ผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าปูเป้กวาดไปแล้วสองหมื่น
“อ้าวน้องแพม! ลุกขึ้นสู้อีกแล้วเหรอ?”
สามหนุ่มเฮฮากันเต็มที่พากันควักเงินออกมาอีกคนละหนึ่งหมื่น แล้วให้ปูเป้ไปผสมเหล้ามาใหม่ เงินสามหมื่นเปลี่ยนไปเข้ากระเป๋าแพมมี่จนครบแต่ก็ทำให้แพมมี่ถึงกับคอพับลงไปอีก
“มิกกี้ น้องไม่ไหวแล้วว่ะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปูเป้ยังไหว?”
พวกเขาวางเรียงแก้วเหล้าบนใบสีเทาอีกสามสิบใบโดยมิกกี้ยิ้มแย้มใจป้ำให้ปูเป้ถึงแก้วละสองใบ เมื่อเธอดื่มไปจนหมดก็เอนหลังไปพิงพนักโซฟาอยู่ข้างๆ กับแพมมี่
มิกกี้หันมามองปูเป้ที่เริ่มหน้าแดง “เธอพาแพมมี่ไปนอนห้องข้างในก่อนเถอะ สงสัยคงกลับไม่ไหวแล้วล่ะ?”
ปูเป้แม้จะเริ่มลิ้นพันกันแต่เธอก็ยังพอมีสติหลงเหลือ ใจหนึ่งก็หงุดหงิดที่แพมมี่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนหลับพับไปกับแขก นี่เป็นกฎสำคัญสำหรับการรับงานนอกสถานที่เพราะอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้
“เดี๋ยวโทร.ให้พี่สาวมารับค่ะ ไม่เป็นไร ให้แพมมี่นอนบนโซฟาตัวนั้นไปก่อน” ปูเป้หันไปมองดูเพื่อนรักที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างสบายใจบนโซฟาหนังราคาแพงอีกฟากหนึ่งของห้อง
“อืม...งั้นคุณก็โทรไปหาคนมารับเถอะ” ชายหนุ่มแสร้งใจดี
เพื่อนทั้งสามของมิกกี้ขอตัวลากลับเพราะพวกเขาก็เริ่มเมามากแล้ว เมื่อเหลือเพียงชายหนุ่มที่คุ้นเคยกับเพื่อนสาวที่นอนคว่ำหน้าซบหมอนอิงอยู่บนโซฟายาว ปูเป้ก็ค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้น
“เป็นไง? พี่สาวแพมมี่ไม่รับโทรศัพท์เหรอ?” เขาถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่เจนนี่จะลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ได้
“ค่ะ ไม่รู้หายไปไหน?”
********************************