งานแรกที่แจ็คว่าจ้างเป็นงานปาร์ตี้ของเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนมัธยมต้นที่เมืองไทย พวกเขาต้องการสาวสวยไปช่วยบริการเครื่องดื่ม ปูเป้กับแพมมี่จึงเป็นสองในห้าที่ได้รับเลือกด้วยค่าจ้างสูงลิ่ว หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่ทั้งสองสวมกี่เพ้าสีดำนั่งแท็กซี่ไปยังบ้านหรูชานเมืองตามที่นัดหมายเอาไว้
จำนวนแขกตามที่ระบุไว้มีสิบห้าคน ปูเป้ที่มีความสามารถในการชงเหล้าจึงเฝ้าอยู่หลังเคาน์เตอร์ ปล่อยให้สาวๆ อีกสี่คนทำหน้าเสิร์ฟ
“ฉันว่างานของคุณแจ็ค แขกดูมารยาทดีนะว่าไหม?”
“เออ...มีทั้งผู้หญิงผู้ชายแบบนี้ไม่ค่อยน่ากลัว” ปูเป้หันไปทำปากขมุบขมิบเพื่อคุยกับแพมมี่ พวกเธอไม่กล้าคุยกันนานเพราะนี่คือมารยาทเบื้องต้นในการมาดูแลแขก ยิ่งพวกเธอคุยกันแขกจะมองว่าคอยซุบซิบนินทา ดังนั้นผู้จ้างงานจึงคอยจึงห้ามมิให้พูดคุยกันเกินจำเป็น
งานแรกกับนายจ้างคนใหม่ผ่านไปด้วยดี แขกเริ่มกินเลี้ยงสังสรรค์ตอนห้าโมงเย็น พวกเขาจัดห้องรับแขกใหญ่ที่มีกระจกบานใหญ่ทั้งแถบ จัดโคมไฟแสงสีและประดับลูกโป่งอย่างสวยงาม กว่าครึ่งมากันเป็นคู่ ปูเป้จึงได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอปฏิเสธงานที่มีเพียงผู้ชายอย่างเดียวเพราะมีความเสี่ยงมากเกินไป ยิ่งเมื่อเดือนก่อนมีข่าวครึกโครมว่าหญิงสาวที่รับงานแบบเธอถูกมอมเหล้าที่มียาเสพติดปนอยู่กระทั่งขาดใจตายในระหว่างการทำงาน เธอยิ่งหวาดระแวงและสอบถามเรื่องงานอย่างละเอียด
“งานนี้เลิกเร็วดีนะ เจ้าของบ้านเดินมาบอกแล้ว ห้าทุ่มก็หยุดงานได้” ปูเป้ยิ้มกริ่ม นอกจากเงินจะดีแล้วงานก็ยังเลิกเร็วอีก
ผู้ชายหล่อในสูทลำลองสีน้ำตาลเดินเลียบๆ เคียงๆ มาใกล้ ยิ้มให้กับ แพมมี่และปูเป้ ท่าทางกะหลิ้มกะเหลี่ยนั้นทั้งสองสาวดูแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คิดพูดอะไร?
“พี่ไม่อ้อมค้อมนะครับ ไม่ทราบว่าสนใจจะไปต่อกับพี่ไหม? พี่จ่ายเต็มที่นะครับขอแค่สองชั่วโมง”
ปูเป้ยิ้มอ่อนๆ เธอรู้สึกว่าแม้ใบหน้าและรอยยิ้มดูเหมือนกำลังจะแทะโลมแต่เขากลับไม่ได้เดินเข้ามาใกล้หรือคิดจะแตะต้องร่างกายพวกเธอ
“พวกหนูขอโทษจริงๆ นะคะพี่ พวกหนูรับแต่งานเอนค่ะ ไม่ได้รับพิเศษ” หญิงสาวชี้แจงด้วยท่าทางสุภาพ เธอจำต้องอธิบายด้วยท่าทีที่เหมาะสมให้แขกรู้ว่าเธอมิได้ขายบริการทางเพศพ่วงด้วย
“ปกติไม่รับหรือว่าพี่ไม่ใช่แบบที่น้องชอบ” ชายหนุ่มทรุดลงนั่งโซฟาเดี่ยวที่อยู่ห่างออกไป น้ำเสียงของเขาดูสุภาพขึ้น
แพมมี่ยิ้มหวาน “หนูมีแฟนแล้วค่ะพี่ หนูมารับงานนี้เพราะเงินดีแต่ไม่ได้คิดจะขายนะคะ”
“ส่วนหนูมารับงานนี้เพราะกำลังรอให้บริษัทเรียกตัวค่ะ เพิ่งเรียนจบแล้วตกงานอยู่ก็เลยมาหาเงินพอได้กินได้ใช้ ไม่ได้รับทำยังงั้นจริงๆ นะคะ”
“พี่จ่ายให้ห้าเท่าเลยนะ น้องไม่คิดอีกสักรอบจริงๆ เหรอ?”
ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าตนเองรูปร่างหน้าตาดีในอันดับต้นๆ ในหมู่เพื่อนฝูง ซ้ำยังมีสาวๆ มาคอยเมียงมองทอดสายตาให้อยู่ไม่ขาดยิ้มน้อยๆ ออกมาด้วยความจริงใจ
ปูเป้กับแพมมี่ยกมือไหว้พร้อมกันอย่างสุภาพ
“ขอโทษจริงๆ ค่ะพี่ พวกหนูไม่ได้รับจริงๆ นะคะ”
ชายหนุ่มเห็นท่าทางของสองสาวแล้วก็ใจอ่อน
“ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ก็ขอโทษที่ถามไปนะครับ”
ปูเป้เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มตรงหน้าก็ค้อมศีรษะ “หนูขอบคุณนะคะที่พี่เข้าใจ”
หญิงสาวทั้งสองออกจากบ้านที่ว่าจ้างงานด้วยความสบายใจ แจ็คโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารให้ในทันที ปูเป้ยิ้มกริ่มเธอมองตัวเลขที่ปรากฏในข้อความบนโทรศัพท์มือถือ แล้วหันไปสะกิดแพมมี่
“มาล่ะ คุณแจ็คแกเปย์ดีจริงๆ”
“ไหนๆ” แพมมี่เปิดดูข้อความแจ้งว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีแล้วยิ้มกว้าง “โอ๊ะๆ ถ้าเรารับงานแบบนี้แค่เดือนละสี่วันก็สบายแล้วว่าไหม? โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ของฉันอีกแค่ครั้งเดียวก็จัดได้แล้ว”
ระหว่างที่หญิงสาวทั้งสองยิ้มร่ากับรายได้ มิกกี้ที่รับโทรศัพท์ก็ยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน
“ขอบใจนะมาร์ค เรื่องนี้ต้องเป็นมึง กูถึงจะวางใจ”
“มึงให้กูทดสอบคนสวยนี่ ไม่ใช่ว่ามึงชอบเขาหรอกนะ” ปลายสายตั้งใจจะเย้าคนไหว้วานเพราะเห็นแล้วว่าปูเป้ที่เป็นเป้าหมายในการล่อซื้อทั้งสวยน่ารักและชวนให้ใจเตลิด
“เออ...กูก็ดูๆ อยู่”
“แหม! ลูกผู้ชายตัวจริงซะด้วย กล้าเล็งกล้ารับ ไหนมึงเคยพูดไว้ว่าจะไม่กินเด็กในวงการไง?” มาร์คหัวเราะเยาะเย้ย “นี่ถ้ามึงไม่รับ กูกะว่าจะขอจีบน้องเขาสักหน่อย ดูๆ แล้วน่ารักชะมัด”
“มึงห่างๆ ไปเลยนะ เด็กกู!”
“บ๊ะ! หวงซะด้วย เอาเหอะๆ กูไม่แซวมึงแล้ว ถ้าชอบก็รีบดึงเขาให้ออกจากวงการไปเหอะ มึงก็รู้ว่าเงินทองมันของล่อใจ ยากจะต้านทานไหว ถ้าเกิดปล่อยให้น้องเขาทำงานนี้นานไป อีกไม่นานคงมีคนเสนอราคาให้ไม่อั้น ขนาดกูยังคิดเลยว่าถ้ามึงไม่เอากูทุ่มแน่”
“อย่าเชียว! ถ้ามึงยังอยากจะไปปาร์ตี้คราวหน้า” มิกกี้กัดฟันกรอดๆ “เออๆ มึงไปพยายามจีบน้องเขาให้ติดก่อนเถอะ น้องเขาเพิ่งเรียนจบไม่รู้จะชอบหนุ่มใหญ่วัยเราไหม? ฮ่าๆ มึงนี่คิดจะกินเด็กซะด้วย”
พอได้ยินมาร์คเอ่ยแซว มิกกี้ถึงกับชะงัก เขามัวแต่คิดว่าเธอมีดีอะไร? จนลืมไปว่าตนเองอายุสามสิบห้า ส่วนเธอเพิ่งย่างยี่สิบสาม ความห่างของช่วงอายุสิบสองปี ปูเป้อาจจะคิดว่าเขาแก่เกินไปสำหรับเธอ นี่ต่างหากที่เป็นปัญหา!
‘เอาล่ะสิ! เป็นคนอายุรุ่นนี้จะจีบสาวน้อยควรทำไง? คนอย่างปูเป้จะเอาอะไรซื้อใจเธอดี’
มิกกี้ทิ้งตัวพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาตั้งกำแพงในตอนเริ่มต้นเสียสูงลิบแต่ตอนนี้กลับเพิ่งพบว่าตนเองก็มิได้เลิศเลออย่างที่คิดเอาไว้ ปูเป้เป็นหญิงสาวที่เขาไม่เคยเห็นเธอใช้ข้าวของหรูหรา นาฬิการาคาถูก เสื้อผ้าก็ธรรมดา พอทบทวนกลับไปมิกกี้ก็เพิ่งรู้ว่าที่เขาเคยเห็นเธอแต่งตัวจัดจ้านก็เป็นแค่วันที่เธอออกไปรับงานเท่านั้น ที่เหลือก็สวมเสื้อยืดกางเกงวอร์มมาในตอนดูแลเขาและตอนเป็นแม่บ้าน
“แย่ว่ะ! ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี? ยายเด็กปูเป้นี่เดาใจยากชะมัด”
แม้มิกกี้จะเคยคบหาผู้หญิงมาหลายคนแต่ก็ยังไม่ได้ผูกพันลึกซึ้งมากนัก ที่ผ่านมาเขายังคงรักอิสระและไม่ยอมรับที่จะให้สถานะแฟนกับผู้หญิงคนไหน? ไม่เคยคิดมาก่อนว่าพออายุมาถึงขั้นนี้กลับต้องมาวางแผนตะล่อมเด็กที่อายุห่างเป็นรอบ ยิ่งคิดชายหนุ่มรู้สึกจนปัญญา
เขานั่งดูทีวีที่เปิดทิ้งไว้ด้วยใจเลื่อนลอย ปูเป้เลิกงานตอนห้าทุ่มอีกพักใหญ่เธอจึงกลับมาถึงห้องพัก มิกกี้ได้ยินเสียงกดรหัสประตูหน้าห้องก็ถอนหายใจ เขาส่งข้อความไปถามในโทรศัพท์มือถือ สักแป๊บเธอก็ตอบกลับมา มิกกี้ยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์อย่างมีความสุข
‘มิกกี้เอ๊ย! มึงจะหลอกเด็กไหวไหมวะ?’
****************************