โรงแรม
ตัวโรงแรมที่ว่าใหญ่โตแล้ว ภายในห้องนั้นมันทำให้ฉันกับเพื่อนว้าวยิ่งกว่า ห้องมันกว้างมาก ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนพวกฉันเป็นคนสำคัญเขาถึงได้จัดเตรียมห้องให้ดีขนาดนี้
“ตลอดการศึกษาที่นี่พวกคุณสามคนจะได้พักอยู่โรงแรมนี้ เป็นโรงแรมในเครือของคุณธนดลเจ้าของทุนครับ”
“ค่ะ” ฉันกับเพื่อนพยักหน้าตอบพร้อม ๆ กัน
“ผมจัดเตรียมห้องไว้สามห้องเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ ฟรีตลอดจนจบการศึกษา”
มันอึ้งยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าเราได้อยู่กันคนละห้องแถมยังฟรีแบบห้องระดับพรีเมียม การได้ทุนมาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่นี่มันวิเศษมากจริง ๆ
ผู้ชายคนนี้พาฉันกับมีนมาดูห้องต่อ ส่วนชะเอมได้อยู่ห้องแรกที่เราไปดู เขาพาเราขึ้นลิฟต์มาอีกชั้น นั่นคือห้องของมีน แอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่ให้อยู่ชั้นเดียวกันแต่ก็ไม่กล้าถาม
พอพามีนเข้าห้องแล้วเขาก็พาฉันไปดูห้องต่อ แล้วก็ต้องแปลกใจอีกเมื่อห้องของฉันมันคือห้องชั้นบนสุดของโรงแรม ซึ่งเพื่อน ๆ ได้อยู่กันที่ชั้นยี่สิบ แต่ฉันได้ขึ้นมาอยู่ถึงชั้นที่ห้าสิบ แถมพอมาดูในห้องมันกว้างและหรูหรามากกว่าห้องของเพื่อนฉันซะอีก
“ทะ ทำไมเอยถึงได้มาอยู่ห้องนี้ล่ะคะ มันดูต่างออกไปจากห้องเพื่อนของเอย”
“เป็นคำสั่งครับ”
“ใครสั่งเหรอคะ”
“เดี๋ยวคุณเอยก็จะรู้เองครับ”
“…..” แปลกจัง มันรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวช่วงเย็น ๆ จะมีสไตล์ลิสต์มาจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้ หน้าที่ของคุณคือทำตามโดยไม่พูดไม่ถามปล่อยให้เขาจัดการให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจะมีรถมารับนะครับ”
มันยิ่งทำให้ฉันงุนงงมากขึ้นเมื่อถูกสั่งมาแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมากเพราะเพิ่งมาวันแรก
พอผู้ชายคนนี้หมดธุระแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็เก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ไว้แล้วก็คุยแช็ตกับเพื่อน เรานั่งเครื่องมาค่อนข้างเหนื่อย วันนี้จึงเป็นวันแห่งการพักผ่อน แต่ฉันนี่สิพักผ่อนไม่ได้
พอตกเย็นก็มีผู้หญิงสี่คนมากดออดหน้าห้อง พอไปเปิดประตูเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลยจับตัวฉันไปแต่งหน้าแต่งตัว โดยที่ฉันเองก็ไม่ถามเพราะผู้ชายคนนั้นเขาบอกไว้ก่อนแล้ว
หลังจากจัดการแปลงโฉมฉันเสร็จผู้หญิงสี่คนนั้นก็กลับไป ฉันได้แต่ยืนมองตัวเองในกระจกอย่างเขินอาย ไม่เคยแต่งหน้าทำผมและใส่ชุดแบบนี้มาก่อน
ชุดที่ฉันใส่มันค่อนข้างโป๊พอสมควร เป็นเดรสโชว์แผ่นหลังแถมยังเปิดให้เห็นเนินหน้าอกและยังสั้นเอามาก ๆ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพงทำให้เด็กบ้าน ๆ อย่างฉันดูดีขึ้นมามาก ๆ ราวกับคนในกระจกนั่นไม่ใช่ตัวฉันเลย
เมื่อถึงเวลาก็มีพนักงานของโรงแรมโทรมาแจ้งที่ห้องว่ามีรถมารอรับ ไม่มีเวลามายืนส่องกระจกแล้วฉันต้องรีบไป เพราะหากไปช้าอาจจะโดนดุได้เพราะคนที่จะไปเจอเป็นถึงลูกชายเจ้าของทุนการศึกษา
รถที่มารอรับคือรถลีมูซีนทำเอาฉันตกใจถึงกับต้องอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ขึ้นรถราคาแพงแบบนี้ในชีวิต ฉันเป็นแค่นักศึกษาทุนเองทำไมพวกเขาถึงได้ต้อนรับดีมากขนาดนี้กัน
รถลีมูซีนคันหรูได้ขับเคลื่อนออกมาจากหน้าโรงแรม ฉันนั่งไปด้วยความตื่นเต้น ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงรถก็ได้มาจอดที่สถานที่หนึ่ง ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าคือที่ไหน
มันเป็นโรงแรมแต่ดูใหญ่โตมากกว่าโรงแรมที่ฉันอยู่ พอลงจากรถก็มีคนมารอรับและพาฉันเดินไปด้านในโรงแรม
ฉันเดินไปด้วยความรู้สึกประหม่าเพราะถูกสายตาผู้คนจับจ้องจนต้องก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตาใคร
“นายอยู่ข้างในครับ” เดินมาถึงห้อง ๆ หนึ่ง พนักงานก็พูดบอกฉัน
“ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอคะ”
“ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่สามารถเข้าไปได้ครับ”
“อ๋อค่ะ” ดูเป็นส่วนตัวมากจริง ๆ แฮะ ทำเอาฉันเริ่มกลัวไปด้วยแล้วละสิ
“เชิญครับ นายไม่ชอบการรอใครนาน ๆ”
ฉันพยักหน้ารับรู้แล้วเขาคนนั้นก็เดินหายไป ส่วนฉันก็ค่อย ๆ เอื้อมมือที่สั่นเทาไปเปิดประตู บุคคลด้านในต้องเป็นคนที่น่าเกรงขามมากแน่ ๆ
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในห้องกระทบมาที่ผิวของฉันทันทีเมื่อเปิดประตูแล้วเดินแทรกตัวเข้ามาภายในห้อง มันเย็นยะเยือกจนขนทั้งตัวของฉันลุกซู่
สายตาฉันเหลือบมองเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง รูปร่างของเขามันชวนมอง ขนาดแค่แผ่นหลังทำไมถึงได้ดูดีมากขนาดนี้กัน
นี่สินะคุณเพลิง ลูกชายของคุณธนดลเจ้าของทุนการศึกษา ท่าทางของเขาแค่ยืนนิ่ง ๆ มันก็น่าเกรงขามเอามาก ๆ
ฉันค่อย ๆ ก้าวขาเดิน ตรงหน้าคือโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้ ฉันจึงนั่งลงที่เก้าอี้ช้า ๆ อย่างระมัดระวัง ภายในห้องไม่มีใครเลย นอกจากฉันและเขา
กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันมันดังขึ้นทำเอาตกใจรีบหยิบขึ้นมาปิดเสียง แต่ทว่าผู้ชายที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียงเขาค่อย ๆ หันมา
หัวใจดวงน้อยมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ก่อนที่ฉันจะอุทานในใจว่า ‘หล่อจัง’
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่หล่อมาก ๆ ขนาดนี้อยู่ด้วย ไม่ใช่แค่รูปร่างที่ดูดี หน้าตาของเขามันก็ดูดีไม่มีที่ติ
“ไม่คิดจะทักทายฉันสักหน่อย ?”
น้ำเสียงทุ้มเข้มที่เอ่ยท้วงขึ้นมาทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ ไม่รู้ว่าคุณเพลิงเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้เขายังยืนสูบบุหรี่อยู่เลย
“อะ เอ่อ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอิงเอยเป็นนักศึกษาทุน…”
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว”
ยังแนะนำตัวไม่จบเขาก็พูดขัดขึ้นมาก่อนจะเดินมาใกล้ ๆ ฉันที่นั่งอยู่ ตอนนี้ตัวมันแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ แทบกลั้นหายใจเมื่อใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ ๆ
“เจอกันอีกครั้งจนได้สินะ” สายตาคู่นั้นเลื่อนต่ำลงมาระดับริมฝีปากของฉัน ก่อนจะพูดขึ้นอีก “ท่าทางของเธอยังซื่อบื้อเหมือนเดิม”
คำทักทายนั้นทำให้ฉันต้องคิดทบทวนด้วยความงุนงง เราไม่มีทางเคยเจอกันแน่ ๆ แต่ทำไมคุณเพลิงถึงท้วงออกมาแบบนี้กัน “ระ… เราเคยเจอกันด้วยเหรอคะ”
“หึ!”
เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นก่อนที่คุณเพลิงจะยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปนั่งอีกมุมของโต๊ะอาหาร มันยิ่งทำให้ฉันคิดทบทวนอย่างหนักว่าเคยเจอเขาที่ไหน แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก