Talk เอิงเอย
เวลาผ่านมาจนถึงวันที่ฉันต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษในฐานะนักศึกษาทุน มันคือครั้งแรกที่เด็กผู้หญิงบ้านจน ๆ อย่างฉันจะได้นั่งเครื่องบินทำเอาตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ
“โอมดูแลยายดี ๆ ด้วยนะ พี่จะโทรมาหาเรื่อย ๆ” ฉันบอกน้องชายของตัวเอง ตอนนี้โอมเรียนอยู่ม.ปลาย
“ครับ ผมจะดูแลยายเองพี่ไม่ต้องห่วง” น้องชายฉันเป็นคนที่ว่าง่ายไม่ดื้อไม่ซน
“ยายหนูต้องไปแล้วนะคะอีกนานเลยกว่าจะได้กลับมาที่ไทย หนูสัญญานะคะว่าถ้าเรียนจบแล้วหนูจะทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วเราไปอยู่บ้านหลังใหม่กันนะยาย”
“เดินทางปลอดภัยนะหลาน ตั้งใจเรียน ยายรอใบปริญญาของหลานอยู่ที่บ้านนะ” ยายยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉัน ทำเอาเกือบจะร้องไห้เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโตฉันไม่เคยห่างจากยายไปไหนเลย แต่วันนี้ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปในที่ที่แสนไกล
“หนูจะตั้งใจเรียนเอาใบปริญญามาให้ยายนะคะ” ฉันกอดยายกับน้องชายแน่น
ที่เลือกสอบชิงทุนก็เพราะว่าอยากให้ตัวเองได้มีทางเลือกในชีวิต การเรียนจบต่างประเทศอาจจะเปิดโอกาสในด้านทำงานได้มากกว่า
หลังจากที่ร่ำลายายกับน้องชายแล้วฉันก็เดินออกมาจากบ้านเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบิน ชะเอมกับมีนมารอที่สนามบินก่อนแล้ว
“ยัยเอยทางนี้” มีนยกมือขึ้นโบกไปมาให้ฉันที่กำลังเดินลากกระเป๋าอยู่แบบเลิ่กลักได้มองเห็น พอเห็นเพื่อนก็รีบไปหาทันที
“ทำไมแกมาช้าจัง” ชะเอมถาม
“บอกลายายกับน้องอยู่นะสิ เศร้าจัง บางทีฉันก็รู้สึกว่าอยากจะทิ้งโอกาสนี้แล้วกลับมาเรียนที่ไทยคอยดูแลยาย”
“แกจะบ้าเหรอ! ทั้งที่ตัวเองตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบชิงทุนไปเป็นนักศึกษาแรกเปลี่ยนที่ต่างประเทศแท้ ๆ ไหนบอกว่าอยากมีชีวิตดี ๆ ไง”
“นั่นสิ! ขายังไม่ทันจะก้าวขึ้นเครื่องบินเลยท้อซะแล้ว นี่! ไม่กลัวหรือไงว่าจะเจอไอ้โรคจิตนั่นสักวัน แกลืมไปแล้วเหรอ”
พอได้ยินมีนพูด ขนทั้งตัวของฉันมันก็ลุกซู่ เรื่องราวที่ฉันถูกลักพาตัวไปเมื่อเดือนก่อนมันทำให้ฉันใช้ชีวิตอย่างวาดระแวง แถมพักหลังมานี้มีใครก็ไม่รู้ชอบเดินผ่านไปมาหน้าบ้าน แถมยังมาด้อม ๆ มอง ๆ น่ากลัวมากเลย
“แกพูดแบบนี้ฉันกลัวนะ”
“ไปกัน ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว” ชะเอมมองดูนาฬิกาแล้วพูดขึ้น
“ดะ เดี๋ยว ขะ ขาฉันสั่น” ฉันจับแขนเพื่อนทั้งสองเอาไว้ ขามันสั่นอยู่จริง ๆ
“เราสามคนก็ไม่มีใครเคยขึ้นเครื่องบินกันสักคนแกอย่ากลัวเลย ประสบการณ์ชีวิต ไปค่ะ” ชะเอมกับมีนพากันฉุดลากฉัน
บอกเลยว่าตอนขึ้นมาบนเครื่องบินฉันอยากจะขอยานอนหลับจากพนักงานมากินมาก อยากหลับยาว ๆ ไปจนถึงที่อังกฤษเลย ตอนนี้มันแทบกลั้นหายใจ หัวใจเต้นรัว ๆ
ใช้เวลาอยู่บนเครื่องเป็นวัน ๆ กว่าจะบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงอังกฤษ ในที่สุดเราสามคนก็มาถึงสักที
เรื่องภาษาฉันกับเพื่อนพูดได้อยู่แล้วเราไม่ได้กังวลอะไร มาถึงเราก็มารอคนที่จะมารับไปที่พัก รอไม่นานก็มีผู้ชายใส่ชุดสูทเดินมาพร้อมกับช่อดอกไม้
“สวัสดีครับผมคือตัวแทนของคุณธนดลมารับพวกคุณไปที่พัก เราจัดเตรียมโรงแรมไว้สำหรับพวกคุณสามคนเรียบร้อยแล้ว”
ฉันกับเพื่อนพากันเบิกตากว้าง ให้เราพักอยู่ที่โรงแรมเลยเหรอ ทั้งที่เราเป็นแค่นักศึกษาแลกเปลี่ยนเองแท้ ๆ
“ของคุณเอิงเอยครับ” ดอกไม้ช่อนั้นถูกยื่นมาตรงหน้าของฉัน ไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจชะเอมกับมีนก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ขะ ของเอยเหรอคะ” ฉันรับกุหลาบช่อนั้นมาด้วยความงุนงง ก่อนจะมองเห็นการ์ดเลยหยิบขึ้นมาอ่าน
ในการ์ดเขียนแค่คำสั้น ๆ ว่า ยินดีต้อนรับ คงจะเป็นของที่จัดเตรียมไว้สำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยน
“ผมจะพาคุณสามคนไปที่โรงแรม ส่วนคุณเอิงเอยเย็นนี้ต้องไปเจอคุณเพลิงนะครับ”
“คะ ?” ฉันขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจ ใครคือเพลิงแล้วทำไมฉันต้องไปเจอเขาด้วย
“ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกครับสบายใจได้ คุณเพลิงคือลูกชายของคุณธนดลที่มอบทุนการศึกษาให้คุณ”
“ละ แล้วทำไมเอยถึงได้ไปเจอเขาแค่คนเดียวล่ะคะ”
“นายไม่ชอบเจอคนเยอะ ๆ เลยนัดให้ไปเจอทีละคนครับ แค่พูดคุยทำความรู้จัก”
“อ๋อค่ะ” ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ฉันก็แสร้งพยักหน้าเหมือนเข้าใจ เพราะเขาเป็นเจ้าของทุน เป็นคนให้ชีวิตใหม่ฉันถึงไม่สามารถขัดอะไรได้