หลังการเจรจาต่อรองกับคุณหญิงอัปสรผ่านไปนานนับชั่วโมง เล่นเอาท่านรองผู้อำนวยการถึงกับปาดเหงื่อไปหลายที กระนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อคุณหญิงอัปสรอนุญาตให้หลานชายคนเล็กของราชสกุลไปทำงานต่างจังหวัดได้ แม้จะโดนดุไปหลายทีและบ่นกระปอดกระแปดตามหลังมาบ้างก็ตาม
คเชนทร์เดินออกมาส่งพายุขึ้นรถกลับบ้าน พลางลองสังเกตท่าทางของท่านรองฯ ตั้งแต่เดินออกจากห้องรับแขก จนเข้าไปนั่งในรถยนต์คันหรูด้วยท่าทีหมดแรง ไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ กับเขาเลยทำเพียงโบกมือปัดๆ คล้ายเหน็ดเหนื่อย
ก่อนที่คนขับรถจะขับรถออกจากวังวชิรจักรไป
‘สงสัยจะใช้พลังงานเยอะไป’
ชายหนุ่มนึกในใจพลางยิ้มมุมปาก
ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มดูลึกลับคู่นี้ฉายแววอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด
“อาช้างขา”
แรงกระตุกน้อยๆ ที่ขากางเกงสแล็ก น้ำเสียงใสๆ ของหลานสาววัยเจ็ดขวบเรียกความสนใจให้เขาก้มหน้าลง เห็นร่างเล็กกำลังส่งยิ้มแป้นจนเห็นฟันกระต่ายข้างหน้าหลอทั้งสองซี่
เขาทรุดตัวลงนั่งยองๆ ให้เท่ากับหลานสาวพลางยกมือวางบนศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู “ว่ายังไงคะคนสวยของอาช้าง”
“คุณทวดขาบอกให้น้องพายมาพาอาช้างไปส่งคุณทวดขาค่ะ”
ลูกสมุนคุณหญิงอัปสรเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ใบหน้าหวานสวยเหมือนมารดาฉีกยิ้มจนดวงตากลมโตเป็นรูปสระอิ
“โอ๊ย!”
จู่ๆ คุณอาหนุ่มของหนูน้อยพรพระพายก็ร้องเสียงหลงพร้อมกับหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด คิ้วเล็กขมวดเป็นปมหน่อยๆ หลุบสายตามองมือของคุณอาที่กุมอยู่หน้าท้องตัวเองแน่น
“อาช้างขาเป็นอะไรคะ” ด้วยความเป็นเด็ก และเป็นห่วงคุณอามากจึงไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมบนหน้าหล่อตี๋ หนูน้อยจึงรีบร้องถาม
คเชนทร์ลอบยิ้มมุมปาก เอ็นดูความน่ารักของหลานตัวเองจนหลงหัวปักหัวปำ
“อาช้างปวดท้องครับน้องพระพาย น้องไปบอกคุณทวดนะครับว่าอาช้างไปหาไม่ได้แล้ว”
“ไม่ได้ค่ะ” หลานรักตอบกลับเขามาอย่างไว
คเชนทร์หยุดร้องโอดครวญฉับพลัน รู้สึกว่าแผนนี้จะใช้ไม่ได้ผล
หนูน้อยพรพระพายยังคงพูดต่อ “คุณทวดขาบอกว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาตัวอาช้างไปหาคุณทวดให้ได้ คุณทวดขาบอกอีกด้วยว่า ห้ามน้องพายหลงกลมารยาของอาช้างเด็ดขาด” แล้วก็เอียงศีรษะเล็กน้อย “อาช้างขา มารยาคืออะไรคะ”
คำถามของหลานสาวทำเอาคเชนทร์ปั้นหน้าไม่ถูกว่าจะยิ้ม จะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ก่อนดี ได้แต่มองหลานสาวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่ยังไม่ทันจะได้อธิบายความหมายให้หลานสาวตัวน้อยฟัง เสียงของบิดาหนูน้อยก็ดังขึ้นเสียก่อน
“หยุดแสดงแล้วไปคุยกับคุณย่าให้รู้เรื่องได้แล้วไอ้ช้าง ก่อนที่มรดกส่วนของแกจะตกเป็นของลูกสาวฉัน”
สิงหราชยืนกอดอกพิงสะโพกกับบานประตูบ้าน ทอดตามาที่น้องชายด้วยแววตาน่าเกรงขาม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนได้ภายในเสี้ยววินาที ยามหันไปสบสายตาของลูกสาวตัวน้อย
“น้องพระพายครับ เราเข้าบ้านกันเถอะ หนูอย่าไปอยู่ใกล้อาช้างมากนะคะ เดี๋ยวหนูจะอดได้มรดกไปด้วยนะลูก” คุณพ่อลูกหนึ่งเอ่ยกับลูกสาวเสียงอ่อนเสียงหวาน ต่างจากน้ำเสียงที่พูดกับน้องชายก่อนหน้านี้
หนูน้อยพรพระพายไม่เข้าใจสิ่งที่บิดาหมายถึงสักเท่าไร แต่ก็ยอมหันหลัง เดินมาหาบิดาให้บิดาอุ้มพาเข้าบ้าน
ทิ้งให้คุณอาได้แต่ยืนทอดถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง อยู่หน้าบ้านเพียงคนเดียว
คเชนทร์เดินช้าๆ มาที่ศาลากลางน้ำหลังวังวชิรจักรพลางสอดส่องสายตามองคุณหญิงอัปสรที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม มีสาวใช้นวดขาให้อยู่ เขาส่งสายตาบอกให้หญิงสาวออกไปก่อน ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงแล้วเป็นคนบีบนวดให้แทนอย่างเอาใจ
“คงสบายใจแล้วสินะ จะได้ไปอยู่ไกลหูไกลตาย่า อย่าคิดนะว่าย่าไม่รู้ทันแผนของช้างน่ะ” คนนอนพักสายตา เอ่ยอย่างน้อยใจทั้งๆ ที่ตายังปิดสนิท
คเชนทร์ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดูเหมือนคุณย่าจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาอยู่ไม่น้อย
“โธ่คุณย่าครับ ใครจะไปคิดอย่างนั้นกัน อีกอย่างผมไปแค่ไม่กี่เดือนเอง ไม่ได้จะไปอยู่ตลอดชีวิตเสียเมื่อไร เดี๋ยวก็กลับมาแล้วครับ”
คราวนี้คุณหญิงอัปสรลืมตาขึ้นพร้อมกับดันตัวขึ้นนั่งหลังตรง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย หันหน้าออกไปมองดอกบัวบานสะพรั่งในสระ ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรอีก
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะลุกจากที่นั่ง เดินไปคุกเข่านั่งบนส้นเท้าตรงหน้าคุณหญิงอัปสร พลางเอื้อมมือทั้งสองข้างไปกอบกุมมือเหี่ยวย่นนุ่มนิ่มบนตักของท่านไว้ด้วยความอ่อนโยน
“ผมรู้นะครับว่าในบรรดาพี่น้องทั้งหมดในตอนนี้คุณย่าเป็นห่วงผมที่สุด ผมรักและขอบคุณคุณย่านะครับ” พูดจบก็ก้มศีรษะลง ประนมมือกราบบนหลังมือของท่าน
คุณหญิงอัปสรยอมหันกลับมาสบสายตาของหลานชายคนเล็ก นัยน์ตาคงหลงเหลือความน้อยใจ แต่พอได้ยินหลานชายเอ่ยออกมาแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบ ยกมือที่ถูกกอบกุมขึ้นมาวางทับหลังมือหลานชายไว้
“เอาเถอะยังไงย่าก็ตอบตกลงกับตาพายุไปแล้วว่าจะให้ช้างไปทำงานที่ต่างจังหวัดสักพัก...” ท่านมองหลานชายคนเล็กด้วยสายตาปลงๆ
“ตาช้าง ถึงย่าจะชอบเจ้ากี้เจ้าการจับคู่ให้ช้างกับหลานๆ เพื่อนของย่า เพราะย่าหวังดีกับเรา เราก็เห็นว่าพี่น้องคนอื่นเขาเป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้วนะ เหลือแต่เรานั่นแหละที่ยังไม่มีใคร วันๆ เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ยอมคบหากับใครเลย ย่าอยากให้ช้างมีคนคอยดูแลเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ”
ท่านเอ่ยกับหลานชายน้ำเสียงเอื่อยๆ ใช่ว่าอยากจะจับคู่ให้หลานชายคนเล็กเหมือนที่เคยทำกับพวกพี่ๆ น้องๆ ของหลานอีก ครั้งนี้ท่านอุตส่าห์ให้อิสระกับหลานคนนี้เลือกคู่ด้วยตัวเองแล้ว แต่จนแล้วจนรอด ท่านก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหลานสะใภ้คนเล็กเสียที
คเชนทร์ยิ้มบางๆ ด้วยความซาบซึ้งกับความรัก และความห่วงใยที่คุณหญิงอัปสรส่งผ่านมาให้ทางสายตา จริงอย่างที่ท่านบอก นับตั้งแต่เขาสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ จนตอนนี้ได้เป็นศัลยแพทย์เต็มตัว ชีวิตของเขาก็แทบจะอุทิศให้กับคนไข้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แม้กระทั่งน้องสาวเพียงคนเดียวก็เพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง หลังจากเรียนจบไม่นาน เหลือก็แต่เขาที่ยังคงไม่มีใคร และถือครองตัวเป็นโสด
ด้วยเหตุนี้คุณย่าของเขาจึงพยายามจะจับคู่ดูตัวเขากับหลานสาวเพื่อนๆ ของท่าน
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายแสงยามสบสายตาผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายทศวรรษ
“ก็ได้ครับ เอาไว้หลังจากเสร็จงานที่ต่างจังหวัดกลับมาแล้ว ผมจะยอมศึกษาดูใจกับคนที่คุณย่าเลือกให้สักคนก็ได้ครับ”
คุณหญิงอัปสรได้ยินคำตอบรับของหลานชายก็ระบายยิ้มออกมาพร้อมกับลูบหลังมือหลานชายแผ่วเบาด้วยความปลื้มปริ่มใจ ดวงตาของท่านเป็นประกายแวววับ
“ช้างสัญญากับย่าแล้วนะลูก”
“ผมสัญญาครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มเบาๆ
คเชนทร์เลือกตอบตกลงที่จะยอมคบหากับหญิงสาวสักคนที่คุณหญิงอัปสรเลือกสรรให้ นั่นก็เพื่อให้ท่านสบายใจ และตัวเขาเองก็ควรจะคิดเรื่องการมีครอบครัวสักที เพราะอายุอานามก็ปาถึงเลขสามสิบสามปี
จริงๆ ตัวเขายังไม่พร้อมสำหรับการมีครอบครัว แต่พอได้รับรู้ถึงความห่วงใยของผู้เป็นย่าแล้วนั้น จึงไม่อาจทำให้ผิดหวังอีก ชีวิตหนุ่มโสดของเขาในอีกสามถึงสี่เดือนหลังจากนี้ คงต้องใช้มันให้คุ้ม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ให้จริงจังกับชีวิตคู่มากกว่านี้ ตามความปรารถนาของคุณหญิงย่า