ฝ่ายเหวินซืออี้ในร่างจางเหยา เริ่มเข้าใจหลายสิ่ง นางมาอยู่ในช่วงเวลานี้ก็เพราะดวงจิตเดิมไม่ปรารถนาเป็นเหวินซืออี้ ส่วนอาหญิงของนางเป็นผู้หยั่งรู้ อีกฝ่ายจึงหาทางช่วยให้นางได้มีวาสนาดีกว่าเดิม อย่างน้อยที่สุดคือได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตใหม่ และไม่เป็นโง่เขลาอีก ดังนั้นยามนี้เหวินซืออี้คนใหม่ จึงมีดวงตาที่สาม แม้ไม่อาจมองเห็นทุกสิ่งชัดเจน แต่ด้วยไหวพริบที่มี ก็ปะติดปะต่อเรื่องต่างๆ ได้
ในขณะที่ถูกไล่ต้อนไปนั้น เหวินซืออี้พบว่า หนึ่งในนางรำ มีคนผู้หนึ่ง ที่ทำให้นางต้องพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
สตรีนางนั้นอายุมากกว่าทุกคน และนางจะเป็นใครได้หากไม่ใช่ผิงจง แม่บ้านของเหวินซืออี้ในชาติภพก่อน
ผิงจงเปรียบได้เหมือนมารดาของเหวินซืออี้ ทั้งรัก และปกป้องเหวินซืออี้นับแต่วันที่นางคลอด เหนื่อยยากเกือบทุกสิ่งในช่วงเวลากว่าที่นางจะเติบโตและตัดสินใจหนีออกจากคฤหาสน์หลังโอ่อา หากสุดท้ายผลตอบแทนผิงจงก็คือความตายที่ไม่เป็นธรรม
ยามนั้น เหวินซืออี้ไม่สนใจพวกทหารแล้ว นางแค่อยากหาบอกบางสิ่งกับผิงจง จากนั้นก็หาวิธีหนีไปด้วยกัน
เหวินซืออี้แสร้งเสียหลัก แล้วเข้าไปเกาะร่างของผิงจงไว้
“อุ๊ย ขะ ขออภัย ข้ามึนศีรษะเล็กน้อย และทางก็มืดมาก” เหวินซืออี้ว่า และป้ายน้ำมันหอมระเหยที่หลังต้นคออีกฝ่าย นอกจากนั้นนางยังทำแขนเสื้อผิงจงขาด เรือนกายของผิงจง จึงล่อสายตาเหล่าทหารชั่ว
การกระทำทั้งหมด ส่งผลให้ผิงจงหวาดเกิดความระแวงเหวินซืออี้
“เจ้าก่อเรื่องให้พวกเราต้องอยู่ในสถานการณ์ลำบาก”
สิ่งที่ผิงจงกล่าว ทำให้เหวินซืออี้มองนางใหม่
“เจี่ยเจียพูดเช่นนี้ หรือว่าท่านก็ถูกส่งตัวมา”
ผิงจงยิ้ม รอยยิ้มของนางเป็นภาพที่เหวินซืออี้ในชาติภพก่อนไม่เคยเห็น คนที่เมื่อก่อนใจเย็นทั้งอ่อนโยน เหตุใดยามนี้ถึงดูคล้ายมีความนัยซ่อนอยู่ หรือแท้จริงแล้ว ผิงจงก็ถูกส่งตัวมาเพื่อทำภารกิจบางอย่าง
จากนั้น ก็เป็นอย่างที่เหวินซืออี้คาด ทั้งนางและผิงจง รวมถึงนางรำอีกราวๆ สิบคนถูกพาเดินลัดเลาะไปตามทางคดเคี้ยว ในขณะเดินฝ่าความมืด ด้านหลังมีเสียงหวีดร้องโหยหวนของนางรำที่ชะตาขาด
เหวินซืออี้ใจสั่นรุนแรง ตัวนางคิดถึงภาพนี้ในช่วงถูก
สวีเกาหานจับได้ว่าเป็นสตรี จึงวางแผนอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเขาก็ช่วยสนับสนุนนาง แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือเขาต้องให้นางช่วยขับความขุ่นข้นออกจากร่างกาย ฝ่ายนางแม้จะมีดวงตาที่สาม แต่คนร้ายกาจเช่นสวีเกาหานใช่ว่านางจะทันเล่ห์เหลี่ยมเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงยอมไหลตามน้ำ สร้างความสุขให้เขาจนอีกฝ่ายชมเชยไม่หยุด ทั้งยังบอกว่า ตำแหน่งพระชายาเอกของรัชทายาท สตรีนางเดียวที่สมควรครอบครองก็คือนาง
“ข้าไม่ใช่คนปากหวาน ส่วนที่หวานที่สุด คือสิ่งที่เจ้ากลืนลงท้องเมื่อครู่ ถ้าจำรสชาติไม่ได้ ข้าจะเติมมันเข้าไปอีกครั้งดีหรือไม่”
เหวินซืออี้ถลึงตาใส่อีกฝ่าย นางไม่ใช่สตรีร่านสวาท แต่ทำไปทั้งหมดย่อมมีเหตุผล
“หานอ๋องบังคับข้า เรียกว่าข่มเหงจิตใจ และร่างกายก็ไม่ผิด”
“นักพรตน้อย เอ ไม่ใช่สิ ดรุณีน้อย ข้าเห็นว่ายังเยาว์วัย จึงแค่ให้ใช้ปากเสียก่อน วันข้างหน้า ทั้งกลีบข้างหน้าเจ้า และกลีบด้านหลัง เกรงว่า ไม่พ้นที่บุรุษผู้นี้จะได้ครอบครองทุกคืนวัน”
“หึ แคว้นเหลียงช่างสรรหารัชทายาทที่นอกจากว่างงานแล้ว ยังสัปดนเป็นที่สุดมาทำหน้าที่นี้ ”
“ฮ่าๆ ๆ คำชมของเจ้าข้าขอรับไว้ แต่ยามนี้เจ้ากลืนของหวานข้าแล้ว ใยไม่ยอมบอกชื่อแซ่...”
อีกฝ่ายถามเช่นนั้น เหวินซืออี้ก็ใช้ความคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ชาติภพนี้นางควรเป็นผู้ใด แม้ร่างกายเป็นของจางเหยา แต่จิตใจคือของเหวินซืออี้
“ให้ข้าเป็นไร้นามดีหรือไม่”
สวีเกาหานส่ายหน้า และหัวเราะร่วน ก่อนตอบว่า
“ข้าเป็นถึงรัชทายาท แม้ไม่ได้เรื่องและเหลวไหลกว่าผู้ใด แต่ยามอุ่นเตียงกับเจ้า หากให้ครางว่า ไร้นาม... โอ้ แม่นางไร้นามคนงาม ตัวข้าเจียนจะหลั่งแล้ว เช่นนี้ ฟังอย่างไรก็พิลึกอยู่สักหน่อย”
พอเข้ากล่าวเช่นนั้น เหวินซืออี้ทั้งขำและจั๊กจี้หัวใจ คนผู้นี้ ทำให้นางมีความสุขและหัวเราะได้ ช่างเป็นบุรุษที่น่าค้นหาเสียจริง
“หากไม่ใช่ไร้นาม ข้าคงต้องเป็น... ซือเหยา... ของท่านก็แล้วกัน”
นางบอกเขาเช่นนั้น อีกฝ่ายจึงโน้มตัวลงมาแล้วจูบนางอย่างดื่มด่ำ กระทั่งเขาถอนจูบออก นางเลยทั้งฉงน ทั้งซ่านสยิวใจ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ชิมของหวานตัวเอง ผ่านริมฝีปากสตรี!”
เหวินซืออี้ไม่อาจทนฟังสิ่งใดได้ เขาเป็นคนบ้าตัณหา และยังทำให้นางหมกหมุ่น พอนางจะหมุนตัวเพื่อสวมเสื้อผ้า เขาจึงกล่าวว่า “เถาวัลย์ผสานใจ จะคลายตัวออกได้ ก็ต่อเมื่อ... หัวใจเจ้ากับของข้า เคลื่อนไหวในห้วงเวลาเดียวกัน”
สิ่งที่เขากล่าว นางย่อมรู้ว่ามีความหมายเช่นไร
เหวินซืออี้ไม่ใช่คนอ่อนหัดเรื่องอุ่นเตียง แม้อายุเดิมในชาติก่อนยังเยาว์วัย แต่นางรักสนุกอยู่สักหน่อย ชอบเรื่องระหว่างชายหญิงเป็นพิเศษ นางจึงปล่อยใจเตลิดไปกับแม่ทัพเซียว ซึ่งหลังจากตกเป็นของเขา ก็เกิดเรื่องราวมากมายต่อจากนั้น กระทั่งตั้งครรภ์ ทว่านางกลับไม่รู้ตัว จวบจนใกล้วันมงคลจึงตระหนักได้ว่าชีวิตน้อยๆ ใกล้ลืมตาขึ้นมาดูโลก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้บอกเซียวหัวเฟิงให้รับรู้ สุดท้ายจึงจากไปพร้อมก้อนเนื้อในครรภ์ โดยผู้เป็นทั้งสามีและบิดา ไม่ทันได้ดูใจนาง ซ้ำร้ายยังหายตัวไปกับอรสพิษอย่างองค์หญิงหก
“ซือเหยา เจ้าไม่ใช่แค่งาม หากเป็นสตรีที่ข้าหลงใหล”
เสียงทุ้มๆ น่าฟังดังอยู่ข้างหู ซึ่งคนปากหวานย่อมเป็นเช่นสวีเกาหาน อีกทั้งรูปงาม เขางามแล้วยังทำให้นางมีความสุข มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ผิวเขาขาวละเอียดน่าสัมผัส ไรขนตามร่างกายถูกเล็มไว้อย่างงดงาม ยิ่งกว่านั้นคือขนาดแก่นกายเขา มังกรยักษ์คล้ำกว่าผิวกาย หัวบานหยักแดงเข้ม และเห็นเส้นเลือดปูนตลอดลำยาวเมื่อแข็งตัว ซึ่งทำให้หัวใจนางพองโตยามได้สัมผัส และปลุกปล้ำให้มันพ่นลาวาขาวขุ่นออกมา
“เมื่อครู่หานอ๋อง ก็ขึ้นสวรรค์แล้ว ยังจะหลอกล่อให้ข้าทำสิ่งใดอีก” รอบแรกที่เขาเสร็จ นางใช้สองมือปลุกปล้ำ ก่อนทำตามใจเขาด้วยการกลืนน้ำวิสุทธิ์ของอีกฝ่าย และเขาทั้งอึ้ง ก่อนยิ้มกว้างด้วยความพึงใจ แน่นอนนางต้องการให้เขาหลงใหลความสามารถที่มีนี้
“เถาวัลย์นี้มันเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่ซือเหยาปรารถนา และข้าล่วงรู้ว่า จะจัดการมันเช่นไร”
ได้ยินเขาบอก แต่นางก็แกล้งยียวน
“ฮึ ดูเหมือนท่าน กำลังวางกลอุบายลวงข้าเสียมากกว่า”
“ซือเหยา บุรุษเช่นข้ากล่าวคำไหน ย่อมเป็นคำนั้น โดยเฉพาะอยากได้เจ้าเป็นเมีย!”
บทที่เขาจะกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อมนางก็อายมวนทีเดียว
“หานอ๋องทึกทักเอาฝ่ายเดียว ข้ายังไม่พร้อมเป็นของท่าน อีกอย่าง คุณหนูสามจือ ไฉนจะยอมปล่อยให้ท่านหลุดมือ รัชทายาทผู้หล่อเหลานี้ นางคงผูกดวงไว้กับท่านเป็นแน่แท้”
“ฮ่าๆ ๆ นางเก่งแต่บีบบังคับผู้อื่น แม้พี่ชายมีอำนาจ แต่สำหรับข้า พวกเขาทั้งคู่หาได้อยู่ในสายตา ฝ่ายข้าเพียงเล่นละครตบตาไปเช่นนั้น รอวันให้พวกเขาตายใจ มินานคงจัดการหักแขนขา และขังให้อยู่ในตำหนักเย็น”
เขาบอกจบ ก็ค่อยๆ จัดท่าทางให้เหวินซืออี้ ยามนั้นนางนอนราบไปกับพื้น เผยทุกสัดส่วนให้เขาได้สำรวจด้วยความคลั่งไคล้
“สองเต้านี้เป็นของข้า สะดือลึกสวยก็ด้วย และ...” เขาว่าพร้อมกับใช้นิ้วยาวแยกกลีบฉ่ำเยิ้มของนางออกจากกัน โอ้ มันแน่นจัด ทั้งอวบอูม มีน้ำใสๆ เกาะพราวไปหมด เห็นแล้วเขาก็เกิดตัณหายิ่ง
แหวกเนื้อนิ่มแล้ว ก็สำรวจเกรสงดงามที่เย้ายั่วราคะของบุรุษ
“หานอ๋อง... ทำสิ่งใด ก็อย่าให้ข้าต้องอับอายเลย”
“โถ เมื่อครู่เป็นเจ้าที่กลืนน้ำหวานข้าเสียเต็มท้อง พอข้าอยากให้เจ้าปลดปล่อยบ้าง กลับขัดเขิน”
เขาว่าจบก็หมั่นเขี้ยวจัด ยามนั้นจึงจู่โจมเหวินซืออี้โดยที่นางไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ... อ๊ะ... หานอ๋อง ทะ ท่านยังเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่” นางสั่นทั้งร่าง แล้วตามด้วยอาการมือเท้าอ่อนแรง สมองขาวโพลน คิดสิ่งใดไม่ออก ดวงตาที่สามของนาง ก็ไม่อาจช่วยสิ่งใด ในยามนี้
“อี้ๆ ๆ ทะ ทำเช่นนี้ไม่ได้ หะ หานอ๋อง มะ ไม่นะ อื้อๆ ไม่ ท่านกำลังข่มเหงข้า”
นิ้วชี้เขาแทงลึกเข้าไปด้านในกลีบสวาท ส่วนปาก และลิ้นสลับการดูด เม้ม และไล้เลียพื้นที่หวานเยิ้ม ในบางครั้งเขาก็ขบเบาๆ ด้วย การกระทำทั้งหมดส่งผลให้เหวินซืออี้เจียนขาดใจ
และเหวินซืออี้ไม่รู้ว่านางจะปฏิเสธหรือตั้งรับต่อไปดี ส่วนร่างกายนี้กำลังเคลิ้มไหวไปกับการเล้าโลมของอีกฝ่าย พอนางครางและหวีดร้องเสียงสูงๆ พร้อมกำลังจะเอ่ยปากขอให้เขาหยุด ชายหนุ่มก็ส่งมืออีกข้างให้นาง
“หากเจ้าไม่กลัวผู้อื่นได้ยิน แล้วกล่าวหาสวีเกาหานว่า เป็นพวกต้วนซิ่ว* ข่มเหงนักพรตน้อย ก็จงเงียบเสีย มิเช่นนั้น ทั้งข้าและเจ้าคงถูกจับใส่กรงหมู แล้วโยนลงน้ำเป็นแน่แท้”
(*ตัดแขนเสื้อ)
อันที่จริงเขาไม่มีเจตนาดุนาง แค่ปรามให้เงียบเสียงลงเท่านั้น เพราะกลัวจะมีฝ่ายตรงข้ามแอบฟังอยู่ หากเกิดเรื่องดังกล่าวย่อมไม่เป็นผลดี
อึดใจต่อมา เหวินซืออี้เลยจับมือใหญ่ๆ ของเขา แล้วเริ่มการปลุกเร้าด้วยใช้ลิ้น นางเลีย ดูด สลับการกัดอย่างเผลอไผล แล้วจึงส่งมันเข้าไปในโพรงปากของตน
นางดูดดุนนิ้วยาวเรียวสวยราวกับเป็นของหวาน ฝ่ายเขาก็ส่งเสียงทุ้มๆ พร้อมการคำราม แล้วจึงเคลื่อนตัวปรับเปลี่ยนท่าทีใหม่
“อ๊ะ... หะ หานอ๋อง... ทะ ท่านบอกว่าจะไม่เข้าไปข้างในตัวข้า”
“ฮ่าๆ ๆ อันที่จริง ข้าอยากคืนคำพูดนั้นเหลือเกิน...”
เขาเอ่ยแล้วก็ใช้ปลายหัวหยักของตนที่ชุ่มโชกด้วยน้ำหล่อลื่นเหนียวใส ถูไถปากทางกลีบสวาท ถูจากช้าๆ เป็นเร่งเร้า จนพื้นที่ดังกล่าวร้อนจี๋
โอ้ ยามนั้นเนื้อแนบเนื้อ กลีบฉ่ำๆ ประหนึ่งปรารถนาอยากดูดหัวหยักบานใหญ่สีแดงเข้มเข้าไปด้านใน ช่วงเวลาแสนรัญจวนใจนี้ เขาต้องกินนางให้อิ่ม และทำให้เหวินซืออี้หายใจเข้าออก ก็เป็นต้องนึกถึงเขาเพียงผู้เดียว โดยไม่ร้องหาคนผู้นั้นที่เขาก็หวั่นใจว่า จะช่วงชิงนางไปเป็นของตน
“ซือเหยา... ดอกไม้เจ้าเชิญชวนข้าเหลือเกิน น้ำหวานก็เยิ้มไหลเป็นทางแล้ว”
เสียงเขาแหบพร่าทั้งเจือการร้องขอ ฝ่ายเหวินซืออี้หัวหมุนไปหมด นางเจียนใจอ่อน ทว่าทุกอย่างเพิ่มเริ่มต้น หากตกเป็นของเขายามนี้ เกรงว่าจะเสียการใหญ่ นางสมควรได้พบบุรุษอีกคนเสียก่อน ถ้าเขาไม่ต้องการนาง ร่างกายนี้และหัวใจย่อมตกเป็นของสวีเกาหาน
และนี่คือสิ่งที่ตั้งใจไว้... ทว่าจิตใจนางเริ่มโลเล นางอยากร่วมรักกับสวีเกาหานอย่างร้อนแรงและบ้าคลั่งเต็มที่แล้ว!
“เหลวไหล เป็นท่านที่กลั่นแกล้งข้า”
เสียงนางสะบัด ฟังแล้วก็แสนเง้างอน เขาเลยเลื่อนท่อนอุ่นจัดลงไปด้านล่าง ใช้มันถูกไถทั้งกลีบด้านหน้า และส่วนด้านหลัง เหวินซืออี้สะดุ้ง นางครั่นคร้ามใจอยู่บ้าง ด้วยสตรีอย่างไรคงไม่ใช่บุรุษที่จะเล่นสนุกได้ทุกช่องทาง ตัวนางก็พอรู้ ทหารกลัดหมัน ขุนนางหนุ่มๆ หลายคนชอบขันทีผิวขาวละเอียดอายุน้อย บางคนหลับนอนกับนางกำนัลหญิง หรือทหารหญิงทางประตูหลัง เรื่องเหล่านี้มีให้พบเห็นบ่อยๆ นอกเหนือจากนั้น บุรุษบางคนนิยมให้สตรีหรือบ่าวรับใช้ นำกัวซาหัวเห็ดแทงเขาด้านหลังตนเพื่อคลายกำหนัดก็มีเรื่องซุบซิบให้ได้ยินบ่อยๆ