ผับ Moon
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตเข้าไปนะครับนาย”
“เข้ามา” แทนคุณเอ่ยเสียงตอบรับ ขณะสายตาจดจ่อที่หน้าจอคอม นิ้วมือคลิกที่เม้าส์ บานประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา ด้วยฝีมือของลูกน้องคนสนิท
ทิมโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายก่อนจะกล่าวรายงาน “คุณนาวากับคุณฟรานซ์มาถึงแล้วนะครับ”
“อือ ให้พวกมันรอไปก่อนห้านาที”
“ครับนาย” ทิมโค้งศีรษะอีกครั้งแล้วเดินออกไป แทนคุณปรายตามองตามหลังลูกน้องคนสนิทเพียงนิด ก่อนกลับไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ
…
“งานยังสำคัญกว่าทุกสิ่งสินะ”
“ประชดกูเพื่อ?” แทนคุณทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยวข้าง ๆ กับนาวา ตรงข้ามฟรานซ์เจ้าของประโยคข้างต้น
“ให้พวกกูนั่งรอตั้งห้านาที”
“ไอ้สัส!ปัญญาอ่อน”
“วันนี้แต่งเมียเข้าบ้านไม่ใช่เหรอ ทำไมยังมีอารมณ์มาทำงานอีกล่ะวะ” นาวาเทเหล้าราคาแพงใส่ในแก้วเปล่า แล้วเลื่อนไปตรงหน้าแทนคุณ
แทนคุณคว้าแก้วเหล้าราคาแพงที่เพื่อนส่งมาให้กระดกดื่ม ในคราเดียวหมด โดยไม่ได้ตอบคำถาม แต่ย้อนถามกลับไปแทน “มึงก็รู้นิว่ากูเพิ่งแต่งงาน แล้วพวกมึงจะชวนกูมาดื่มอีกทำไมล่ะ”
“ยอกย้อนเก่ง เดาว่ามึงต้องเข้าผับไง”
“หึ” แทนคุณกระตุกยิ้มมุมปากพลางเลื่อนแก้วเปล่าไปให้นาวา
“เป็นกูนะ อยู่บ้านเข้าหอ จัดเมียเด็กยันเช้าบอกเลย ปกติเรื่องผู้หญิงมึงไม่เคยพลาดนี่หว่า”
“ผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์แบบนั้น กูเอาไม่ลง แถมยัง…” แทนคุณหยุดค้างท้ายประโยคไม่พูดต่อ แต่กระดกดื่มเหล้าราคาแพงในมือจนหมดแก้ว
“เป็นน้องสาวของน้องเมล แฟนเก่าที่มึงรักมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ” นาวาเล่นเสียงตอบแทน คนที่ไม่กล้าเอ่ยถึงแฟนเก่าตัวเอง อย่างต้องการหยอกล้อ ทำเอาแทนคุณพูดไม่ออก เพราะเป็นเรื่องจริง
“กูถามมึงจริง ๆ นะ คิดไงถึงยอมตกลงแต่งงานกับน้องสาวแฟนเก่าวะ” ฟรานซ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากยกแก้วเหล้าราคาแพงขึ้นจิบ รู้ข่าวว่าแทนคุณจะแต่งงานไม่กี่วันก่อนงานแต่งนี้เอง ซึ่งจัดขึ้นเฉพาะภายในครอบครัวสองฝ่าย เหมือนไม่ต้องการให้คนภายนอกรับรู้
“คำตอบเดิมที่กูเคยตอบ”
“เพื่อธุรกิจครอบครัวแล้ว มึงยอมเสียสละความโสดของตัวเองเลยงั้นเหรอ ทั้งที่มึงก็มีทั้งผับและบริษัทอยู่แล้ว”
“เออ!” แทนคุณกระแทกเสียงตอบอย่างขอไปที แล้วยกแก้วเหล้าราคาแพงขึ้นกระดกดื่มรวดเดียวหมดอีกครั้ง ซึ่งคำตอบนั้นไม่ได้ทำให้เพื่อนทั้งสองเชื่อเลยสักนิด นิสัยดื้อด้าน ไม่ยอมคนอย่างแทนคุณ คงมีจุดประสงค์อะไรอ**บางอย่างถึงได้ยอมตกลงแต่งงานกับน้องสาวของแฟนเก่า
“แม่ง!คนดีฉิบหาย”
แทนคุณไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ จิบเหล้าราคาแพงท่าทางเรียบนิ่ง หลังจากนั้นก็เปลี่ยนประเด็นคุยเรื่องสัพเพเหระ
คฤหาสน์ พีรพัฒน์
รถบีเอ็มหรูสีฟ้าขับเคลื่อนเข้ามาจอดในโรงจอดรถของคฤหาสน์หลังใหญ่ ในเวลาเที่ยงคืนย่างเข้าตีหนึ่งในอีกไม่กี่นาที เจ้าของรถเปิดประตูก้าวขายาวออกจากตัวรถ สาวเท้าเดินไปยังตัวบ้าน ลูกน้องละแวกนั้นที่เฝ้าเวรยาม ต่างโค้งศีรษะทำความเคารพ เมื่อผู้ทรงอำนาจของบ้านเดินผ่าน
แทนคุณหยุดชะงักฝีเท้า เมื่อไฟในห้องอาหารยังเปิดอยู่ ปกติเวลานี้แม่บ้านจะไล่ปิดไฟส่วนที่ไม่ได้ใช้ทั้งหมด ครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนเดินไปดู
“ยัยเด็กนี่ มานอนทำไมตรงนี้” หัวคิ้วหม่นเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวร่างเล็กที่เพิ่งแต่งงาน จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันเมื่อเช้า นอนหลับฟุบหน้าไปกับโต๊ะอาหาร “คงไม่โง่รอหรอกใช่ไหม”
แทนคุณถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วสาวเท้าเดินไปปลุกภรรยาสาว ที่อายุน้อยกว่าสิบปีได้ อายุสิบเก้าก็ถือว่าเด็กสำหรับเขาอยู่มาก
“นี่เธอ” น้ำเสียงแข็งกระด้างขานเรียกพลางเขย่าไหล่เล็กอย่างไม่แรงมาก ทำให้คนที่ฟุบหน้าหลับตื่นจากห้วงนิทรา
มาริษาขยับเคลื่อนไหวร่างกาย ก่อนจะยืดตัวขึ้นพยายามปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างยากลำบาก ใช้หลังมือขยี้เปลือกตา เห็นเจ้าของใบหน้าหล่อราง ๆ ก่อนที่สายตาจะปรับรับแสงได้เป็นปกติ
“พี่แทน” แววตาคมกริบมองมาอย่างดุ ๆ ส่งผลให้หัวใจเต้นถี่แรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยอัตโนมัติ
“จะตีหนึ่งแล้ว ทำไมไม่ขึ้นไปนอนที่ห้อง ฟุบหน้าหลับตรงนี้ให้ลำบากทำไม”
มาริษาหันขวับไปมองนาฬิกาแขวนผนังด้วยความตกใจ เธอนั่งรอสามีกลับบ้านตั้งแต่ช่วงค่ำ ไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปยามไหน
“…เออ” ส่งเสียงเอ่ออ่าตาหลุกหลิก ไม่กล้าตอบออกไปตรง ๆ ว่านั่งรอเขาเพราะกลัวถูกดุ เนื่องจากช่วงเย็นเขาพูดดักคอเธอก่อนออกจากบ้าน
“หวังว่าเธอ คงไม่โง่มานั่งรอฉันกลับหรอกใช่ไหม?”
คำว่าโง่ของแทนคุณพลันทำให้มาริษาจุกที่อกจนพูดไม่ออก เธอพยายามประคับประคองสีหน้าให้เป็นปกติ เก็บซ่อนความน้อยใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด
“สาตั้งใจรอพี่แทนค่ะ”
“โง่จริง ๆ ด้วยแฮะ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ต้องรอ ถ้าฉันไม่กลับ เธอก็คงอยู่ตรงนี้ทั้งคืนสินะ” แทนคุณกอดอกมองภรรยาสาวแววตาเหยียดหยาม
“คงงั้นมั้งคะ”
“คราวหลังไม่ต้อง”
มาริษาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่พลางหลุบตามองต่ำ
“รีบขึ้นไปนอนได้แล้ว”
“พี่แทนกินอะไรมาหรือยังคะ?”
“ดึกป่านนี้แล้วฉันคงปล่อยให้ตัวเองหิวหรอก” พ่นวาจาร้ายกาจใส่ภรรยาจบแทนคุณก็เดินออกจากห้องอาหารทันที ปล่อยให้มาริษานั่งหน้าชาอยู่อย่างนั้นคนเดียว
“…” เธอระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่ปี ผู้ชายที่เธอแอบรักและเพิ่งแต่งงานด้วย ยังคงปากคอเราะรายเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
หากเขาและพี่สาวไม่เลิกรากัน ป่านนี้เขาทั้งคู่คงแต่งงานมีความสุขกันไปนานแล้ว
“ยังรักพี่เมลอยู่ไหมนะ”