Chapter 1
ข้อเสนอของบอส
สองปีก่อน...
"เชิญค่ะ"
เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ในจังหวะที่พนักงานสาวกำลังยื่นมือไปผลักบานประตู พริมาก็มองไปรอบกายที่แสนจะเวิ้งว้าง...ใช่แล้ว...มันเวิ้งว้างเพราะห้องทำงานที่หล่อนจะเข้าไปสัมภาษณ์งานนั้นแยกตัวมาซ่อนอยู่อย่างลึกลับ มีเพียงทางเดินที่กว้างไม่เกินสองเมตรขนาบข้างด้วยผนังทั้งสองฟาก ตรงนี้เงียบเสียจนวังเวง...หล่อนอดคิดไม่ได้ นี่มันห้องทำงานหรือห้องลับที่เอาไว้สอบสวนคนร้ายของตำรวจกันแน่
“คุณพริมา...เชิญค่ะ"
เสียงที่ดังเป็นครั้งที่สองปลุกพริมาขึ้นมาจากภวังค์ หล่อนเห็นประตูเปิดรออยู่แล้วจึงหันไปยิ้มขอบคุณแล้วเดินลอดช่องเล็ก ๆ เข้าไป
เพียงพาร่างเข้ามาในห้องกว้างขวางใจก็เริ่มเร่งจังหวะเพราะความตื่นเต้น หล่อนหันกลับไปทางเก่าก็เห็นว่าบานประตูบานนั้นถูกปิดไปแล้ว
'ไม่...ไม่ตื่นเต้นสิพรีม มันไม่ใช่การสัมภาษณ์งานครั้งแรกของเธอนะ'
หล่อนปลอบตัวเอง ซึ่งนั่นก็จริงที่หล่อนผ่านการสัมภาษณ์
มาหลายที่ แต่เป็นความจริงที่น่าเศร้า เมื่อไม่เคยมีบริษัทไหนเรียกตัวไปร่วมงานสักแห่ง!
อาจเป็นเพราะมาตรฐานหล่อนยังไม่ถึง หรือเลวร้ายกว่านั้น บางทีอาจมีเด็กเส้น เขาวางตัวไว้แล้ว แค่สอบพอเป็นพิธีเท่านั้น
หล่อนหวังว่าที่นี่จะไม่มีเส้นสาย และหล่อนจะได้งานทำเสียที...คิดยามเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเพื่อให้เกิดความประทับใจแรก หล่อนตื่นเต้นไม่น้อย เพราะวันนี้ซีอีโอจะมาเลือกเลขาของเขาด้วยตัวเอง
เขา...อคิราห์ วรธาดา นั่งแท่นซีอีโอในวัยเพียงแค่สามสิบห้าปี ลูกชายคนโตของตระกูลวรธาดาที่มีเลือดผสมไทยสวีเดน มารดาชาวสวีเดนเดนของเขาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เขามีอายุได้เพียงห้าขวบเท่านั้น
จากนั้นสองปี บิดาของเขาก็ได้ภรรยาใหม่ เป็นคนไทยด้วยกัน เขาเลยมีน้องชายต่างมารดาที่อายุห่างกันเกือบแปดปี และมีน้องสาวต่างแม่อายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้น
ที่หล่อนรู้ก็เพราะศึกษาประวัติของว่าที่บอสคนใหม่มาก่อนหน้า หล่อนหวังว่าเขาจะเลือกหล่อน เปิดโอกาสให้หล่อนได้พิสูจน์ตัวเองในโลกของการทำงาน หลังจากที่เดินเตะฝุ่นมาหลายเดือน
เขานั่งอยู่ตรงนั้น...แววตาที่เริ่มประหม่ามองไปยังชายหนุ่มใบหน้าคมคายในเชิ๊ตขาวที่ไม่ได้คลุมทับด้วยสูทแบบเป็นทางการ เขาดูดีแม้ในเชิ๊ตขาวและเนคไทสีน้ำเงินธรรมดา หล่อนรู้สึกว่ามันเข้ากับเขาแบบบอกไม่ถูก
แค่แรกเห็นสายตาหล่อนก็ถูกดึงดูดเสียแล้ว บุคลิกที่สมกับเป็นผู้นำคน เขานั่งหลังตรงไหล่ผึ่งผาย เอกสารวางอย่างเรียบร้อยตรงหน้า สายตามองมายังหล่อนจนต้องซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ยามนี้มือนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อจนเหนียวหนึบหนับไปหมด
ร่างสมส่วนในชุดทำงานที่ไม่โป๊เกินไปแต่ก็ไม่ป้าจนเขาส่ายหน้าเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะสัมภาษณ์...โอ...ยิ่งมองใกล้ความหล่อของเขาก็ยิ่งเปล่งประกาย ตัวจริงเขาทั้งหล่อและดูดีไปหมดจนหล่อนประหม่าหนักขึ้น ตอนนี้มือไม้เงอะงะไปหมดจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
นี่น่ะเหรอคนที่ยังโสดไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน หล่อนคิดอย่างไม่เชื่อขณะยกมือไหว้เขาตามมารยาท
"สวัสดีค่ะ ดิฉัน พริมา พึ่งพา ค่ะ"
"สวัสดีครับ...พริมา...พรีม...นั่งก่อนสิ"
โอ๊ย...หล่อนจะบ้าตายเมื่อได้ยินเสียงทักทายจากเขา มันทุ้มนุ่มน่าฟังยิ่งนัก เสียงเขาน่าฟังทั้งยังเหมือนมีอำนาจอยู่ในตัว สะกดให้คนต้องนิ่งฟังด้วยความเต็มใจ
หล่อนจะไม่ได้งานก็ตรงนี้แหละ เพราะกำลังสั่นไปหมดจากเงาอำนาจของเขาที่แผ่มาห่มคลุม ถ้าความมั่นใจหล่อนหดหาย หล่อนอาจตอบคำถามได้ไม่เข้าตาเขาแน่ ๆ
และเหมือนเขาจะอ่านท่าทีออก แววตาเข้มเหลือบมองสบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยที่เหมือนเป็นยีนส์เด่นของหล่อน
ริมฝีปากแสนมีเสน่ห์คลี่ยิ้มบาง ๆ
"ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกร็ง เหมือนคุณกับผม...เป็นเพื่อนกัน"
"ขอบคุณค่ะ"
เขาเปิดเอกสารบนโต๊ะทีละหน้า หล่อนมองมือสะอาดที่นิ้วนั้นเรียวยาวน่ามอง เล็บเขาตัดสั้นและเป็นสีชมพูอ่อน ๆ สิ่งหนึ่งที่หล่อนชอบบนตัวผู้ชาย และมักจะมองเป็นอันดับแรกนั่นคือมือ มันคือเครื่องวัดความสะอาดและความใส่ใจในตัวเอง มันคือเสน่ห์สำหรับหล่อน และหล่อนกำลังแพ้ให้กับมือแสนมีเสน่ห์ของเขาจนไม่อาจละสายตามาได้
อีกอย่างหนึ่งคือนาฬิกาข้อมือ รสนิยมของผู้ชายมักบอกได้จากนาฬิกาที่สวมใส่ สำหรับคนอื่นหล่อนไม่รู้ แต่หล่อนชอบมองนาฬิกาที่ประดับบนข้อมือของผู้ชาย
"นางสาวพริมา พึ่งพา อายุยี่สิบสอง เพิ่งเรียนจบ ทำงานหาเงินเรียนเองและกู้เงินเรียน...พ่อแม่แยกทางกัน พ่อทำงานธนาคาร ตอนนี้อาศัยอยู่กับแม่ มีพ่อเลี้ยงที่มีลูกติดมาหนึ่งคนกำลังเรียนอยู่ ม.4"
".....!" แววตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเขารัวประวัติหล่อนออกมาชนิดละเอียดยิบ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น เพราะหล่อนจำได้ว่าในใบสมัครไม่ได้กรอกลายละเอียดยิบย่อยขนาดนี้
แล้วเขาไปเอาประวัติหล่อนมาจากไหน คิดพลางจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย มันมาแทนที่ความประหม่าก่อนหน้า
"ดิฉันจำได้ว่าไม่ได้ใส่รายละเอียดส่วนตัวขนาดนี้ คุณไปได้มาจากไหนคะ"
เขาจ้องหน้าหล่อนกลับคืน จ้องเสียจนหล่อนต้องก้มลงมองสำรวจตัวเอง อยากจะวิ่งไปส่องกระจกเสียแล้วว่าต้องปัดแก้มแดงเกินไปแน่ ๆ เขาจึงมองแต่หน้าของหล่อนแบบนี้
มือสะอาดรวบเอกสารซ้อนกันเอาไว้ แล้วสบตากับหล่อนด้วยแววตาจังจริง เริ่มเปิดฉากพูดคุย
“เพราะผมเลือกคุณ...พริมา...คุณคือผู้ถูกเลือก"
หล่อนควรจะภูมิใจที่ผ่านสายตาเขา แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่อยากฟัง มันไม่ลากโยงไปถึงเรื่องประวัติเบื้องลึกที่เขาได้มาอย่างไรต่างหาก
"เมื่อคุณผ่านคุณสมบัติขั้นต้น ผมจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสืบสาวไปถึงที่มาที่ไปของคุณ...และตอนนี้คุณก็กำลังร้อนเงินเพราะบ้านถูกไฟไหม้จนวอดวายเกือบทั้งหลัง คุณกำลังอยากได้เงินไปซ่อมแซมบ้านให้แม่ ส่วนแม่ของคุณก็ล้มเหลวกับการลงทุน จนเป็นหนี้กับธนาคารนับสิบล้าน แน่นอนภาระนั้นต้องตกมาถึงคุณ ส่วนพ่อเลี้ยงคุณน่ะเหรอ...พึ่งพาอะไรไม่ได้เลยนอกจากเกาะเมียกิน"
"คุณคิน...ดิฉันมาสมัครงานตำแหน่งเลขาคุณนะคะ นี่คุณ! คุณให้คนไปขุดเรื่องส่วนตัวกันขนาดนี้ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ"
พริมารู้สึกโกรธ และหล่อนก็ฟิวส์ขาดกับการถูกละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว ตอนนี้หล่อนไม่อยากได้งานที่นี่แล้ว จึงทำท่าจะลุกพรวดขึ้น แต่ก็ถูกมือใหญ่ยื่นข้ามโต๊ะมาคว้าข้อมือหล่อนเอาไว้
"ใจเย็น ๆ พรีม นั่งลงก่อน ถ้าคุณฟังต่ออีกนิด บางทีมันอาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้"
".....?"
"คุณได้งานที่นี่แล้ว จะทิ้งโอกาสที่ดีไปก็ตามใจ...เห็นว่าถูกปฏิเสธมาหลายที่แล้วนี่"
"คุณรู้...นั่นหมายความว่า...การสัมภาษณ์ในวันนี้ คือดิฉันได้งานที่นี่เหรอคะ!"
หล่อนสบตากับแววตาชวนให้ใจละลาย คำพูดของเขาเหมือนคำล่อลวงที่ทำให้หล่อนสนใจจนยอมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม
"ใช่พรีม...คุณได้งานที่นี่ และผมมีข้อเสนอบางอย่างให้กับคุณอีกด้วย"
อคิราห์ไล่มองไปทั่วดวงหน้าที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ ยามนี้ใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความงุนงง
เขาชอบนัยน์ตาของหล่อน ตาของหล่อนสีน้ำตาลสวย มันเหมือนกับสีตาของเขาที่เป็นสีน้ำตาล...เมื่อมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม โอกาสที่ลูกของเขาจะมีดวงตาสีเขียวนั้นเกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และโอกาสมีตาสีฟ้าเกือบสิบเปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือตาสีน้ำตาลแน่นอน ส่วนหน้าตาหล่อนสอบผ่านตั้งแต่เขาเห็นหน้าของหล่อนในใบสมัคร หล่อนคงไม่รู้ เขาตามไปดูการใช้ชีวิตของหล่อนและทัศนคติถึงไอจีและเฟสบุ๊คด้วย
เขาแค่อยากได้ลูกเพื่อผลประโยชน์ ปัญหาคือเขายังไม่อยากมีเมีย ดังนั้นเขาจึงต้องหาแม่อุ้มบุญ และผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ร้อนเงินคงไม่รับงานนี้ง่าย ๆ ดังนั้นพอยน์ของเขาคือผู้หญิงไทยตาสีน้ำตาล มีทัศคติที่ดี การศึกษาดี ประวัติพ่อแม่ว่าทำงานอะไร มีนิสัยอย่างไร และที่สำคัญต้องกำลังร้อนเงินอย่างหนัก พริมานั้นมีครบทุกข้อที่เขาต้องการ
เขาชอบที่หล่อนขยัน สู้ชีวิต ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา ทำงานช่วยทางบ้านตัวเป็นเกลียว สิ่งดี ๆ เหล่านี้จะถ่ายทอดมาถึงลูกของเขาด้วย
"เอาละพรีม ผมจะพูดตรง ๆ เลยก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา"
"ค่ะ ดิฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าข้อเสนอของคุณคืออะไร"
ความประหม่าของหล่อนเริ่มหายไปแล้ว หล่อนมองหน้าคมคายที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ นั่งนิ่งรอฟังด้วยท่าทีสนใจ
"เอาตรง ๆ เลยนะ ที่จริงผมกำลังมองหาแม่ของลูกอยู่น่ะ และผมก็อยากให้คุณมาเป็นแม่ของลูก!"
".....!"
พริมาตกใจมากกว่าดีใจ หล่อนคิดว่ามันพิสดารสิ้นดีกับการหาแม่ของลูกด้วยวิธีนี้ เชื่อว่ามันต้องมีลับลมคมในมากกว่านี้แน่ ระดับซีอีโอเช่นเขาไม่น่าหาเมียยาก มีแต่ผู้หญิงจะวิ่งเข้าหาด้วยซ้ำ
"ผมกำลังหมายถึงการอุ้มบุญ...ผมอยากให้คุณรับงานนี้
นั่นรวมถึงคุณจะต้องแสดงเป็นคนรักหลอก ๆ ของผม เราจะแต่งงานหลอก ๆ คุณยอมเสียเวลาแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนที่คุ้มค่า...เจ็ดหลักเชียวนะพรีม"
"ขะ...คุณคิน...ดิฉันงงไปหมดแล้วค่ะ แล้วทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรคะ"
พริมาหยิกตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝัน หล่อนไม่อยากเชื่อว่าคนระดับเขาจะมาขอร้องให้หล่อนยอมรับงานเพียงเพราะแค่อยากมีลูก เขาทำให้หล่อนไม่เข้าใจโลกของคนรวย บางครั้งคนเหล่านี้ก็มักทำอะไรแปลก ๆ ที่หล่อนเข้าไม่ถึง หล่อนแค่อยากได้งานทำ ไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังการเปิดรับสมัครเลขาจะมีสิ่งแอบแฝง และแจ็คพอตก็มาตกที่หล่อนอย่างงง ๆ...
"พรีม..."
"....."
"พรีม!"
เสียงเรียกดึงพริมาขึ้นมาจากห้วงอดีต หล่อนเงยหน้ามองก็เห็นอคิราห์ยืนอยู่ข้างเตียงอีกฟาก เขากลับมาในเชิ๊ตขาวสำหรับนอนหลังอาบน้ำเสร็จ นั่นก็เข้ากันดีกับไหล่กว้างผึ่งผาย ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาดูดีในทุกอิริยาบถ แม้กระทั่งอยู่ในเชิ๊ตขาวและกางเกงขายาวสำหรับนอน ผมที่ยุ่งนิด ๆ เพราะไม่ได้เซ็ทก็ตาม
และหล่อนก็กำลังอยู่บนเตียงของผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนอยากได้เป็นสามี ในสายตาของสังคมหล่อนคือเมียที่ถูกต้องตาม
กฎหมาย แม้ความจริงจะไม่ใช่ก็ตามฃ
"ผมคิดว่าคุณจะหลับไปแล้วเสียอีก คุณควรจะคิดถึงลูกของผมที่อยู่ในท้องให้มาก ๆ ด้วยการไม่เครียด แล้วก็นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ"
เขานั่งลงบนเตียงและจัดหมอนทำท่าจะล้มตัวลงนอน การกระทำที่ทำให้พริมาต้องขยับหนี
"คุณคิน! ทำอะไรน่ะ"
แผงคิ้วเข้มเลิกขึ้น เขาควรจะถามหล่อนมากกว่าว่าเป็นอะไร "ถามแปลก นี่มันเตียงผม ผมก็จะนอนน่ะสิ"
"แต่ทุกคืนคุณนอนตรงโน้น"
หล่อนบุ้ยหน้าไปทางโซฟา เพราะตั้งแต่แต่งงานกันหลอก ๆ แล้วหล่อนย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อตบตาผู้ใหญ่ เขาก็เสียสละย้ายตัวเองไปนอนตรงนั้น
"นอนตรงนั้นมันปวดหลัง ผมนอนไม่ถนัด แล้วก็หลับไม่เคยสนิท ขอนอนสบาย ๆ สักคืนเถอะ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ไล่ เพราะนี่คือเตียงของผม"
"แต่คุณจะเอาไวรัสมาติดพรีมและลูก คุณไปกับใครบ้างก็
ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ว่ามีใครติดเชื้อบ้าง ถ้าคุณติดมาแล้วแพร่เชื้อไปทั่ว
ทีนี้คนทั้งบ้านก็จะติดด้วย ฉะนั้นคุณไม่ควรมาใกล้ชิดพรีม ยิ่งนอนเตียงเดียวกัน ก็ยิ่งแพร่เชื้อได้ง่าย"
ข้ออ้างสารพัดของหล่อน มันทำให้เขาอดหัวเราะขำไม่ได้
"คุณกลัวโรคหรือหาเรื่องพานพะโรเพราะยังงอนกันแน่ เอา
จริง ๆ พรีมว่าตอนนี้คิดอะไร ถ้าคุณคิดอย่างหลัง ขอให้รีบถอนตัวขึ้นมาเดี๋ยวนี้ คุณต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดอะไรเกินเลยกับผมมากไปกว่านี้ เพราะ..ถ้าถึงเวลานั้น คุณจะเจ็บหนัก เตือนแล้วนะ"
"ค่ะ...พรีมรู้ว่าห้ามรักคุณ รู้สถานะตัวเองดีว่าคนอย่างพรีมไม่คู่ควรกับคุณ คุณอยากได้แค่ลูก นี่คือหน้าที่ของพรีม คือการเป็นเครื่องจักรผลิตลูกให้คุณ เครื่องจักรที่ไร้หัวใจ ไม่มีความผูกพันใด ๆ กับสองชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีฝืนธรรมชาติ...แม้ว่า...แม้ว่าส่วนหนึ่งของพวกเขาจะมีสายเลือดของพรีมอยู่ครึ่งหนึ่งก็ตาม
น้ำเสียงของหล่อนสั่นเครือ...แต่ก็ไม่อาจแทรกลึกไปสะกิดใจแสนแข็งแกร่งของเขาได้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ร้ายยิ่งกว่ารักนั่นคือสายใยของความผูกพัน
“ดีแล้วที่คุณคิดแบบนั้น...นอนเถอะมันดึกแล้ว"
หล่อนหลุบตาหนี เหมือนจะเจ็บจี๊ดคล้ายถูกคมน้ำคำทิ่มแทงตรงกลางใจ ตลอดเวลาสองปีที่ต้องแกล้งแสดงเป็นคนรักหลอก ๆ ของเขา ความใกล้ชิดทำให้ใจหล่อนเริ่มดื้อรั้น หล่อนไม่อาจห้ามก้อนเนื้อแสนอ่อนไหวได้...อคิราห์ ผู้ชายเสน่ห์ร้ายเหลือ ใครอยู่ใกล้แล้วไม่เผลอไผล นั่นแสดงว่าต้องมีสมองส่วนใดผิดเพี้ยนแน่นอน