ปลายฝน หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เด็กใต้การอุปการะของคุณดุจตะวัน พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ญาติมิตรที่ไหนก็ไม่มี ปลายฝนจึงต้องเข้าไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า ต้องมีชีวิตท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดี อยากเป็นคนโปรดของแม่ครูและรอคอยคนใจดีสักคนมาขอตัวเองไปเลี้ยง อยู่มาวันหนึ่งความหวังก็กลายเป็นจริง มีคนมาขอหล่อนไปเลี้ยงดู แต่เป็นผู้ใหญ่ใจร้าย ต่อหน้าแม่ครูเป็นคนดี ทว่าลับหลังชอบพูดจาไม่ดีกับหล่อน เด็กหญิงวัยสิบขวบหวาดกลัวมากถึงขั้นหลบหนีออกจากบ้าน ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่เสมอ การหลบหนีครั้งนั้นทำให้พบกับคุณดุจตะวันที่แวะมาทำธุระแถวนั้นพอดี ท่านสงสารจึงทำเรื่องขอหล่อนมาเลี้ยงดูซะเอง
ปลายฝนดีใจมากเพราะชอบท่านที่สุด แต่พอย้ายเข้ามาอยู่จริงๆ ก็ค้นพบว่าชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่ง่าย ท่านระหองระแหงกับสามีนักธุรกิจบ่อยครั้ง ลูกชายทั้งสองคนก็สุดแสนจะเย็นชา โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กสุดเกเร สุดเจ้าชู้ของท่าน เขาไม่ชอบหน้าหล่อนตั้งแต่ช่วงแรกที่ย้ายเข้าไป เพราะหล่อนทำของขวัญที่แฟนเขาให้มาตกแตก ปลายฝนวัยสิบขวบถูกภาคภูมิแกล้งหนักมาก ร้องไห้งอแงทั้งวัน
หญิงสาวเงียบซึม นั่งหน้ากระจกมองใบหน้าสะสวยทว่าซีดเซียวของตัวเอง สาเหตุเพราะถูกภาคภูมิข่มเหงน้ำใจมานาน ปลายฝนจึงต่อต้านผู้ชายทุกคนที่เข้ามาเพราะหวังในร่างกาย ปลายฝนไม่อยากสวย อยากให้ใบหน้าตัวเองมีตำหนิเป็นรอยแผลใหญ่ๆ พวกผู้ชายจะได้ไม่เข้ามาหาตนเอง บางคนถูกหล่อนปฏิเสธรัก ถึงขั้นขู่จะทำร้ายร่างกาย ล่าสุดก็อีตา ‘ชัยสิงห์’ ลูกชายนักการเมืองท้องถิ่น เทียวมาตามจีบหล่อนสามเวลาหลังอาหาร เอาแต่ใจจะจีบหล่อนให้ติดให้ได้
หล่อนเกลียดภาคภูมิมากถึงขั้นไม่ยอมอยู่บ้านร่วมกัน คุณดุจตะวันจึงใจดีสร้างบ้านให้ในรั้วไร่องุ่นของท่าน ปลายฝนอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังนี้คนเดียวได้ราวสองปีแล้ว บริเวณใกล้เคียงมีบ้านหัวหน้าคนงานกับคนอื่นๆ ราวสี่ห้าหลัง วันนี้เงียบกว่าทุกวัน เนื่องจากคนอื่นไปกินเลี้ยงกันในฟาร์มของภาคภูมิฉลองก่อนจะถึงวันปีใหม่
‘จำใส่หัวไว้ ว่าเธอต้องเป็นเมียของฉัน และอยู่กับฉันที่นี่ตลอดไป’ เขาประกาศลั่น และทำให้กลายเป็นความจริงได้ ปลายฝนเสียใจ ไม่เข้าใจว่าทำไม่ต้องยอมเป็นผู้หญิงลับๆ ของเขา
‘ฉันเกลียดคุณ!’
‘เชิญเถอะ ฉันไม่แคร์ความรู้สึกเธอ’
ปลายฝนปลดผ้าเช็ดตัวออกจากกายเปลือยเปล่า หยิบชุดนอนกระโปรงเบาบางมาสวมโดยไม่ได้ใส่ซับใน เพราะเคยชิน และมันสบายตัว นอกจากจะทำงานในรีสอร์ทของไร่ข้างๆ แล้วหล่อนยังเป็นฟรีแลนซ์ รับเขียนบทความ รวมถึงการแปล การพิสูจน์อักษร ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้อยู่ว่างสักเท่าไหร่ อยากเก็บเงินไว้เรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศแถบยุโรป หนึ่งทุ่มตรง ปลายฝนต้มโจ๊กด้วยตัวเองตักมานั่งกินหน้าคอมพิวเตอร์ เริ่มต้นทำงานไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกักจากนอกบ้าน มือสวยเอื้อมไปจับเม้าส์กดปิดโปรแกรมยูทูปเพื่อจะได้ยินเสียงชัดขึ้น ให้ตายเถอะ มีเสียงจากประตูหน้าบ้านจริงๆ ด้วย!
บริเวณหน้าบ้านเล็ก ภาคภูมิขโมยกุญแจพวงใหญ่จากห้องนอนคุณแม่มาลองไขบ้านปลายฝน ลองไขไปหลายตัวแล้วก็ยังเปิดไม่ได้สักที ออกแรงเขย่าเผื่อเสียงไปถึงคนข้างใน แต่อย่าหวังเลยว่าเขาจะขอให้เด็กบ้าคนนั้นมาเปิดประตูให้ แทนที่จะได้รับการต้อนรับดีๆ จะได้ไม้หน้าสามมากกว่ามั้ง กุญแจพวงโคตรใหญ่ ครอบคลุมทุกประตูในไร่แห่งนี้ ถ้าโจรขโมยไปได้มีหวังในไร่นี้ถูกยกเค้าไม่เหลืออะไรแน่
คนตัวโตหน้านิ่วคิ้วขมวด ลองใช้ลูกกุญแจไขไปเรื่อยๆ กระทั่งสิบนาทีผ่านไปก็สามารถสะเดาะกลอนได้ ดวงตาคมพราวระยิบระยับ เขาหมุนเบาๆ และผลักประตูเปิดเข้าไปข้างใน
ภาคภูมิยิ้มกรุ้มกริ่มราวกับมีแผนร้าย ก้าวเท้าเดินเข้ามาข้างในซ่อนกายในความมืด โดยมีเป้าหมายคือห้องนอนปลายฝนซึ่งเป็นห้องแห่งเดียวที่มีแสงไฟริบหรี่ เพราะมุ่งมั่นแค่จะเดินไปข้างหน้าจึงไม่ทันระหวังข้างหลัง ฉับพลันอะไรแข็งๆ ไม่รู้ลอยมาฟาดใส่หลังเขาเต็มแรง
ถ้าเขาไม่ตัวสูงคงถูกฟาดใส่หัวเต็มๆ ล่ะมั้ง!!
ภาคภูมิร้องโอดครวญหันหลังกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ แต่มันเป็นสัญชาตญาณที่ผิด! เพราะไม้แข็งถูกเหวี่ยงมาอีกทีใส่กลางปลายคางเขาเต็มๆ! ร่างสูงกำยำทรุดฮวบลงพื้นนอนกุมปลายคาง
“เสร็จฉันล่ะ ไอ้โจรชั่ว” เจ้าโซ่นอนทำหน้าฟินเฉยเลยแทนที่จะเห่าคนร้าย ปลายฝนยังจับไม้เบสบอลแน่นรีบพุ่งกายไปกดสวิสต์ไฟให้สว่างโร่ไปทั้งบ้าน อยากเห็นหน้ามันว่าจะอาบเลือดมากแค่ไหน
ปลายฝนหันหลังกลับมามองในเสี้ยววินาทีที่ไฟกำลังจะสว่าง ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำตาคู่สวยต้องเบิกกว้าง ปากจิ้มลิ้มเผยอออกกว้าง ช็อก! เบิกตากว้างมองหน้า ไม่อยากจะเชื่อสายตา!
“ว้าย! คุณภูมิ!”
“ก็ฉันน่ะสิ เธอคิดว่าเป็นผีที่ไหน!”
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“เธอป่วย ฉันจะมาเยี่ยมไม่ได้เหรอไง”
“แล้วทำไมไม่มาตอนกลางวัน เหมือนชาวบ้านชาวเมืองทั่วไปล่ะ!” ง้างไม้ขึ้นจะตีซ้ำ เขารีบขยับไปให้พ้นจากทางอย่างรวดเร็ว
“ก็ตอนกลางวันฉันต้องทำงานนี่นา!” เอ่ยเสียงเข้ม
ภาคภูมิแว้ดกลับทุกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ ขยับกายขึ้นนั่งขัดสมาธิ ปลายคางเขาแตกเลือดไหลซิบๆ เปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
“ไม่ว่างก็ไม่ต้องมา ใครเขาอยากให้มากันเล่า ออกไปเลยนะ ไม่อยากเห็นหน้า!” มือบอบบางง้างไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้ง ข่มขู่เขาให้ออกไป ดวงหน้าอ่อนหวานเคร่งเครียดขึ้นมากกว่าเดิม ตั้งท่าจะตีเขาซ้ำ “ยังจะมามองหน้าอีก ฉันบอกให้รีบออกไป”
“พอได้แล้วปลายฝน ไม่รู้หรือไงว่ามันเจ็บนะ”
ภาคภูมิรีบลุกขึ้นถลาเข้ามาแย่งไม้เบสบอล ออกจากมือแม่คนซาดิสม์ หล่อนถอยครูดไปข้างหลังเหลียวมองหาตัวช่วยใหม่ เขาโยนไม้ทิ้งไปข้างหลัง แตะเบาๆ ลงบนปลายคางสาก มีเลือดสดติดปลายนิ้วมาด้วย เหนียวหนืดเชียว “หึหึ ซาดิสม์จังนะ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก”