“ขอบคุณพี่ตีมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรๆ บ้านใกล้เรือนเคียงกัน เห็นกันมาหลายวัน เราน่ะรักแม่มากนะ ขยันทำงานด้วย ไปเรียนแล้วยังจะไปทำงานอีก”
“แม่ต้องไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะพี่” ในเวลานี้หากมารดาเป็นอะไปเธอคงหัวใจสลายเพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น
“ต้องไม่เป็นอะไรสิ ทำใจดีๆ เอาไว้ คนอื่นๆ ฝากมาเยี่ยมด้วยนะ เดี๋ยวจะตามมาอีกที”
“ขอบคุณพี่มากนะคะ พี่ตีมีน้ำใจกับหนูกับแม่มากตั้งแต่มาอยู่วันแรกแล้ว”
“เอาน่าๆ พี่ถูกชะตากับเรา”
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง มองประตูห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจสั่นไหว
“ดูสิเลือดเลอะไปหมด เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม ตอนไปเยี่ยมแม่ท่านจะได้ไม่ตกใจ” อีกฝ่ายหยิบเสื้อยืดขึ้นมายื่นส่งให้
“พี่เอามาจากบ้านเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ คิดว่าเราคงไม่ทันคิด ไปเถอะไปเปลี่ยนเสื้อเสียก่อน ถอดเสื้อที่เลอะเลือดออกซะ แม่ตื่นขึ้นมาจะได้ไม่ต้องเห็นเลือดที่เสื้อเรา”
“ค่ะ” เมขลารับคำอย่างว่าง่าย รีบไปเปลี่ยนเสื้อ กลับมาอีกครั้งคุณหมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดิบพอดี
“คุณหมอคะคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ” ประโยคคำถามของเมขลาทำให้คุณหมอมีท่าทีหนักใจไม่น้อย ก่อนที่คุณหมอหนุ่มจะเชิญเมขลาไปคุยกันที่ห้อง
“คุณแม่ของคุณเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วก็เป็นเส้นเลือดในสมองตีบด้วยครับ”
“โธ่... แม่” เมขลาครางอย่างอ่อนแรงและหดหู่ใจเป็นที่สุด
“น่าจะตีบมาสักระยะแล้วครับ แต่เพราะคนป่วยไม่เคยตรวจสุขภาพเลย ครั้งนี้จึงเป็นลมล้มลงหัวฟาดพื้นครับ”
“แม่จ๋า... ฮึกๆ ฮือๆๆ” เมขลาร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เธอทำใจไม่ได้จริงๆ ที่ได้รับรู้เรื่องอาการป่วยของมารดา
“หมออยากให้ทำใจและดูแลคนป่วยให้ดีที่สุดนะครับ” คุณหมอให้กำลังใจ
“ค่ะคุณหมอ” เมขลารับคำก่อนจะปาดน้ำตาและเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“จะรักษาคุณแม่อย่างไรได้บ้างคะ คุณหมอช่วยแนะนำหนูหน่อยค่ะ” เธอเอ่ยถาม
“รักษาไปตามขั้นตอนครับ แต่คนป่วยมีโรคถึงสองโรคและอันตรายทั้งคู่ ดังนั้นจึงต้องค่อยๆ รักษาไปตามอาการ เอาที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ก่อนครับ”
“ได้ค่ะคุณหมอ ขอแค่แม่ของหนูกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติหนูยินดีทำทุกอย่างค่ะ”
“หมอยังไม่รับปากนะครับว่าคนไข้จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือไม่ แต่ทางเราจะรักษาอย่างเต็มที่ครับ” ประโยคของคุณหมอทำให้เมขลาใจหายวาบ
หลังจากคุยกับคุณหมอเสร็จสิ้นเธอก็ไปเยี่ยมมารดาที่ตอนนี้อาการไม่สู้ดีนัก ท่านขยับตัวไม่ได้เนื่องจากภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ ปากของท่านก็เบี้ยวไปด้านหนึ่งขณะขยับไปมาเพื่อเรียกเธอ แม้จะฉีดยาละลายลิ่มเลือดแล้วแต่มันก็ช่วยได้ไม่ทั้งหมด
“แม่จ๋า...” เมขลาจับมือมารดามากุมเอาไว้ ก่อนจะร้องไห้ ท่านเองก็ร้องไห้เหมือนกัน
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะหาเงินมารักษาแม่ให้หายให้ได้ค่ะ” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ลึกๆ
เมขลาขาดเรียนไปหลายวันเพราะหัวหมุนกับการต้องดูแลมารดาและค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลที่ค่อนข้างสูงทำให้เธอถึงกับคิดจะหยุดเรียนไปเลยในเทอมนี้ เพราะจะได้ออกมาทำงานอย่างจริงจังและหาเงินรักษามารดา
“เป็นอะไรสีหน้าไม่ดีเลย” ปาตีที่หมั่นแวะเวียนมาเยี่ยม ร่วมถึงเพื่อนบ้านคนอื่นด้วยเอ่ยถามอย่างห่วงใย พลางวางมือบนไหล่ที่สะท้านไปมาของเด็กสาวด้วยความเวทนา
“งานที่พี่บอกหนูเมื่อหลายวันก่อน ถ้าหนูจะทำต้องทำยังไงบ้างจ๊ะ” เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะทำงานที่ปาตีบอกเพราะมันรายได้ดี จะได้หาเงินมารักษามารดา
“เอาตรงๆ นะพี่น่ะก็ชอบหุ่นเรา หน้าตาเราก็สวย แต่ใจจริงไม่ได้อยากให้ไปทำงานแบบนั้นหรอก พี่แค่พูดเล่นๆ เท่านั้นเอง ถึงจะไม่ได้ขายตัวอย่างที่พี่ทำ งานกลางคืนแบบอื่นก็เสี่ยงและต้องใช้เวลาไม่ใช่ไปทำปุบปับแล้วได้เงินเลย นอกจากจะทำแบบนี้ได้เงินเลยกรณีที่ร้อนเงิน” ปาตีเอ่ยออกมาตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม ถ้าเธอมีลูกสาวก็คงไม่อยากให้ไปทำงานกลางคืนเหมือนกับเธอหรอก
“แต่หนูต้องใช้เงิน หนูตัดสินใจแล้ว พี่ช่วยหนูหน่อยนะคะ เอางานแบบที่พี่ทำนั่นแหละค่ะ เอยร้อนเงิน อยากได้เงินด่วน คงรอเป็นเดือนไม่ไหวแน่ๆ ทางโรงพยาบาลก็ทวงเงินค่ารักษาแม่มาแล้ว เอยไม่มีให้ผลัดเขามาหลายรอบแล้วค่ะ”
“ถ้าเอยอยากทำพี่ก็จะช่วย หาลูกค้าดีๆ ให้ เราน่ะยังสาวยังสด ค่าตัวได้หลายเงินอยู่นะ รู้จักวิธีการป้องกันตัวเองแล้วใช่ไหม” ปาตีเอ่ยถามตามตรง
“ค่ะ” คนตอบรับหน้าแดง
“ก็ดีแล้ว แต่ถ้าไม่รู้จะสอนให้” ปาตีถอนใจเฮือกใหญ่
“ค่ะ” เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำงานอะไรแบบนี้ แต่เพื่อมารดาคนเดียว ที่สำคัญทำแค่ครั้งสองครั้งไม่มีใครรู้จักเธอหรอก เด็กสาวคิดในใจคนเดียว เพราะตอนนี้หาทางออกไม่เจอจริงๆ
“ถ้าตัดสินใจแบบนี้พี่ก็จะช่วยเอง ไม่ต้องกลัวหรอก พี่จะหาลูกค้ากระเป๋าหนักให้” ปาตีบีบมือของเด็กสาว ก่อนจะขอตัวกลับ ในขณะที่เมขลาเดินไปทรุดตัวนั่งลงที่หน้าเตียงของมารดา ความรู้สึกของเธอในเวลานี้คือทำเช่นไรก็ได้ให้มารดากลับมาเดินได้ และรักษามะเร็งให้อาการทุเลาเบาบางลงไป
“แม่จ๋า... หนูจะไปทำงาน แม่อวยพรให้หนูด้วยนะ” เธอไม่ได้บอกว่าทำงานอะไร และเธอก็ไม่คิดที่จะบอกท่านอย่างแน่นอน ความจำเป็นของเธอในครั้งนี้เพื่อท่านโดยเฉพาะ
เสียงโทรศัพท์มือถือจากปาตีดังขึ้น ทำให้เมขลากดรับด้วยหัวใจสั่นไหว
“ค่ะพี่ตี”
“เราพร้อมเริ่มงานใช่ไหม พี่หาลูกค้าให้เธอได้แล้ว เป็นเศรษฐีกระเป๋าหนักอยากจัดงานวันเกิดเลยจะหาผู้หญิงไปเซอร์ไพร้ส์เพื่อน”
“ค่ะพี่ หนูพร้อมค่ะ” เมขลาตอบรับกลับไปด้วยความรู้สึกตื้อในอก เธอพร้อมตั้งแต่ตัดสินใจแล้ว หลังวางสายจากปาตีเธอก็สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะเข้าไปบอกมารดาว่าจะไปทำงานด้วยหัวใจวูบโหวงในอก
เมขลามองเสื้อผ้าที่ปาตีหามาให้สวมใส่แล้วหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู ชุดซีทรูสีชมพูบางเบา โป๊จนเกือบเปลือยทำให้เธอเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาสวมใส่อะไรแบบนี้
“ไม่ต้องกลัวหรอก คนนี้รับรองว่าสะอาด และกระเป๋าหนัก ค่าพรหมจรรย์ของเรามันมีค่ามากนะ ครั้งแรกของพี่ก็ได้เยอะเชียว” ปาตีบอกเด็กสาว
“หนูกลัวจังค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอก เราก็ไปอยู่ในกล่องของขวัญนั่น รอให้เจ้าของวันเกิดมาเปิด และเขาจะทำอะไรก็ให้เขาทำไป อย่าลืมที่พี่สอนล่ะ ป้องกันตัวเองทุกครั้ง ปลอดภัยจากโรค ปลอดภัยจากภาวะตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ นอกจากได้เงินรักษาแม่แล้ว ยังได้เงินไปเรียนอีกนะ ดีกว่าไปดรอปเรียนเป็นไหนๆ มาถึงขนาดนี้แล้วก็อย่าคิดอะไรให้มากอีกเลย” ปาตีปลอบใจ
“ค่ะพี่ตี” เมขลาลงไปนอนรอในกล่องของขวัญสีชมพูกล่องใหญ่ ที่เพื่อนๆ ของเจ้าของงานต้องการจะ เซอร์ไพรส์เจ้าของงาน
เด็กสาวรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่เดินเข้ามาในห้อง เธอสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ลึกๆ รวบรวบกำลังใจเอาไว้ มือของเธอชื้นไปด้วยเหงื่อและเธอก็เริ่มหวาดกลัว เจ้าของงานวันเกิดจะเป็นคนเช่นไร เธอมิอาจรู้ได้เลย
องศามองกล่องของขวัญกล่องใหญ่ตรงหน้าด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อย ความปรารถนาทางเพศรสของเขาพลุ่งพล่านพอสมควร แต่ก็ยังได้สติพอจะรับรู้ว่าเพื่อนๆ คงให้เขาดื่มอะไรเข้าไปสักอย่างที่ไม่ใช่แค่เหล้าธรรมดาเป็นแน่
วันนี้เป็นเกิดของเขา หลังจากเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ และคู่หมั้นสาวซึ่งทุกคนกลับไปแล้ว ก็ยังมีกล่องของขวัญที่เพื่อนๆ ในก๊วนกำชับว่าให้เขาแกะมันออกมาให้ได้ เขาเดาไม่ถูกว่ามันคืออะไร เพราะกล่องใหญ่มาก
องศาค่อยๆ เปิดฝากล่องออก เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับตาปี๋อยู่ในกล่อง ร่างอรชรอ้อนแอ้นของเธอใส่แค่ชุดซีทรูบางเบาสีชมพู และที่ศีรษะของเธอผูกด้วยริบบิ้นสีสวยเหมือนโบสำหรับห่อของขวัญ