EP.04
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่หล่อนพูดกับเขา แต่ไม่ใช่ว่าหล่อนพูดผิด หล่อนพูดถูกหมดทุกอย่าง แต่เป็นเขาเองที่อยากจบด้วยดี ไม่ได้อยากให้เป็นคดีความ นั่นเพราะเขาเห็นอิทธิพลเป็นเพื่อน แม้มันจะไม่เห็นเขาเป็นเพื่อนเลยก็ตาม เพราะสิ่งที่อิทธิพลทำกับเขามันร้ายกาจมาก
แค่คัดลอกนิยายก็ถือว่าร้ายแรงพอแล้ว แต่นี่อิทธิพลถึงขนาดกล้าขโมยงาน ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาที่เขาบ่มเพาะมาตลอด 3 เดือน แล้วเอาไปส่งให้สำนักพิมพ์อื่น ทำสัญญาจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้วด้วย
นึกไปถึงวันที่เขาพบว่าอีเมลของเขาส่งไฟล์แนบบางอย่างไปที่อีเมลปริศนาที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
อาจเป็นโชคดีที่เขาเช็กอีเมลที่ส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์แล้วพบว่ามีอีเมลหนึ่งที่ส่งออกไปตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอีเมลที่เขาไม่รู้จัก แต่รายละเอียดของเอกสารแนบกลับเป็นต้นฉบับนิยายเรื่องนี้ นิยายที่เขาเพิ่งส่งให้กับสำนักพิมพ์ประจำสดๆ ร้อนๆ เพื่อให้สำนักพิมพ์บริหารงานต่อให้ทันกับการวางจำหน่ายในงานสัปดาห์หนังสือที่จะมีขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า
ทั้งที่เขาแน่ใจว่าไม่ได้เป็นคนส่งอีเมลฉบับนี้ออกไปอย่างแน่นอน เพราะเจ้าของอีเมลคือใครเขาก็ยังไม่รู้เลย แต่ก็ไม่ยากในการสืบค้น และเขาก็ได้รู้ว่าเจ้าของอีเมลคืออิทธิพลซึ่งเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กและยังเป็นรูมเมทร่วมคอนโดฯ กับเขามานานหลายปี แต่เมื่อเดือนก่อนอิทธิพลย้ายออกไปอยู่กับแฟน และก็แทบไม่ได้ติดต่อมาเลย
ทีแรกเขาก็คิดว่าเพื่อนคงกำลังอินเลิฟ แต่วินาทีที่ได้รู้ว่าเจ้าของอีเมลเป็นใคร สาเหตุที่อิทธิพลหายเงียบหรือย้ายออกไปคงไม่ใช่ว่ามีแฟนแน่
เป็นไปได้ 100% ว่าอิทธิพลใช้คอมพิวเตอร์ของเขาส่งอีเมลต้นฉบับไปหาตัวเอง แต่ทำไม?
ตอนนั้นเขาเดาไม่ถูกเลยว่าอิทธิพลซึ่งเป็นวิศวกรของบริษัทรับเหมาก่อสร้างบริษัทหนึ่ง ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับสายงานนิยายของเขาเลย ทำไมต้องการต้นฉบับของเขา แม้จะเป็นต้นฉบับที่ไม่สมบูรณ์เพราะเขายังปิดหลายปมไม่เสร็จและยังไม่ได้ใส่ตอนพิเศษลงไป แต่ก็คือว่าเสร็จไปแล้วกว่า 90%
แต่เขาก็ไม่อยากคิดไปเองยังคิดว่าเพื่อนน่าจะมีเหตุผล แต่เมื่อโทร.หา อิทธิพลกลับไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน และร้ายสุดคือกลายเป็นว่าอิทธิพลบล็อกเขาไปเสียแล้ว
ทุกอย่างดูอึมครึมส่อไปในทางที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย
ทางเดียวคือให้คนในกอง บก. สำนักพิมพ์ที่เขาสังกัดอยู่ช่วยกันหาข้อมูล เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าอิทธิพลเก็บต้นฉบับไว้หรือส่งออกไปที่อื่นแล้ว เขาไม่กล้าจะคิดว่าอิทธิพลจะขโมยต้นฉบับไปอ่านเองหรือให้แฟนอ่าน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแค่ขอ เขาก็ยอมให้แล้ว
และก็ได้เรื่องเมื่อหนึ่งในทีมงานแจ้งรายชื่อหนังสือของสำนักพิมพ์อื่นๆ ที่จะออกในงานสัปดาห์หนังสือปีนี้ บังเอิญมากที่มีเรื่องหนึ่งใช้ชื่อเรื่องเดียวกันกับเขา รวมทั้งคำโปรยที่ได้มาก็เป็นนิยายของเขาชัดๆ
ถ้าเขาไม่จัดการเอาต้นฉบับคืนมา ก็จะทำให้แผนงานที่ดิวไว้กับสำนักพิมพ์ล่มไม่เป็นท่า เพราะเป็นการใช้ต้นฉบับซ้ำกัน คนอ่านจะต้องตามมาด่าแน่
แต่ถึงจะมีหลักฐานเด่นชัด เขาก็ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนจะทำเขาได้ลงคอ ทว่าชื่อนามสกุลในสัญญาของ สนพ.พราวแสงดาว ที่ทีม บก.หาข้อมูลมาได้ก็โชว์หราอยู่ เขาจึงติดต่อมาที่นี่เมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน อดรนทนไม่ไหวและเกรงว่าแค่โทรศัพท์จะไม่มีน้ำหนักมากพอ จึงตัดสินใจเดินทางมาด้วยตัวเอง แต่ บก. คนสวยกลับไม่ยอมรับข้อเสนอของเขา
ในเมื่อการเจรจาไม่สำเร็จมีทางเดียวก็คือเขาต้องลบไฟล์ต้นฉบับออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของ สนพ.พราวแสงดาว ให้หมด ทั้งที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นฉบับเก็บอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องไหน และมีเซฟสำรองไว้ที่ไหนอีกบ้าง แต่เขาก็ต้องทำในสิ่งที่ทำได้ ดีกว่าปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปโดยไม่พยายามทำอะไรสักอย่าง
แต่หากวันนี้เขาหาต้นฉบับไม่พบ เขาก็จะเบนเป้าโดยการหาข้อมูลหรือสิ่งใดที่พอจะเป็นข้อต่อรองที่มีน้ำหนักสมน้ำสมเนื้อ เพื่อบีบให้ดาราพรรณยกเลิกการจัดพิมพ์นิยายเล่มนี้ให้ได้ ยังไงก็จะไม่ยอมเสียต้นฉบับที่อดตาหลับขับตานอนมา 3 เดือนไปฟรีๆ แน่
เมื่อขอกันดีๆ แล้วไม่ให้ ก็ต้องขโมยกันล่ะ
“ผมขอต้นฉบับของผมคืนก่อนนะเจ๊ดาว แล้วจะทำยังไงกันต่อ ค่อยคุยกันอีกที”
นนท์ดั่งจะฝากคำลำพึงลำพันไปถึงเจ้าของโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ขณะเก็บต้นฉบับนิยายของเขาที่ถูกปริ๊นส์ใส่กระดาษ A4 เย็บรวมกันเป็นปึกใหญ่ใส่กระเป๋าสะพาย และไม่ลืมที่จะเปิดโน้ตบุ๊คของดาราพรรณเพื่อลบไฟล์ต้นฉบับที่เซฟเอาไว้