ตอนที่ 2

990 คำ
EP.02 นนท์เดินตรงไปยังโซนห้องทำงานด้านในสุดที่ใช้ฉากกั้นแบ่งแยกเป็นสัดส่วนเอาไว้ แยกพื้นที่ระหว่างผู้บริหารกับพนักงาน ซึ่งด้านในสุดนั้นเป็นโซนทำงานของบรรณาธิการ แต่ก็ไม่เคยคิดว่า บก. และควบตำแหน่งเจ้าของ สนพ. จะเป็น ‘ดาราพรรณ’ หรือ ‘เจ๊ดาว’ ผู้หญิงที่เขาเคยเห็นหน้าเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แม้จะอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ก็แค่เคยเห็นไม่เคยพูดจา รู้แค่ว่าดาราพรรณเป็นพี่สาวต่างแม่ของดิน และความสัมพันธ์ระหว่างดินกับครอบครัวใหญ่ของพ่อก็ไม่ได้ดีนัก ดังนั้นเมื่อดินไม่ได้พูดถึง เขาก็เลยไม่ได้ถาม ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้มาเจอกันอีกครั้งในฐานะของ ‘เจ้าของสำนักพิมพ์พราวแสงดาว’ กับเขาผู้เป็น ‘นักเขียน’ นั่นเป็นเหตุที่เมื่อตอนกลางวันเขาจะบอกว่าเป็นเพื่อนกับดินไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าดาราพรรณจะคิดยังไง โดยเฉพาะสิ่งที่เขาเข้ามาติดต่อกับหล่อนในวันนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ สนพ. จะยอมได้ง่าย โดยเฉพาะรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปแบบ 1 ไปถึง 10 ที่ดาราพรรณเป็นก็ยิ่งทำให้เขาประหม่า เพราะเจ๊ดาวพี่สาวของดินไม่ใช่หญิงสาวหุ่นผอมบางใส่แว่นตาหนาเตอะไว้ผมบ๊อบไม่ต่างจากหมวกกันน็อก แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นสาวแซ่บเปรี้ยวจี๊ดจนมะนาวเรียกพี่ หล่อนมีผมสีน้ำตาลอ่อนดัดลอนใหญ่ยาวสยายถึงกลางหลัง สวมชุดเดรสสีดำเน้นสัดส่วน อก เอว สะโพกที่รับกันลงตัวดุจนาฬิกาทราย โดยเฉพาะเต้านมขนาดมหึมาที่น่าคลุกหน้าซอนซุกนั้นก็จำให้เขาต้องสะกดลมหายใจให้นิ่ง และมองแต่เพียงใบหน้า ใจจะได้ไม่วอกแวกไปทางอื่น แต่ไม่ใช่เลย เพราะใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางจนสวยบาดจิต บวกกับริมฝีปากสีแดงสดคล้ายจะมีรอยยิ้มน้อยๆ เยาะๆ เหมือนยั่วเย้าผู้ชายอยู่ตลอดเวลา กับดวงตาพราวระยิบที่มองมาแบบหยอกเย้าก็แทบทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้องเสียดื้อๆ เพราะนั่นจะต่างอะไรกับดวงตาแม่เสือสาวพร้อมขย้ำเหยื่อ และเขาก็อยากจะตะโกนบอกหล่อนเหลือเกินว่า ‘เสือจ๋า! เหยื่อพร้อมแล้ว’ นั่นเขาแค่คิด แต่หล่อนก็เหมือนจะรู้ หรืออาจจะชินชากับผู้ชายที่ตกตะลึงในความสวย ริมฝีปากสีแดงสดจึงดูราวจะแย้มยิ้มมากขึ้นอีก ก่อนจะเอียงหน้าปรายตาให้เขานั่งในฝั่งตรงกันข้าม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งหมดนั้นทำให้ช่องท้องเขาปั่นป่วนไปหมด และบางอย่างที่ไม่ควรตื่นก็ตื่นขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่ก็สลบเหมือดตอนที่หล่อนตอกกลับมา ‘อะไรนะคะ! คุณจะมาบอกว่าฉันซื้อต้นฉบับจากขโมยเหรอคะ’ เสียงหวานออกจะสูงนั้นบ่งบอกว่าหล่อนไม่เชื่อแน่ แม้ว่าเขาจะมีหลักฐานเป็นต้นฉบับนิยายความยาวกว่า 200 หน้ามายืนยัน ‘ผมไม่ได้บอกว่าจากขโมย ผมบอกว่าต้นฉบับที่คุณเซ็นสัญญาไปได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะต้นฉบับเป็นลิขสิทธิ์ของผมซึ่งเป็นนักเขียน ไม่ใช่เป็นของคนที่ทำสัญญากับคุณ’ นั่นคือประโยคแรกที่ดาราพรรณพูดกับเขานอกจากคำทักทายและให้บอกจุดประสงค์ของการมาติดต่อในวันนี้ ทั้งที่หล่อนรู้อยู่แล้วเพราะเขาโทรศัพท์มานัดตั้งแต่เมื่อวาน แต่หล่อนก็ยังทำเหมือนแกล้งให้เขาต้องอธิบายยาวๆ อีกครั้ง ดวงตาที่แต่งแต้มเครื่องสำอางจ้องมาเหมือนกำลังประเมินมองอะไรสักอย่าง หรือไม่หล่อนก็คงกำลังคิดว่าจะจัดการกับเขายังไง นั่นยิ่งทำให้เขาบอกไม่ได้ว่าเคยรู้จักกันมาก่อน หรือจะบอกว่าเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนมัธยมเดียวกันเพื่อเพิ่มอภิสิทธิ์ในการเจรจาก็คงไม่ได้ เพราะก็โตๆ กันแล้ว เขาควรสวมบทบาทนักเขียนผู้มาทวงลิขสิทธิ์งานตัวเองและต้องอธิบายให้หล่อนเข้าใจ เห็นใจ พร้อมทั้งคืนต้นฉบับให้กับเขา ‘ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ ในเมื่อคุณบอกว่าต้นฉบับที่คุณอิทธิพลเอามาส่งให้ฉัน ไม่ใช่ต้นฉบับที่คุณอิทธิพลเขียนเอง แต่คุณอิทธิพลถือโอกาสตอนที่คุณไม่อยู่ห้อง ก้อปปี้เอาต้นฉบับมาส่งให้ฉัน นั่นก็ต้องถือว่าคุณอิทธิพลขโมยมาสิคะ’ ‘ก็ผมอธิบายให้คุณฟังอยู่นี่ไงว่าต้นฉบับมันเป็นของผม แต่อิทธิพลถือโอกาสเอาผลงานของผมมาขายให้คุณ โดยอ้างว่าเป็นต้นฉบับของเขาเอง’ ‘ถ้าเขาเอาต้นฉบับมาโดยไม่บอกคุณ ก็แปลว่าเขาขโมยนั่นแหละค่ะ ไม่ใช่ว่าเขาถือโอกาสนะคะ คุณจะเบี่ยงคำพูดให้มันงงทำไม และถ้าคุณยืนยันว่าคุณอิทธิพลขโมยผลงานของคุณมาจริง และคุณก็ติดต่อเขาไม่ได้ ฉันแนะนำให้คุณไปแจ้งความค่ะ เอาหลักฐานพวกนี้ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบนะคะ ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วว่ามีน้ำหนักมากพอ เจ้าหน้าที่ก็คงจะรับแจ้งความ แล้วคุณก็เอาใบแจ้งความกลับมาให้ฉัน ฉันจะระงับการจัดพิมพ์นิยายเล่มนี้ไว้ก่อน รอจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ถ้าคุณอิทธิพลผิดจริง ฉันก็จะดำเนินคดีกับคุณอิทธิพลที่ทำให้สำนักพิมพ์ของฉันต้องเสียหายหลายอย่าง รวมทั้งเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะรับซื้อของโจรด้วย ตกลงตามนี้นะคะ วินวินด้วยกันทั้งสองฝ่าย เดี๋ยวคุณจะเข้าใจว่าฉันกับสำนักพิมพ์เพิกเฉย เอาใบแจ้งความกลับมาค่ะ แล้วฉันจะจัดการในส่วนที่เหมาะสมให้’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม