4

1822 คำ
จากนั้น หวังตันส่งสัญญาณให้บ่าวชายรู้ เพื่อจับกุมตัวสิงตู้เหยาไว้ป้องกันการหลบหนี “แม่นางเหลียน โปรดระวังตัว ดูเหมือนว่ามีคนคิดปองร้ายท่าน” หวังตันบอกเช่นนั้น ซ่างเป่าเหลียนจึงเพ่งสายตาไปที่สิงตู้เหยา หากไม่ใช่การจับผิด หรือคิดร้าย นางเพียงแค่สงสัย ทั้งไม่ปักใจเชื่อว่าสาวใช้ผู้นี้จะวางยาพิษตน เด็กสาวยังใสซื่อเกินไป ทั้งอ่อนด้อยในหลายสิ่ง “ไม่ใช่บ่าวนะแม่นางเหลียน บะ บ่าว กลัวถ่านที่เตรียมมาจะหมดระหว่างทาง เลยไปขอใช้ห้องครัวของโรงเตี๊ยมด้านหลัง เพื่อต้มน้ำแกง และเฝ้าดูอยู่ตลอด คาดสายตาเพียงนิดเดียว เพราะชามที่จะใส่น้ำแกงตกแตก เลยไปขอยืมคนงานด้านใน พอกลับมาก็รีบยกหม้อยาลง แล้วนำมาให้ท่านดื่มทันที ดูสิเจ้าคะ ยังร้อนอยู่เลย” ซ่างเป่าเหลียนฟังแล้ว สับสนอยู่สักหน่อย และใบหน้าที่ดื้อรั้น ทั้งยังอวดดีของสิงตู้เหยาที่เคยเห็นนั้นเปลี่ยนไป ยามนี้นางกลัวบ่าวชายที่ดูแลรถม้า คนผู้นั้นเป็นทั้งทหาร และมีฝีมือดี เรียกได้ว่าแม่ทัพตงโหดเหี้ยมเพียงใด ลูกน้องที่เขาฝึกมากับมือย่อมได้รับนิสัยเช่นนั้นมาไม่มากก็น้อย “อยากถูกหักนิ้ว หรือตัดหูก่อนดี เจ้าถึงจะสารภาพเรื่องทั้งหมดให้ละเอียด” บ่าวชาย นามโจวซ่งกล่าวเสียงเข้มๆ และมันส่งผลให้สิงตู้เหยากลัวอย่างลนลาน จนนางเผลอถ่ายเบาเรี่ยราด ทว่าทุกอย่างไม่จบเพียงเท่านั้น เกิดความวุ่นวายตามมา ราวกับเป็นหายนะที่ซ่างเป่าเหลียนต้องเผชิญ “แม่นางเหลียน ข้าว่าเรารีบกลับขึ้นรถม้าเถิด ชักช้าอาจมีคนโยนความผิดให้เราต้องติดคุกได้” หวังตันเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี นางวางเงินไว้ที่โต๊ะ พร้อมพยักเพยิดให้โจวซ่งลากตัวสิงตู้เหยาไป ทว่ามีเสียงเอะอะขึ้นพร้อมคนของโรงเตี้ยม ทหารอีกสามนาย มุ่งตรงมายังโต๊ะด้านนอกที่ซ่างเป่าเหลียนนั่งอยู่ “นั่น... นางออกมาจากห้องครัว ข้าสงสัยว่าจะเป็นผู้ใช้ยาพิษ จนทำให้มีคนป่วยในตอนนี้” เด็กในครัวชี้มือมาทางสิงตู้เหยา เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เชื่อมโยงกับโต๊ะอาหารด้านใน ที่มีคนกินบะหมี่เนื้อเป็ด แล้วหมดสติไป ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผู้อาการหนักหายใจรวยริน ในขณะทหารกำลังจะเข้ามาจับกุมตัวสิงตู้เหยา และฝ่ายโจวซ่งก็ไม่ยินยอม ทว่าสถานการณ์นั้นอาจลุกลามใหญ่โต ซ่างเป่าเหลียนจึงต้องการเจรจาเสียก่อนใช้กำลัง “พี่ชาย มีสิ่งใดค่อยพูดกัน” ด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ สีหน้าไม่ได้ตื่นตกใจ อีกทั้งความงามของซ่างเป่าเหลียนสะกดสายตาทุกคน ผู้ที่มองนางจึงหยุด และเหมือนถูกมนตร์สะกดไว้ชั่วขณะ “แม่นาง คนผู้นี้ก่อเรื่องด้านใน หากท่านไม่เกี่ยวข้อง อย่ายื่นมือเข้ามายุ่งเลย” ซ่างเป่าเหลียนทบทวนสิ่งที่เจ้าของร่างรู้ รวมถึงตัวนางเองด้วย พอปะติดปะต่อบางอย่างได้ก็เอ่ยว่า “ข้ากับเสี่ยวเหยา เดินทางมาด้วยกัน อีกอย่างข้าใช้นางไปต้มน้ำแกงเพื่อดื่ม ไฉนจะกลายเป็นคนใช้พิษทำร้ายผู้อื่นได้” “เฮอะ มีนางเป็นคนนอกเพียงคนเดียว ที่เข้าไปวุ่นวายโรงครัวเรา เช่นนี้หากไม่ใช่นาง แล้วใครจะทำร้ายภรรยาของท่านอารักษ์ รวมถึงคนอื่นๆ ได้ โรงเตี๊ยมข้าเปิดมานาน ไม่เคยมีคดีความใดๆ โจรสักรายก็ไม่เคยเข้ามายุ่มย่าม” เถ้าแก่โรงเตี้ยมว่าและชี้มือมายังสิงตู้เหยา พร้อมสั่งให้ทหารรีบจับกุมตัวไปสืบสวนและลงโทษเสีย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ซ่างเป่าเหลียนต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน ยามนั้น เสียงโอดครวญของคนที่ได้รับพิษดังมาจากด้านใน ทำให้รู้ว่า นอกจากผู้เป็นฮูหยินของอารักษ์ ที่มีอาการหนักสุด ยังมีผู้ที่ได้รับพิษจากบะหมี่เป็ดอีกสามคน นั่นก็คือตัวอารักษ์ น้องชายเขา อีกโต๊ะเป็นพ่อค้าหาบเร่ รวมถึงโต๊ะที่ชั้นสอง หากอาการไม่ได้หนัก เพียงแค่วิ่งเวียนศีรษะ “ตอนนี้ช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด” ซ่างเป่าเหลียนกล่าวจบก็เตรียมลุกก้าวไปดูคนที่ได้รับพิษจากอาหาร ทว่าตอนนั้นเองที่หวังตันจับข้อมือหญิงสาวและดึงรั้งไว้ก่อน “แม่นางเหลียน อย่าได้แสดงตัวตนให้ผู้อื่นรู้ อีกอย่างท่านต้องเดินทางให้ถึงเมืองหวางอินเร็วที่สุด หากล้าช้าเกรงว่าจะทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่ขุ่นเคืองใจ อย่าลืมสิ ก่อนออกเดินทาง ท่านแม่ทัพ กำชับไว้อย่างไร” หญิงสาวมองหวังตัน สายตาบอกให้รู้ว่า เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้ ขณะเดียวกัน แม้เจ้าของร่างปิดกั้นหลายสิ่งเอาไว้ นั่นเพราะนางยังเสียใจอยู่ แต่ประตูอีกด้านหนึ่งได้เปิดออก ซ่างเป่าเหลียนพบว่า นางไม่ได้หลงเหลือแค่ความสามารถทางการแพทย์ไปเสียทั้งหมด อีกทั้งหลังการใช้เวลากับตงเยี่ยหรง นางได้รับกระเป๋าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถเคลื่อนย้ายในห้วงมิติเวลาด้วย เรื่องนี้น่าประหลาดใจยิ่ง ด้วยกระเป๋าดังกล่าวคือสิ่งที่นางใช้ครั้งสุดท้ายในฐานะแพทย์คนหนึ่ง นั่นหมายความว่าซ่างเป่าเหลียนไม่ได้มาเพียงลำพัง นางยังคงมีเครื่องมือที่จะทำให้ตนรอดเมื่อต้องใช้ชีวิตในโลกที่แตกต่าง ซึ่งซ่างเป่าเหลียนจำได้ว่า ก่อนที่นางจะออกเดินทางจากค่ายทหาร ตงเยี่ยหรงขี่ม้าตัวโต และมอบของสำคัญแก่นาง วาบแรกนางเห็นของสำคัญที่แทบจะหลงลืมไปแล้ว น้ำตาก็ไหลอาบสองแก้ม หญิงสาวโหยหาความรู้สึกที่อยู่ในอาชีพที่ตนรัก ภาพในความทรงจำย้อนกลับมาให้ระลึกถึง หลังจากรถยนต์ส่วนตัว เพื่อลงไปช่วยคนเจ็บในอุบัติเหตุรถชนหลายคัน ซ่างเป่าเหลียนก็ถูกรถที่ขับมาโดยไม่ระวังพุ่งเข้าใส่ร่างจนนางพลัดตกลงคลอง สติดับวูบในทันที และจดจำหลายสิ่งไม่ได้มากนัก จากนั้นจึงกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลับๆ ตื่นๆ ภาพซ้อนทับไปมา ทั้งจากโลกแห่งความจริง และโลกคู่ขนาน สุดท้ายก็มาอยู่ที่นี่ เป็นเรื่องราวที่เคยอ่านผ่านตา การเป็นคนไร้ประโยชน์หลายปี ทำให้ทุกข์ใจเสมอ กระทั่งได้มีชีวิตอีกครั้ง แม้แรกเริ่มจะชวนให้ต้องอดสูสักหน่อย หากเมื่อยังมีลมหายใจ ซ่างเป่าเหลียนก็จะใช้ชีวิตใหม่นี้ให้คุ้มค่า “กล่องของเจ้า ดูอัปมงคลและน่าตาอัปลักษณ์เหมือนแผลของข้าที่ถูกเจ้ากัดไม่มีผิด เป็นของตกทอดสกุลซ่างหรอกหรือ ทหารที่จับกุมตัวเจ้ามา ยึดเอาไว้ นับว่าดีไม่ถูกนำไปขายเสียก่อน ว่าแต่มันเป็นของประเภทใด หวังว่าคงไม่ใช่เครื่องมือทำไสยเวทหรอกนะ” ตงเยี่ยหรงถาม สีหน้าเขาที่ติดเย็นชาอยู่ตลอด ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนพยายามระงับความดีใจเอาไว้ นางกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจไม่มอบกระเป๋าเครื่องมือทางการแพทย์แก่นาง “มันมีไว้เพื่อการใด” เขาถามอีกหน แววตาคมๆ คู่นั้นจับพิรุธซ่างเป่าเหลียน “ใช้ยังชีพ และช่วยเหลือข้ากับผู้อื่นยามได้รับอันตราย ตัวข้า... พอมีความรู้เรื่องการปรุงสมุนไพรเล็กน้อย การทำแผลก็เช่นกัน ทั้งหมดนี้ข้าเรียนรู้ กับแม่ชีผู้หนึ่ง” ได้ยินคำตอบนาง เขาก็เลิกคิ้วสูงทั้งสองข้าง คนผู้นี้ สมควรเป็นตัวร้ายกาจทั้งในนิยาย และโลกแห่งความจริง แล้วหากประเมินให้ดี เขาคงมีอายุราวๆ เกือบสี่สิบปี ใกล้เคียงอายุของช่างเป่าเหลียนในโลกที่จากมา ผู้ชายประเภทนี้นางเคยพบมาบ้าง ซึ่งทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่ก็กัดไม่ปล่อย นิสัยเยี่ยงเด็กหวงของ ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาอยากให้นางไปให้พ้นๆ หน้า นางก็ต้องเล่นไปตามบทบาทของตน จากนี้ย่อมต้องอยู่ให้ห่างคนแซ่ตง ที่เป็นทั้งบิดาของสามีผู้ล่วงลับ และทรราชในนิยายที่นางเคยอ่านนั่นเอง “เดินทางถึงเรือนหญิงหม้ายแล้ว เจ้าจะรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นๆ แต่ภายหลัง อย่าได้ใส่ใจ อีกอย่างการจากไปของเสี่ยวซี เจ้าย่อมมีความผิด และข้าจะไม่มีวันให้อภัย” คนตัวโตกล่าวจบ ก็มองมาที่นาง และเขาคงอยากเห็นความอ่อนแอ เหมือนเวลาออกแรงกระทำหยาบช้าต่อร่างกายงดงามนี้ “เสี่ยวเหลียนจำไว้ เจ้าไร้วาสนาต่อสกุลตง และอย่าพยายามปีนขึ้นเตียงบุรุษคนใดอีก นี่คือสิ่งที่ข้าเตือน” อันที่จริงซ่างเป่าเหลียนไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางอยากตอบโต้เขา แต่เลือกอดทนเข้าไว้ ตัวนางย่อมรู้แล้วว่า หมาบ้าที่ชอบเห่า และแยกเขี้ยวข่มขู่ หากเราไม่เต้นตกใจตาม มันคงคลั่งแค้นจนกระอักเลือดตายไปเอง พอตงเยี่ยหรงไม่เห็นว่าสตรีที่เขาหลับนอนด้วย กล่าวคำใด เขาก็สั่งให้รถม้าออกเดินทาง และขี่ม้าจากไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด เมื่อซ่างเป่าเหลียนรับกระเป๋าเครื่องมือแพทน์มา นางก็เปิดดู และพบว่า มันไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป เพราะด้านในเสมือนเป็นลิ้นชักที่เปิดออกแล้วมีของที่ต้องการใช้สอยมากมาย ยามนี้จึงประหนึ่งว่านางได้กลายเป็นหมอเทวาในโลกคู่ขนาน หวังตันเป็นว่าซ่างเป่าเหลียนเงียบไป จึงฉุดแขนเรียกสติอีกหน “ข้ารอดตายมาได้หนหนึ่งแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ หากพอยื่นมือช่วยผู้อื่นได้ ก็คงเป็นการสร้างความดีให้ตนเอง และผู้ที่อยู่ใกล้ชิด” “เสี่ยงอันตรายเกินไปหรือไม่ ข้าคิดว่า คงไม่มีใครอยากให้สตรีแปลกหน้ายื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องผู้อื่นเป็นแน่แท้” หวังตันเตือนอีกหน “แม่บ้านหวัง ที่นี่อยู่ห่างไกลเมือง หมอก็คงหายากสักหน่อย ตัวข้าอย่างน้อยที่สุด ก็รู้เรื่องยา และสมุนไพร ดังนั้นหากได้ต่อลมหายใจให้คนได้ ข้าก็จะไม่รอช้า” “ของสิ่งนั้น ท่านต้องการใช้มันหรือไม่” “ใช่ ช่วยส่งเสริมให้ข้าได้เป็นหมอเทวดาเถิดแม่บ้านหวัง” ซ่างเป่าเหลียนเอ่ยอย่างนั้นแล้ว หวังตันก็รู้หน้าที่ตน นางเบี่ยงตันเพื่อไปยังรถม้า เพื่อนนำกระเป๋าที่ดูเหมือนสิ่งอัปมงคล และดูอัปลักษณ์สักหน่อยมาให้ซ่างเป่าเหลียน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม